Skip to main content
sharethis

(20 ต.ค.52) ชาวบ้านจำนวน 19 องค์กร เข้ายื่นหนังสือคัดค้านประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง โครงการหรือกิจกรรมเกี่ยวกับการอุตสาหกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง และร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ 13 ต.ค. 2552 ให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมแนบ ร่าง พ.ร.บ.องค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมโดยมีนายสาธรวงศ์หนองเตย เป็นผู้รับหนังสือดังกล่าว
 
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 ส.ค.2552 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการจัดทำบัญชีรายชื่อประเภทกิจการที่มีผลกระทบต่อประชาชนอย่างรุนแรงตามหลักการมาตรา 67 วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 14 ก.ย.2552 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้ประกาศ “ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม” เรื่อง โครงการหรือกิจการเกี่ยวกับการอุตสาหกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ โดยอ้างว่า “เพื่อประโยชน์ในการบริหารงาน และป้องกันผลกระทบต่อประชาชนรวมทั้งอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประสงค์จะประกอบการอุตสาหกรรม” โดยไม่มีกฎหมายรองรับ อีกทั้ง ประกาศกระทรวงฯ ฉบับดังกล่าวยังไม่ได้ตั้งอยู่บนเหตุผลและไม่อาจทำให้เจตนารมณ์ในการคุ้มครองสิทธิในการมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีของประชาชนตามรัฐธรรมนูญบรรลุผลได้

หนังสือดังกล่าว ระบุข้อเสนอต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ว่า 1.ให้รัฐบาลยกเลิกประกาศกระทรวง เรื่อง โครงการหรือกิจการเกี่ยวกับการอุตสาหกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ ฉบับวันที่ 14 ก.ย.2552 และไม่นำประกาศกระทรวงฯ ฉบับนี้ไปเป็นข้ออ้างในการอนุมัติ อนุญาตโครงการหรือกิจกรรมต่างๆ 2.ให้รัฐบาลยุติการเสนอร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา

และ 3.ให้รัฐบาลเร่งดำเนินการนำร่างองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ พ.ศ. ... ที่ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับจากคณะกรรมการศึกษาและยกร่างกฎหมายจัดตั้งองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อม เข้าสู่การพิจารณาในคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบและดำเนินการให้เป็นกฎหมายภายในสมัยประชุมนิติบัญญัติพระราชบัญญัติโดยเร่งด่วน เพื่อจัดตั้งองค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพที่เป็นอิสระอย่างแท้จริง ตลอดจนเปิดโอกาสให้มีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมีสิทธิร้องขอให้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงการกำหนดประเภทโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลไปได้ และให้มีอำนาจหน้าที่ในการให้ความเห็นต่อโครงการหรือกิจกรรมฯ ก่อนที่โครงการหรือกิจกรรมดังกล่าวจะดำเนินการ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรคสอง

 

 

 
เขียนที่บ้านเลขที่ 202 หมู่ที่ 2
ตำบลธงชัย อำเภอบางสะพาน
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 77190
 
20 ตุลาคม 2552
 
เรื่อง      คัดค้านประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง โครงการหรือกิจกรรมเกี่ยวกับการ        อุตสาหกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง และร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ 13 ต.ค. 2552
 
เรียน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
 
 
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2552 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการจัดทำบัญชีรายชื่อประเภทกิจการที่มีผลกระทบต่อประชาชนอย่างรุนแรงตามหลักการมาตรา 67 วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2552 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้ประกาศ ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง โครงการหรือกิจการเกี่ยวกับการอุตสาหกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ โดยอ้างว่า “เพื่อประโยชน์ในการบริหารงาน และป้องกันผลกระทบต่อประชาชนรวมทั้งอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประสงค์จะประกอบการอุตสาหกรรม”
 
องค์กรภาคประชาชนตามรายชื่อแนบท้ายหนังสือฉบับนี้ มีความเห็นต่อประกาศกระทรวงฯ ฉบับดังกล่าว ดังต่อไปนี้
 
1. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 67 เป็นบทบัญญัติที่มีเจตนารมณ์เพื่อคุ้มครองสิทธิในการมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีของประชาชน อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานและในการดำรงชีวิตอย่างปกติสุขของประชาชนและชุมชน
 
2. เพื่อเป็นการประกันให้สิทธิในการมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีของประชาชนเป็นจริง รัฐธรรมนูญมาตรา 67 ได้กำหนดเงื่อนไขสำคัญไว้ว่า โครงการหรือกิจกรรมที่อาจส่งผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ จะดำเนินการไม่ได้ เว้นแต่ได้ดำเนินการตามกลไกที่สำคัญ ได้แก่ การศึกษาและประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียก่อน รวมทั้งให้มีองค์กรอิสระซึ่งประกอบด้วยผู้แทนองค์กรเอกชนด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพและผู้แทนสถาบันอุดมศึกษาที่จัดการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมหรือทรัพยากรธรรมชาติหรือด้านสุขภาพ ให้ความเห็นประกอบก่อนมีการดำเนินการ
 
3. การที่สิทธิตามข้อ 1 และหลักประกันตามข้อ 2 จะบรรลุผลได้นั้น สิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง คือ การกำหนดว่าโครงการหรือกิจกรรมใดคือ โครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ซึ่งมีหน้าที่ต้องดำเนินการตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ครบถ้วนเสียก่อนจึงจะดำเนินการได้
 
4. ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง โครงการหรือกิจการเกี่ยวกับการอุตสาหกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ มีความไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่ชอบด้วยเหตุผลหลายประการ ดังนี้
 
4.1 ประกาศกระทรวงฯ ฉบับนี้ประกาศออกมาบังคับใช้โดยที่ไม่มีกฎหมายลำดับพระราชบัญญัติฉบับใดให้อำนาจแก่กระทรวงอุตสาหกรรมในการออกประกาศกระทรวงฯ ฉบับนี้ได้ ประกาศกระทรวงฉบับนี้จึงเป็นประกาศกระทรวงที่ออกโดยผู้ไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย จึงเป็นประกาศกระทรวงที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
 
4.2 ประกาศกระทรวงฯ ฉบับนี้เป็นประกาศกระทรวงที่ไม่ได้ตั้งอยู่บนเหตุผลและไม่อาจทำให้เจตนารมณ์ในการคุ้มครองสิทธิในการมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีของประชาชนตามรัฐธรรมนูญบรรลุผลได้ เพราะ การกำหนดประเภทโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ เป็นเรื่องที่มีความสำคัญจึงต้องอาศัยองค์ความรู้ทางวิชาการและต้องมีรับฟังความคิดเห็นของกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้านก่อน แต่การดำเนินการของกระทรวงอุตสาหกรรม กลับไม่ปรากฏว่ามีการดำเนินการศึกษาวิจัยและรับฟังความคิดเห็นของกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้านก่อนแต่อย่างใด ส่งผลให้ประกาศกระทรวงฯ ฉบับนี้ไม่ครอบคลุมโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างร้ายแรงจำนวนมาก เช่น โครงการเหมืองแร่โปแตซ ในจังหวัดอุดรธานี โครงการโรงถลุงเหล็ก ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซ ในจังหวัดสระบุรี โรงงานอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้าในจังหวัดระยอง และโครงการเหมืองทองคำ ในจังหวัดพิจิตร เป็นต้น ทั้ง ๆ ที่โครงการเหล่านี้เป็นโครงการขนาดใหญ่และอาจก่อให้เกิดผลกระทบอย่างต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งนี้โดยไม่มีเหตุผลที่มีน้ำหนักมารองรับ ผลของประกาศกระทรวงฉบับนี้จึงไม่อาจทำให้บรรลุตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญในการคุ้มครองสิทธิในการมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีได้ ประกาศกระทรวงฯฉบับนี้จึงขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ และเป็นประกาศกระทรวงที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งเป็นประกาศที่เป็นเสมือนใบอนุญาตให้มีการทำลายชุมชนและทรัพยากรธรรมชาตินั่นเอง
                       
5. ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ฉบับที่..) พ.ศ. (กำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง) ที่ได้ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2552 มีหลักการและเนื้อหาที่จะส่งผลให้กระบวนการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรคสอง ซึ่งเป็นหลักประกันในการคุ้มครองสิทธิด้านสิ่งแวดล้อมของชุมชนไม่สามารถบรรลุผลตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญได้ ในสาระสำคัญ กล่าวคือ ในร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ได้กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเป็นผู้มีอำนาจกำหนดประเภทโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง โดยทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ มีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหน่วยงานที่มีอำนาจอนุมัติอนุญาตโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง และอยู่ภายใต้อำนาจบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี จึงเป็นอาจเกิดกรณีผลประโยชน์ทับซ้อนในการปฏิบัติหน้าที่ จนทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ให้บรรลุตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาตรา 67 ที่ต้องการให้มีองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมซึ่งต้องมีองค์ประกอบและความเป็นอิสระในการดำเนินการขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาตรา 67 ได้ ซึ่งคณะกรรมการศึกษาและยกร่างกฎหมายจัดตั้งองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ได้จัดทำร่างกฎหมายซึ่งสอดคล้องกับหลักความเป็นอิสระดังกล่าวไว้แล้วโดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน แต่รัฐบาลกลับเพิกเฉยและมิได้ดำเนินการเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวต่อรัฐสภาแต่อย่างใด มิหนำซ้ำในทางตรงกันข้ามกลับเชื่อฟังความคิดเห็นของข้าราชการในกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติบางคน และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยไม่นำพาต่อความเห็นของประชาชนภาคส่วนอื่นที่ร่วมกันจัดทำร่างกฎหมายองค์การอิสระและสุขภาพ
 
 
ข้อเสนอต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
 
1. ให้รัฐบาลยกเลิกประกาศกระทรวง เรื่อง โครงการหรือกิจการเกี่ยวกับการอุตสาหกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ ฉบับวันที่ 14 กันยายน 2552 และไม่นำประกาศกระทรวงฯ ฉบับนี้ไปเป็นข้ออ้างในการอนุมัติ อนุญาตโครงการหรือกิจกรรมต่าง ๆ
 
2. ให้รัฐบาลยุติการเสนอร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. (การกำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง) เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา
           
3. ให้รัฐบาลเร่งดำเนินการนำร่างองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ พ.ศ. ......ที่ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับจากคณะกรรมการศึกษาและยกร่างกฎหมายจัดตั้งองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อม เข้าสู่การพิจารณาในคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบและดำเนินการให้เป็นกฎหมายภายในสมัยประชุมนิติบัญญัติพระราชบัญญัติโดยเร่งด่วนต่อไป เพื่อจัดตั้งองค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพที่เป็นอิสระอย่างแท้จริง เพื่อให้เป็นองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดชนิดหรือประเภทของโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ที่มาจากฐานความรู้ทางวิชาการและการมีส่วนร่วมของกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้าน ตลอดจนเปิดโอกาสให้มีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมีสิทธิร้องขอให้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงการกำหนดประเภทโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลไปได้ และให้มีอำนาจหน้าที่ในการให้ความเห็นต่อโครงการหรือกิจกรรมฯ ก่อนที่โครงการหรือกิจกรรมดังกล่าวจะดำเนินการ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรคสอง โดยพิจารณาจากร่างที่มีการจัดทำโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นตัวตั้ง
 
             จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
                                                           
ขอแสดงความนับถือ
 
( นางจินตนา แก้วขาว ) ( นายตี๋ ตรัยรัตนแสงมณี )
 
 
( นายสุทัศน์ ซิ้มเจริญ )
 
 
เครือข่ายอนุรักษ์วิถีเกษตรกรรม จังหวัดสระบุรี คัดค้านโครงการโรงไฟฟ้าหนองแซง
กลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบ้านกรูด
ตัวแทนชาวบ้านผู้คัดค้านโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสยามของบริษัท สยามเอนเนอร์จี จำกัด
กลุ่มรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอก
กลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง
กลุ่มอนุรักษ์ทับสะแก
กลุ่มรักบ้านเกิดอ่าวน้อย
กลุ่มอนุรักษ์กุยบุรี สามร้อยยอด
เครือข่ายติดตามผลกระทบโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน ต.เขาหินซ้อน จ.ฉะเชิงเทรา
เครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก
เครือข่ายผลกระทบนโยบายสาธารณะนครศรีธรรมราช
กลุ่มศึกษาการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมปิโตรเคมี นครศรีธรรมราช
ชุมชนเครือข่ายผู้รักษ์ลุ่มแม่น้ำนครนายก
กลุ่มศึกษาและรณรงค์มลภาวะอุตสาหกรรม
เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ทองคำ 3 จังหวัด พิจิตร เพชรบูรณ์ พิษณุโลก
กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี
กลุ่มอนุรักษ์และฟื้นฟูลุ่มน้ำลำพะเนียง
คณะกรรมการผู้ได้รับผลกระทบจากแนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง จังหวัดอุดรธานี
เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากนิคมอุตสาหกรรมหนองแค จ.สระบุรี
           
 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net