51 ภาคประชาชนจากพม่า ได้ยื่นหนังสือเรียกร้องถึงรัฐบาลไทย ที่มหกรรม ประชาชนอาเซียน ที่อ.ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เรียกร้องให้รัฐบาลไทยหยุดโครงการเขื่อนสาละวิน เพื่อไม่ตกเป็นเครื่องมือของทหารพม่าในการขยายสงครามการเมืองภายในของพม่า
หนังสือกล่าวถึงกรณีเหตุการณ์ที่ทหารพม่าขยายการกวาดล้างและละเมิดสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ใกล้เคียงเขื่อนฮัดจี ในรัฐกะเหรี่ยง และเขื่อนท่าซางในรัฐฉาน โดยได้ฝากไปยังรัฐบาลว่า โครงการแหล่านี้จะไม่สามารถรับประกันความความมั่นคงด้านพลังงานให้กับไทยได้
ตั้งแต่เดือนมิถุนยนที่ผ่านมา ทหารพม่าได้เข้าโจมตีกองกำลังกู้ชาติกะเหรี่ยง เคเอ็นยู เพื่อเข้าควบคุมพื้นที่ตลอดเส้นทางสายส่งไฟฟ้าจากเขื่อนฮัดจี ซึ่งมีกำลังผลิด 1,360 เมกกะวัตต์ เป็นเหตุให้ชาวบ้าน 3,500 ได้หนีเขามาในประเทศไทย
จากเหตุการณ์สู้รบที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ที่รัฐฉาน และทหารพม่าได้ผลักดันให้กลุ่มหยุดยิงแปรสภาพเป็นหน่วยรักษาชายแดน ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของทหารพม่าโดยตรง ทำให้เกิดความตึงเครียดระหว่างกองกำลังว้า ซึ่งควบคุมเส้นทางส่งไฟฟ้า 7,110 เมกกะวัตต์ จากเขื่อนท่าซางสู่ชายแดนไทยพม่า หากมีการสู้รบอาจก่อให้เกิดผู้อพยพจำนวนมากหลั่งไหลเข้าสู่ประเทศไทยด้านภาคเหนือมากขึ้น
“โครงการเขื่อนสาละวินหมายถึงสงคราม ผู้อพยพจะต้องเข้าสู่ประเทศไทยมากขึ้น” จาย จาย ผู้ประสานงานกลุ่มปกป้องแม่น้ำสาละวิน (สาละวินวอช) กล่าว
ขณะนี้ประเทศไทยได้พึ่งการนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากประเทศพม่า 12.2% จากจำนวนการผลิดพลังงานทั้งหมด และเขื่อนสาละวินยิ่งจาจให้ไทยต้องพึ่งพลังงานจากพม่ามากขึ้น
“ไทยไม่มีความจำเป็นที่จะสร้างเขื่อนในพื่นที่สงครามเพื่อความมั่นคงด้านพลังงาน” นายมนตรี จันทวงศ์ ผู้ปรสานงานโครงการพื้นฟูชีวิตและธรรมชาติกล่าว
ปัจจุบันโครงการเขื่อนสาละวินในพม่ามีทั้งหมด 5 โครงการ โดย 4 โครงการจะส่งออกไฟฟ้าให้กับไทย และหนึ่งโครงการจะส่งไฟฟ้าไปยังประเทศจีน เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทหารพม่าได้โจมตีกลุ่มโกกั้ง เขตรัฐฉานตอนเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่สร้างเขื่อนสาละวินตอนบน เป็นเหตุให้มีชาวบ้าน 37,000 อพยพเข้าสู่ประเทศจีน และบริษัทจากประเทศจีนจะเป็นผู้ลงทุนสร้างเขื่อนดังกล่าว
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)