Skip to main content
sharethis

 

รายงานชุด ความปลอดภัยในการทำงานของแรงงานในภาคอุตสาหกรรม”จะนำเสนอเรื่องราวของผู้ที่ประสบอุบัติเหตุในการทำงาน ที่มีความเกี่ยวข้องต่อเนื่องมาจากสภาพการทำงานในที่มีความกดดันในเรื่องต่างๆ เช่น ประเด็นด้านแรงงานสัมพันธ์, การลดต้นทุนของนายจ้าง หรือการใช้แรงงานบังคับโดยเฉพาะการที่แรงงานต้องบังคับตัวเองทำงานล่วงเวลา (OT) เพราะว่ารายได้จากค่าจ้างปกติไม่สามารถนำไปใช้ยังชีพตามมาตรฐานคุณภาพชีวิตตามปกติได้
0 0 0
 
“มนัส เติบโต” (สวมเสื้อสีเหลือง) ผู้สูญเสียนิ้วเท้าข้างขวาทั้งห้านิ้ว จากการทำงานในโรงงานผลิตกล่องกระดาษ บรรจุภัณฑ์ ต่างๆ ให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทยี่ห้อต่างๆ โดยในภาพสื่อต่างประเทศกำลังถ่ายทำชีวิตของเขาเพื่อส่งสารไปยังผู้บริโภค อุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ยุโรป โดยมนัสกล่าวฝากบอกไปยังผู้บริโภคในยุโรปว่า “สินค้าคุณภาพที่พวกท่านใช้ มาจากหยาดเลือดของผม”
 
 
มนัส เติบโต ชื่อเล่น อ๊อด อายุ 39 ปี แต่งงานแล้ว มีบุตรชาย 1 คน อายุ 7 ปี ภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่จังหวัดลพบุรี เขา เริ่มเข้ามาทำงานในบริษัทคอร์รูพัด (ไทยแลนด์) จำกัด เมื่อวันที่ 15 มกราคม2550 สำนักงานตั้งอยู่เลขที่ 269/21 หมู่ 5 ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี กิจการทำการผลิตกล่องกระดาษสำหรับบรรจุภัณฑ์ โดยมีนายจ้างสัญชาติเกาหลี
 
บริษัท ที่มนัสทำงานนั้น ทำการผลิตกล่องกระดาษ บรรจุภัณฑ์ ต่างๆ ให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทยี่ห้อต่างๆ อาทิ ซัมซุง แอลจี คาวา โซนี่ เป็นต้น โดยคุณมนัส ได้ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 185 บาท ทำงานวันละ 8 ชั่วโมง แบ่งเป็น 2 กะ คือ กะกลางวัน (เช้า) เวลาทำงาน 08.00 น. - 17.00 น. และ กะกลางคืน เวลาทำงาน 20.00 น. – 05.00 น. และถ้าวันไหนมีโอที ก็จะทำงาน ต่อเนื่องวันละ 2-3 ชั่วโมง และในโรงงานนี้มีพนักงานจำนวนประมาณ 150 คน
 
ทั้งนี้ก่อนเกิดเหตุการณ์ประสบอันตรายนั้น มนัสได้ทำงานตามปกติ อยู่ในฝ่ายผลิตกับเพื่อนๆ ในไลน์ฝ่ายผลิต อีก 4 คน รวมเป็น 5 คน ของกะกลางคืน เวลาทำงาน 20.00 น. – 05.00 น.ในวันที่ 3 มีนาคม 2551 โดยลักษณะการทำงาน นั้น ในแผนกนี้ ทั้ง 5 คน จะต้องทำงานกับเครื่องจักร 1 เครื่อง ซึ่งจะเป็นเครื่องจักร ลักษณะเหมือนโรเลอร์ ของเครื่องปริ้นเตอร์ ที่จะเป็นเครื่องย่อยสลายกระดาษ แล้วทำให้ขึ้นรูปเป็นกล่องกระดาษตามสเป็กของออร์เดอร์บริษัท โดยทั้ง 5 คน จะแบ่งหน้าที่กันดังนี้ 2 คนแรก จะอยู่ข้างล่างของเครื่องจักร เพื่อที่จะยกกระดาษขึ้นวางให้กับคุณมนัส เติบโต กับ เพื่อนอีก 1 คน ทำหน้าที่ป้อนกระดาษเข้าเครื่องจักรที่เป็นโรเลอร์หมุนย่อยสลายกระดาษเพื่อ ขึ้นรูปกล่องกระดาษ ส่วนเพื่อนอีก 1 คน อยู่ข้างหลังเครื่องจักรคอยตรวจเช็คว่า กระดาษกล่องที่ออกมานั้นได้สเป็กตามแบบของออร์เดอร์หรือไม่อย่างไร
 
ซึ่งช่วงเวลาเกิดการประสบอันตรายจากการทำงานนั้น อยู่ในช่วงเวลาทำงานโอที ต่อเนื่องของกะกลางคืน เวลาทำงาน 20.00 น. – 05.00 น.ในวันที่ 3 มีนาคม 2551 โดยเป็นเวลา 06.40 น. ของเช้า วันที่ 4 มีนาคม 2551 ในขณะที่ทำงานอยู่นั้น เพื่อนคนที่อยู่หลังเครื่องจักรที่ทำหน้าที่คอยตรวจเช็คว่า กระดาษกล่องที่ออกมานั้นไม่ได้สเป็กตามแบบของออร์เดอร์จึงร้องบอกว่า กระดาษไม่ได้สเป็กให้หยุดป้อนกระดาษเข้าเครื่อง มนัสก็หยุดป้อนกระดาษเข้าโรเลอร์ แต่ทั้งนี้เครื่องจักรก็ยังทำงานอยู่ ยังหมุนอยู่ มนัสก็ลุกยืนขึ้นจากที่นั่ง ในการป้อนกระดาษเข้าเครื่องจักร จากนั้นเหตุการณ์ต่อเนื่อง มนัสก็ได้เหยียบเศษกระดาษที่เป็นเศษกระดาษชิ้นเล็กที่มีกระดาษติดในเครื่องจักร (เครื่องโรเลอร์) จะต้องฉีกหรือดึงออกจากเครื่องจักร เพื่อให้ทำงานได้ ทำให้เท้าขวาในขณะที่ลุกขึ้นยืนจากที่นั่งป้อนกระดาษลื่นไหลเข้าไปในเครื่อง จักร โดยมนัสจะกดปุ่มสวิทช์ฉุกเฉิน สวิทช์ฉุกเฉินของเครื่องจักรเองก็ชำรุดใช้ไม่ได้ เนื่องจากมันเสีย 2-3 วันแล้วยังไม่ได้ซ่อม ทั้งนี้ได้มีการแจ้งให้หัวหน้างานและแผนกซ่อมบำรุงทราบแล้ว (สวิทช์ปิด/ปิดเปิดเครื่องทำงานนั้นจะมี อยู่ 3 จุด จุดละ 3 ปุ่ม คือ หัวเครื่อง กลางเครื่องจุดที่พนักงานป้อนกระดาษ และท้ายเครื่อง ซึ่งแต่ละจุดนั้น จะมีปุ่มสวิทช์ปิดระบบอยู่ 3 ปุ่ม คือ ปุ่มสวิทช์หยุดป้อนกระดาษ, ปุ่มสวิทช์หยุดการทำงานของเครื่องจักรโรเลอร์, และปุ่มหยุดเครื่องเครื่อง จักรการทำงานทั้งหมดในไลน์ )
 
โดยเครื่องจักรที่มนัสกับเพื่อนอีก 4 คนคุมเครื่องนั้นเป็นเครื่องจักรที่เป็นชุดเครื่องจักรเก่า ไม่มีเครื่องเซ็นเซอร์ แต่ถ้าเป็นเครื่องจักรรุ่นใหม่เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในเครื่องมี่ไม่ใช่ กระดาษ มันก็จะกระเด้งออกมา แต่ในเหตุการณ์นี้เครื่องจักรมันกลับหมุนดึงเนื้อเท้านิ้วเท้าเข้าไปใน เครื่องจักร (เครื่องโรเลอร์ที่กำลังหมุนย่อยกระดาษอยู่) จะปิดเครื่องจักร (เครื่องโรเลอร์) ก็ไม่ได้เพราะมันเสีย และเท้าของมนัสก็ติดอยู่ในเครื่องที่กำลังถูกดูดเข้าไป ตนเอง (มนัส เติบโต) ต้องร้องขอให้เพื่อนที่อยู่หลังเครื่องท้ายเครื่องช่วยปิดเครื่องเครื่อง จักรให้หยุดการทำงานแล้ว หลังจากนั้นเพื่อนก็เข้ามาช่วยนำส่งโรงพยาบาลพระสมเด็จศรีราชา จังหวัดชลบุรี
 
ทั้งนี้เมื่อไปถึงโรงพยาบาลพระสมเด็จศรีราชา แพทย์ก็ให้ทำการรักษา โดยให้น้ำเกลือ ฉีดยาแก้ปวด เอ็กซเรย์แผลที่เท้าข้างขวา และให้มนัส ไปนอนรอเพื่อทำการผ่าตัด ในเวลา 17.00 น. ตอนที่ มนัสนอนรออยู่นั้น รู้สึกหงุดหงิดมาก เพราะต้องการรักษาแผลอย่างเร่งด่วน แต่ต้องกลับมานอนรอ นานกว่า 10 ชั่วโมง และในช่วงที่ทำการรักษาพยาบาลนอนเป็นผู้ป่วยในอยู่นั้นทางบริษัทก็ได้ส่งผู้ จัดการมาดำเนินการทำเรื่องในการรักษาพยาบาลให้ และมอบกระเช้าเยี่ยมไข้ให้เป็นมูลค่าประมาณ 500 บาท
หลังจากที่ได้ผ่าตัดเพื่อเอากระดูกนิ้วเท้าข้างขวาที่แตกและขาดออก และเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2551 ซึ่งจะเป็นวันที่หมอจะเปิดแผลดูครั้งแรกหลังจากการผ่าตัด โดยได้มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ได้เข้ามาหาในช่วงเวลาประมาณ ตอนเช้า 08.00 น. แจ้งกับมนัส ว่าวันนี้จะต้องเปิดแผลให้หมอดูก่อน ถ้าแผลดีขึ้นจะต้องไปเข้าการบำบัด การฟื้นฟู และฝึกอาชีพ โดยต่อมาหมอก็เข้ามาตรวจดูอาการของบาดแผล เวลาประมาณ 09.00 น. ก็ไม่มีอะไร และในวันเดียวกัน เจ้าหน้าของโรงพยาบาลคนเดิมของโรงพยาบาลสมเด็จฯ ก็เข้ามาหาอีกครั้งตอน 15.00 น. มาแจ้งบอกว่าหมอให้กลับบ้านได้ มนัสเองก็ตกใจ สงสัยว่าทำไมไม่บอกกล่าวกันล่วงหน้า เพราะแผลที่เท้าที่ผ่าตัดก็ยังไม่หาย ไม่เข้าใจทำไม พูดไม่ตรงกับตอนเช้า จึงโทรไปหา ญาติ (น้องสาวคนสนิท) ให้มาช่วยดำเนินการให้ และอีกทางมนัส ก็ได้โทรประสานแจ้งไปยังบริษัท ติดต่อไปที่ฝ่ายบุคคล ว่าวันนี้หมอให้กลับบ้านได้และทางโรงพยาบาลบอกว่างบค่ารักษาเบื้องต้นของ มนัส 35,000 บาท ได้หมดแล้ว
 
ทั้งนี้มนัสได้ร้องขอให้ทางบริษัทช่วยมาติดต่อทำเรื่องให้ต่อ เพราะอาการของตนเองยังไม่หาย ซึ่งทางฝ่ายบุคคลก็ได้มามาทำเรื่องให้ออกจากโรงพยาบาล และได้มีการตกลงกับมนัสและน้องสาวว่า ในช่วงนี้ช่วงที่มนัสจะต้องมาทำการล้างแผลทุกวันหรือเข้ามาทำการรักษาพยาบาล ตามที่หมอนัดนั้นทางบริษัทจะต้องมารับส่งมนัสไปยังคลินิกที่อยู่ใกล้ ซึ่งทางบริษัทก็ตกลงยอมรับ แต่ในวันต่อมาทางบริษัทก็ไม่มารับมนัสไปล้างแผล โดยอ้างว่าลืม และมนัสก็ไม่ได้ไปล้างแผลตามหมอนัด เพราะช่วงนั้นเดินแถบจะไม่ได้ ทั้งนี้หมอได้บอกว่าจะต้องล้างแผลทุกวัน แต่เอาเข้าจริงแล้วบริษัทก็มารับบ้าง ไม่มารับบ้าง ซึ่งถ้าวันไหนบริษัทฯ ไม่มา มนัสก็จะไม่ได้ล้างแผลตามที่หมอนัด
 
ส่วนในเรื่องของเงินค่าหยุดงานในการรักษาตนเองนั้นทางบริษัทจ่ายให้มนัสเป็นจำนวนเงิน 5,049 บาท รวมจำนวนค่าแรงตั้งแต่วันที่ 1 – 3 มีนาคม 2551 ที่ได้ทำงานค้างไว้ ก่อนมนัสจะได้รับการประสบอันตรายจากการทำงาน ทั้งนี้ในช่วงที่ทำการรักษาพยาบาลอยู่นั้นก็ยังไม่รู้ว่าจะได้ได้รับสิทธิ อะไร หรือจะมีใคร หรือนายจ้างจะต้องมาดูแล มนัส เพราะขณะนี้ทางฝ่ายบริษัทเองก็เงียบไปเลย
 

 

 

รายงานการเกิดอุบัติเหตุ
ชื่อสถานประกอบการ
Corrupad (Thailand) Co,Ltd
บริษัท คอร์รูพัด(ไทยแลนด์) จำกัด
เลขที่ 269/21 หมู่ 5 ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี 
นายจ้างสัญชาติเกาหลี
ประเภทกิจการ ผลิตกล่องกระดาษสำหรับบรรจุภัณฑ์
ลูกค้าหลักของบริษัท Samsung , LG , Kawasaki ,Sonny
ชื่อพนักงาน นายมนัส เติบโต
อายุ 39 ปี เข้าทำงานวันที่ 15 มกราคม 2550 อายุงาน 2 ปี 10 เดือน
แผนก Converting
หน้าที่งาน ป้อนกระดาษเข้า Roller รีดกระดาษ
วันที่เกิดเหตุ 4 มีนาคม 2551 เวลาประมาณ 06.00 น.
ความเสียหายของเหตุการณ์ Roller หนีบนิ้วเท้าด้านขวาต้องตัดนิ้วเท้าทั้งห้านิ้ว
 
ลำดับเหตุการณ์
  1. วันที่ 4 มีนาคม 2551 เวลาประมาณ 06.00 น. ขณะที่นายมนัส เติบโต กำลังปฏิบัติงานป้อนกระดาบเข้าเครื่องรีดกระดาษ กระดาษติดเครื่องจักรทำให้กระดาษไม่ได้ขนาดตามที่กำหนด หัวหน้างานได้สั่งให้หยุดป้อนกระดาษ หลังจากนั้นนายมนัสจึงลุกขึ้นเพื่อจะดูว่าเกิดอะไรขึ้น เท้าได้เหยียบกระดาษที่วางอยู่ข้างเครื่องทำให้ลื่นและไถลเข้าไปที่ร่องของ Roller ซึ่งกำลังทำงานอยู่ทำให้ Roller หนีบเท้าด้านขวา (ขณะทำงานใส่รองเท้าผ้าใบทำงาน)
  2. หลังจากนั้นได้นำส่งโรงพยาบาลสมเด็จ ณ ศรีราชาฯ และเวลา 16.00 น. แพทย์ทำการผ่าตัดนิ้วเท้าทั้งห้านิ้วทิ้ง
  3. ต่อมาพักรักษาตัวผู้ป่วยในตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 2551 ถึงวันที่ 17 มีนาคม 2551 พยาบาลแจ้งว่าให้ออกจากโรงพยาบาลได้เนื่องจากรักษาหมดวงเงินของกองทุนเงินทดแทนแล้ว ถ้าจะอยู่รักษาต่อต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง
  4. แพทย์ได้สั่งหยุดงานตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 2551 ถึงวันที่ 5 พฤษภาคม 2551
ลักษณะเครื่องจักรและสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย 
  1. เป็น Roller รีดกระดาษ มีสวิทช์ ควบคุมการทำงานหน้าและหลัง ส่วนสวิทช์หยุดเครื่องฉุกเฉินมีทั้งสองด้าน แต่ด้านหน้าเครื่องชำรุดไม่สามารถใช้งานได้ เคยแจ้งให้ซ่อมแล้วแต่ไม่มีการดำเนินการ
  2. มีฝุ่นผงกระดาษเป็นจำนวนมากแต่ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยให้ เช่น ผ้าปิดจมูก หรือรองเท้า Safety
ค่าจ้าง   วันละ 185 บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันที่ 10 ของทุกเดือน
วันและเวลาทำงานปกติ ทำงานทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์และหยุดเสาร์เว้นเสาร์ ส่วนวันอาทิตย์เป็นวันหยุดตลอด
เวลาทำงานปกติ กะเช้า 08.00 น. ถึง 17.50 น. พักเที่ยง 1 ชั่วโมง เวลาทำงานล่วงเวลาในวันทำงานปกติตั้งแต่เวลา 18.30 น. ถึง 21.00 น.
เวลาทำงานปกติ กะกลางคืน 20.00 น. ถึง 05.50 น. พักเที่ยงคืน 1 ชั่วโมง เวลาทำงานล่วงเวลาในวันทำงานปกติตั้งแต่เวลา 06.30 น. ถึง 09.00 น.
ประเด็นร้องขอความเป็นธรรม
1.      ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างระหว่างพักรักษาตัว 100% จนถึงวันที่สามารถทำงานได้ตามปกติ
2.      ให้บริษัทฯ เป็นผู้รับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลในส่วนที่เกินจากกองทุนเงินทดแทน จนกว่าจะหายเป็นปกติ และให้นำผู้ป่วยกลับไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
3.      ให้บริษัทฯ จัดหาอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยส่วนบุคคลอย่างเหมาะสมและเพียงพอต่อการใช้งาน
4.      ให้กองตรวจความปลอดภัย เข้าไปตรวจสอบสภาพความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อมในการทำงานให้ได้ตามมาตรฐานที่กำหนด
ประเด็นได้รับความช่วยเหลือในปัจจุบัน
  1. ได้เงินช่วยเหลือจากการหยุดงานเกิน 3 วัน จากสำนักงานกองทุนเงินทดแทน ๖๐ %
  2. เข้าพบรองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2551 เพื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรม
 
ประเด็นที่ต้องการความช่วยเหลือ (เพิ่มเติม)
  1. ต้องการให้ได้รับการขยายค่ารักษาจาก 35,000 บาท เป็น 300,000 บาท เนื่องจากอาการที่เท้ายังไม่หายดีและมีอาการเจ็บขณะเดิน และไม่มีเงินที่จะรักษาต่อ หรือในกรณีที่ไม่สามารถขยายวงเงินในการรักษาของกองทุนเงินทดแทนได้ให้นายจ้างเป็นผู้รับผดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการรักษา
  2. ต้องการให้สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเป็นผู้ประสานกับนายจ้างเพื่อให้เกิดการหารือกับนายจ้างในประเด็นดังต่อไปนี้
  • หลังจากลูกจ้างหายเป็นปกติให้นายจ้างจัดหาหน้าที่งานที่เหมาะสมกับลูกจ้างและห้ามหาเหตุกลั่นแกล้งเพื่อเลิกจ้างลูกจ้าง
  • ให้บริษัทพิจารณาจ่ายค่าสินไหมเป็นเงิน 1,000 บาท ซึ่งเป็นเงินที่นอกเหนือจากเงินที่ลูกจ้างพึงมีสิทธิ์ได้รับตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net