Skip to main content
sharethis
 
คุมเข้ม"ราเกซ"ก่อนส่งเข้าเรือนจำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายราเกซ สักเสนา อดีตที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการ (กก.ผจก.) ธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การจำกัด (มหาชน) หรือบีบีซี วัย 57 ปี ผู้ต้องหาคีดยักยอกทรัพย์บีบีซี ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพมหานครแล้ว เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ภายหลังศาลฎีกาแคนาดาไม่รับคำร้องอุทธรณ์ของนายราเกซ จึงถูกส่งตัวกลับในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนมาดำเนินคดีในประเทศไทยค่ำวันที่ 29 ตุลาคม และได้เดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 22.45 น.ของวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา ด้วยเครื่องบิน เที่ยวบินทีจี 0615 สายการบินไทย จากกรุงปักกิ่ง

ทันทีที่เครื่องบินลงสู่พื้นรันเวย์ พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) หัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวน พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ผบก.ปอศ.) พล.ต.ต.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว (ผบก.ทท.) รองอธิบดีอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เจ้าหน้าที่กองการต่างประเทศ และทนายความของนายราเกซ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ยศวีร์ พรพีรพาน รองผู้กำกับการปฏิบัติการพิเศษ (ปพ.) กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.ท.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง สว.กก.ปพ.บก.ป. ซึ่งเดินทางไปรับตัวนายราเกซถึงแคนาดา ได้ควบคุมตัวนายราเกซซึ่งนอนอยู่ที่เปลเตียงรถเข็นโรงพยาบาลผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เพื่อลงบันทึกจับกุมและลงบันทึกประจำวัน (ปจว.)

ยอมให้สอบสวนปากคำ 3 ชม.
ทนายความของนายราเกซร้องขอพนักงานสอบสวน อ้างว่า นายราเกซไม่ขอให้การในชั้นนี้ แต่ต้องการพาตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ แต่นายราเกซแจ้งกับคณะพนักงานสอบสวนว่าขอให้การเลย คณะทำงานจึงประสานหาล่ามแปลคำให้การต่อหน้าทนายความของนายราเกซ ที่ห้องพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งมีเฉพาะผู้เกี่ยวข้องเท่านั้นที่เข้ารับฟังคำให้การ ใช้เวลาสอบสวนนานร่วม 3 ชั่วโมง จนเข้าเวลา 01.20 น. วันที่ 31 ตุลาคม พล.ต.ต.ปัญญา พล.ต.ต.โกวิทย์  จึงนำตัวนายราเกซออกช่องทางพิเศษสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ขึ้นรถตู้ศูนย์ส่งกลับโรงพยาบาลตำรวจ มาควบคุมกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ที่จัดเตรียมไว้ ซึ่งระหว่างทางมีรถยนต์สายตรวจ กองปราบปราม และเจ้าหน้าที่คอมมานโด ขับนำหน้ารวมรถในขบวนทั้งหมด 13 คัน เพื่อดูแลความปลอดภัย โดยเฉพาะรถที่ควบคุมตัวนายราเกซ มีรถยนต์สายตรวจประกบข้างตลอดทาง

เมื่อเวลา 02.15 น. เมื่อถึงกองปราบปราม ถนนพหลโยธิน สื่อมวลชนทั้งไทย-ต่างประเทศกว่า 100 คนมาทำข่าว และมี พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และ พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รอง ผบก.ป. มาควบคุมดูแล ก่อนจะให้เจ้าหน้าที่ช่วยกันหามเปลรถเข็นนายราเกซลงจากรถตู้ขึ้นไปชั้น 2 ห้องประชุม บก.ป. เพื่อให้แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ทำการตรวจสภาพร่างกายของนายราเกซอย่างละเอียดอีกครั้งว่าจะสามารถสอบปากคำต่อได้หรือไม่

พบมีเงินติดตัวแค่ 500 ดอลลาร์
รายงานการเดินทางของนายราเกซครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ระบุว่า นายราเกซมีอาการป่วยเป็นอัมพาตแถบซ้ายทั้งแถบ และเมื่อตรวจหาเงินในตัวพบมีเงินติดตัวมาเพียง 500 ดอลลาร์เศษ ซึ่งระหว่างที่นั่งอยู่บนเครื่องบิน ไม่ได้มีท่าทีวิตกในเรื่องคดีแต่อย่างใด ซึ่งมีการพูดคุยอย่างตามปกติ แม้มีสีหน้าที่อิดโรยและเรียบเฉย
 
รวมคำให้การส่งอัยการ 2 พ.ย.
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า นายราเกซพร้อมให้ปากคำกับในทุกประเด็นในรายละเอียดต่างๆ คาดว่าหลังนี้จะได้ข้อมูลเพิ่มเติมในบางประเด็นที่จำเป็น และเป็นสิทธิ์ผู้ต้องหาจะให้การอย่างไรหรือไม่ หลังจากนั้น ผู้ต้องหาจะได้พักผ่อนจนถึงเวลา 09.00 น.จะนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากนายราเกซพาดพิงถึงนักการเมืองคนใด ต้องเรียกตัวมาสอบปากคำหรือไม่ พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า ผู้ต้องหามีสิทธิ์ที่จะให้ ตำรวจมีหน้าที่รวบรวมคำให้การทั้งหมด คาดว่าน่าจะรวบรวมคำให้การทั้งหมดส่งพนักงานอัยการได้ในวันจันทร์ (วันที่ 2 พฤศจิกายน) ทั้งนี้นายราเกซไม่ได้ร้องขอเจ้าหน้าที่ดูแลอะไรเพิ่มเติม และยังแสดงความพอใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตั้งแต่ลงเครื่องบิน จนกระทั่งถึงกองปราบปราม

เวลา 08.00 น. พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต ที่ปรึกษา (สบ 10) พล.ต.ท.พงศพัศ  พ.ต.อ.สุพิศาล เข้าไปพูดคุยกับนายราเกซ อีกครั้ง จนถึงเวลา 08.05 น. ตำรวจคอมมานโด กองปราบปราม คุ้มกันนายราเกซซึ่งนอนอยูาบนเตียงรถเข็นออกจากห้องควบคุมกองปราบปรามขึ้นรถตู้พยาบาลโรงพยาบาลตำรวจ ไปศาลอาญากรุงเทพใต้ มีรถยนต์คอมมานโดกองปราบปราม 4 คัน และรถตู้ทั้งหมด 3 คัน ดูแลความความปลอดภัย  โดยขบวนรถขึ้นทางด่วนบริเวณจตุจักร แต่ระหว่างนั้นรถตู้ 1 ใน 3 คันที่นำตัวนายราเกซไปศาล เกิดเหตุไซเรนร่วงหล่น ทำให้รถคณะผู้สื่อข่าวที่ติดตามต่างหลบกันโกลาหล แต่โชคดีไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น
 
ยื่นขอฝากขัง 12 วันค้านประกัน
เวลา 08.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อถึงศาลอาญากรุงเทพใต้ พ.ต.ท.สมชาย โพธิ์สุวรรณ พนักงานสอบสวน สบ3 กก.5 กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) ยื่นคำร้องขอฝากขังต่อศาลใจความว่า เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2552 ตำรวจได้รับตัวนายราเกซไว้ตามคำสั่ง สตช.ที่ 538/52 โดยจับนายราเกซที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อควบคุมตัวมาศาล สำหรับพฤติการณ์แห่งความผิดคือ เมื่อระหว่างวันที่ 2 มีนาคม 2538 ถึง 20 กรกฎาคม 2538 นายราเกซ เป็นที่ปรึกษานายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) หรือบีบีซี ผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์บีบีซี ซึ่งได้รับมอบหมายผู้ดูแลครอบครองทรัพย์และจัดการทรัพย์กับดำเนินกิจการของธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ ได้ร่วมกันกับนายเกริกเกียรติ กระทำผิดหน้าที่

"โดยทั้งสองได้ร่วมกันอนุมัติสินเชื่อเงินเชื่อแก่บริษัท ซีตี้เทรดดิ้ง จำกัด เป็นเงิน 1,657 ล้านบาท ซึ่งบริษัทดังกล่าวมีนายเกริกเกียรติ เป็นผู้มีส่วนได้เสียอยู่ โดยไม่เคยตรวจสอบกลั่นกรองการขออนุมัติ และได้ให้สินเชื่อไปโดยไม่ผ่านคณะกรรมการสินเชื่อ เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์มาตรา 307, 308, 309, 311, 313, 314 ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ บัดนี้พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวครบ 48 ชั่วโมงแล้วแต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ยังต้องสอบพยานอีก 2 ปาก จึงขอฝากขังเป็นเวลา 12 วันและขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากได้สร้างความเสียหายแก่ระบบเศรษฐกิจอย่างร้ายแรง กับเป็นชาวต่างชาติ เกรงว่าจะหลบหนีและสร้างความยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน"

ศาลอนุญาต-คุมตัว รพ.ราชทัณฑ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายราเกซถูกนำไปห้องพิจารณาคดีที่ 406 โดยมีแพทย์ ทนายความที่ปรึกษากฎหมาย เพื่อนสนิท 3 คน กับหน่วยคอมมานโดไปอารักขา ศาลได้ออกพิจารณาคำร้อง และอ่านคำร้องให้ฟัง นายราเกซไม่คัดค้านการฝากขัง แต่แถลงว่ามีอาการป่วยขอนอนที่โรงพยาบาล ศาลถามแพทย์ ซึ่งแพทย์โรงพยาบาลตำรวจแถลงว่า ไม่ขัดข้อง ศาลจึงมีคำสั่งให้อนุญาตให้ฝากขัง 12วันตามคำขอและให้นำตัวไปควบคุมที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลกลางราชทัณฑ์  โดยไม่ให้ผู้สื่อข่าวหรือช่างภาพเข้าไปภายในตัวอาคารของศาลแต่อย่างใด

ด้านพล.ต.ต.นพ. อรรณพันธ์ พรมณฑารัตน์  รองนายแพทย์ใหญ่รพ.พต. ซึ่งเป็นผู้ตรวจร่างกายนายราเกซ กล่าวว่า นายราเกซชีพจรปกติ ความดันโลหิตปกติ กินอาหารได้ และได้นอนหลับนาน3ชั่วโมง ยืนยันว่าสุขภาพอยู่ในเกณฑ์ดี และสามารถพักตัวที่รพ.ของราชทัณฑ์ได้

ตร.สรุปสอบยังให้การปฏิเสธ
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่าในการสอบสวนที่กองปราบปรามที่ผ่านมามีทนายความ และล่ามร่วมกับพนักงานสอบสวนในการสอบสวนด้วย จึงอาจทำให้การสอบสวนล่าช้าไปบ้าง แต่ก็สอบสวนไปเรื่อยๆถึงรุ่งเช้า ระหว่างนั้นนายราเกซหลับบ้าง พักผ่อนบ้างเป็นระยะๆ ในส่วนของการประกันตัวถ้าหากมีการยื่นคำร้องขอจะคัดค้าน  เนื่องจากเป็นคดีใหญ่ที่มีการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน อีกทั้งตัวนายราเกซก็หลบหนีการจับกุมเป็นเวลานานหลายปีแล้ว

เมื่อถามว่าอาการของนายราเกซเป็นอย่างไรบ้าง พล.ต.ท.พงศพัศกล่าวว่าเท่าที่ตรวจสอบนายราเกซไม่ต้องเข้าไปนอนโรงพยาบาลเรือนจำ เพราะนายราเกซมีสติ สัมปะชัญญะ เรื่องต่างๆดี และการสอบสวนของพนักงานสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว เช้าวันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พล.ต.อ.ปานศิริ จะรวบรวมการสอบปากคำ และเอกสารอื่นๆที่เกี่ยวข้องนำส่งให้อัยการต่อไป ในส่วนของสำนวนคงไม่สามารถก้าวล่วงได้ แต่เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ แต่ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี 

ส่งตัวรพ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่าทางพนักงานสอบสวนจะทำการตรวจสอบผลพิมพ์ลายนิ้วมือของนายราเกซ คาดว่า 1-2 วันน่าจะเสร็จสิ้น และศาลสั่งให้นำนายราเกซไปควบคุมและรักษาตัวที่โรงพยาบาลของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยทาง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ รักษาการแทน ผบ.ตร. มีความห่วงใยในเรื่องนี้ และขอบคุณสื่อมวลชน อัยการ ตัวแทนอัยการ และกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงผู้เกี่ยวข้อง โดยไม่มีผู้ใดยื่นขอประกันตัวแต่อย่างใด จากนี้จะมีการเรียกสอบพยานที่เกี่ยวข้องในคดีต่อไป จากนั้น เวลา10.05 น. ตำรวจคอมมานโด  นำตัวนายราเกซ ขึ้นรถตู้ไปส่งที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร  ถนนงามวงศ์วาน โดยมีรถกองทัพนักข่าวตามมานับสิบคัน

ผบ.คุกห่วงสั่งแยกขัง-คุมใกล้ชิด
เวลา 10.30 น. นายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ รักษาการผู้บัญชาการเรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพฯ เปิดเผยหลังจากตำรวจคุมตัวนายราเกซมาส่งว่า นายราเกซผู้ต้องขังมีอาการป่วย จึงต้องแยกตัวจากผู้ต้องขังทั่วไปและจะจัดให้ไปอยู่ในสถานพยาบาลที่ทางเรือนจำเตรียมเอาไว้ให้ ส่วนขั้นตอนต่างๆในการรับตัวผู้ต้องขังเป็นไปตามขั้นตอนปกติของผู้ต้องขังทั่วไป และทางเรือนจำเป็นห่วงด้านความปลอดภัยของนายราเกซอย่างมาก จึงต้องเตรียมเจ้าหน้าที่ผู้คุมตามประกบนายราเกซขณะที่ถูกคุมขังอย่างใกล้ชิด  ส่วนเรื่องตำรวจจะส่งสำนวนฟ้องให้กับอัยการในวันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายนที่นี้ อาจไม่ต้องนำตัวนายราเกซไป เนื่องจากมีระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ในการสอบสวนผู้ต้องหาจากทางเรือนจำไปยังศาล

อยู่แดนพยาบาล-ตรวจเข้มอาหาร
ด้านนายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ทางเรือนจำจะแยกนายราเกซออกจากผู้ต้องขังรายอื่นให้อยู่แดนพยาบาลของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เนื่องจากมีแพทย์เวร เฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด กำชับให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอาหารของนายราเกซอย่างละเอียด เพื่อความปลอดภัย  และยังจัดหาผู้ช่วยผู้คุมมาดูแลนายราเกซ ส่วนเรื่องภาษาคงไม่มีปัญหา เพราะเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็พอสื่อสารเข้าใจ และที่ผ่านมาเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มีความผู้ต้องขังชาวต่างชาติ ถูกคุมขังอย่างต่อเนื่อง ไม่น่าจะมีปัญหา ส่วนการเข้าเยี่ยมของญาติต้องรอให้ถึงวันทำการของราชการ วันหยุดไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้

มีสิทธิขอศาลรักษานอกเรือนจำ
นายกอบเกียรติกล่าวว่า หลักเกณฑ์การดูแลผู้ต้องขังป่วยในเรือนจำนั้น กรมราชทัณฑ์ไม่ได้มีระเบียบการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังป่วยเป็นพิเศษ จะพิจารณาเป็นรายๆ ตามความเห็นของแพทย์ หากเป็นโรคร้ายแรงต้องใช้เครื่องมือทางการแพทย์ จะนำตัวออกจากเรือนจำ ไปส่งที่ทัณฑสถาน โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลมาตรฐาน มีอุปกรณ์การแพทย์ พร้อมสำหรับผ่าตัดใหญ่ได้ ส่วนกรณีนำตัวไปรักษาภายนอกเรือนจำหรือไม่ เป็นดุลพินิจของแพทย์ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่เรือนจำ หากผู้ต้องขังเห็นว่าไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดี แล้วใช้เป็นเหตุขอประกันตัว ก็เป็นสิทธิของผู้ต้องขัง แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล เบื้องต้นอาการไม่น่าเป็นห่วง

นายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ยืนยันนายราเกซจะไม่ได้รับสิทธิพิเศษเหนือผู้ต้องขังทั่วไป โดยมาตรการดูแลความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกในเรื่องทั่วไป กระทำขึ้นเพื่อชื่อเสียงของประเทศไทย ไม่ให้ถูกต่างชาติวิจารณ์เกี่ยวกับมาตรฐานการคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องขังในเรือนจำ
 
"ราเกซ"เครียดไม่พูดไม่กินมื้อเย็น
เวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทนายความและญาติของนายราเกซ นำของใช้ส่วนตัว ผลไม้ และยาประจำตัว มาฝากเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯไว้ให้นายราเกซ ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุว่า ภายหลังนายราเกซถูกส่งเข้าเรือนจำได้เกิดอาการเครียด และมีสีหน้าอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด ไม่ยอมพูดจาและกินอาหารเย็นที่ทางเรือนจำจัดไว้ให้ ดื่มเพียงน้ำเปล่า และกินผลไม้ ทางเจ้าหน้าที่เรือนจำให้ผู้ต้องขังที่พูดภาษาอังกฤษได้ และคดีผู้ต้องขังคดีเช็ค เข้ามาอยู่ร่วมกับนายราเกซ เพื่อสื่อสารและพูดคุย เป็นเพื่อน

"มาร์ค"ไฟเขียวพร้อมให้แถลงคดี
ที่สำนักงานสหประชาชาติ ถนนราชดำเนินนอก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทราบเพียงว่านายราเกซมาถึงไทยเมื่อคืน วันที่ 30 ตุลาคม ส่วนการสอบสวนขยายผลของคดี อยู่ที่ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ ว่า จะมีความเห็นเช่นใด เมื่อถามว่าขั้นตอนช่วงนี้เป็นการให้นายราเกซรับทราบข้อกล่าวหาใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ใช่

เมื่อถามว่าคดีนายราเกซจะเชื่อมโยงกับนักการเมืองด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คดีนี้จะเกี่ยวข้องกับใครนั้นอยู่ที่ข้อเท็จจริง และขึ้นอยู่กับผู้ดำเนินคดีจะดำเนินการขยายผลหาข้อเท็จจริงออกมา หากเกี่ยวข้องกับใคร ก็ดำเนินการไป 

เมื่อถามว่า หากนายราเกซขอแถลงข่าวในคดีนี้ จะอนุมัติหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิตามปกติ เมื่อถามว่าคดีนี้จะมีความยากลำบากหรือไม่ เพราะนายราเกซถึงไทยแล้ว แต่ตำรวจไม่อนุญาตให้นายราเกซพบสื่อมวลชน นายกฯ กล่าวว่า จะสอบถามไปว่านายราเกซมีปัญหาโดนจำกัดสิทธิหรือไม่ 

ปชป.อ้อมแอ้มบี้กลุ่ม 16 คดี"บีบีซี"
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการดำเนินคดีกับนายราเกซคดียักยอกทรัพย์บีบีซี ซึ่งมีนักการเมืองกลุ่ม 16 ซึ่งปัจจุบันหลายคนเป็นแกนนำคนสำคัญของพรรคร่วมรัฐบาลเกี่ยวข้องด้วยว่า ปชป.มีจุดยืนคือต้องรักษาหลักนิติธรรมของประเทศ การบังคับใช้กฎหมายต้องเท่าเทียมกัน ไม่ว่าบุคคลนั้นจะมีอิทธิพลต่อฝ่ายการเมืองอย่างไร คดีของนายราเกซ ปชป.พร้อมให้ข้อมูลข้อเท็จจริงไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับบุคคลใด ทุกคนต้องได้รับความเป็นธรรม แต่ใครที่กระทำผิด ต้องได้รับผลของการกระทำนั้นเช่นเดียวกับคนไทยทุกคน

เมื่อถามว่า ปชป.จะให้ความร่วมมือให้ข้อมูลคดีนี้อย่างไร นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ขณะนี้คดีอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน เมื่ออัยการสั่งฟ้องต่อศาลแล้วเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว พรรคหรือรัฐบาลไม่สามารถยุ่งเกี่ยวได้ ปชป.พร้อมให้ความร่วมมือหากฝ่ายที่เกี่ยวข้องร้องขอ

เมื่อถามว่ายืนยันได้หรือไม่ว่าจะไม่นำข้อได้เปรียบเรื่องดังกล่าวไปกดดันหรือต่อรองกับพรรคร่วมรัฐบาล นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ขอยืนยันว่า ปชป.จะไม่เข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เหมือนที่เกิดขึ้นในอดีต ทั้งความพยายามติดสินบนศาล การค้าสำนวน หรือแทรกแซงองค์กรอิสระ

ปัดต่อรองบอกชำระแค้นหมดแล้ว
ด้านนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ส.ส.นครนายก ปชป. กล่าวว่า คนที่รู้ข้อมูลนี้ดีว่ามีใครเข้าไปเกี่ยวข้องบ้างคือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นผู้ที่รวบรวมข้อมูลและอภิปรายในสมัยรัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมง ส่วนตัวเห็นว่าคดีนี้ไม่สามารถนำไปต่อรองทางการเมืองกับพรรคร่วมรัฐบาลที่มีนักการเมืองกลุ่ม 16 เป็นแกนนำ เพราะ ปชป.กับกลุ่ม 16 ได้กรวดน้ำคว่ำขัน ถึงชดใช้ความแค้นกันไปหมดแล้วเพราะต่างก็อภิปรายจนรัฐบาลล้มไปด้วยกันทั้งคู่

"ถึงนายราเกซจะซัดทอดใคร กว่ากระบวนการจะเอาผิดใคร รัฐบาลนี้ล้มไปแล้วกลับชาติมาเกิดใหม่ 4 รอบก็ยังเอามาใช้ต่อรองกับใครไม่ได้เลย" นายชาญชัย กล่าว

เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทยออกอาการที่นายราเกซถูกนำตัวมาดำเนินคดีในไทย นายชาญชัย กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติเพราะลูกพี่ซึ่งไม่ใช่รัฐมนตรีของพรรคนี้มีชื่อเข้าไปพัวพันด้วย แต่ถึงนายราเกซซัดทอดใครจริงๆ เต็มที่ก็ได้แค่เสื่อมเสียชื่อเสียง สูญเสียความน่าเชื่อถือไปเท่านั้น เนื่องจากต้องมีกระบวนการพิสูจน์ข้อเท็จจริงในศาล ต้องใช้พยานหลักฐาน ซึ่งต้องใช้เวลาอีกนาน

"จตุพร"เสี้ยมแฉชื่อคนร่วมขบวนการ
ขณะที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)-แดงทั้งแผ่นดิน ให้สัมภาษณ์ว่า ขอเรียกร้องให้นายราเกซ ทำความดีครั้งสุดท้ายในชีวิต ด้วยการเปิดเผยว่า มีนักการเมืองคนไหนได้รับผลประโยชน์จากการล่มสลายของธนาคารบีบีซี ถ้าให้ดีอยากให้ทุกคนไปแกะการอภิปรายของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ สมัยที่เป็นฝ่ายค้าน ก็จะรู้ว่าใครเป็นใคร 

พรรคภูมิใจไทยไม่หวั่น"ราเกซ"แฉนักการเมืองโกงบีบีซี
น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รองโฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณี นายราเกซ สักเสนา เคยประกาศว่า จะแฉนักการเมือง ที่อยู่เบื้องหลังคดียักยอกทรัพย์ธนาคารกรุงเทพพาณิชยการ หรือ บีบีซี ว่า เรื่องนี้พรรคภูมิใจไทย ไม่ได้หวั่นไหวอะไร และแกนนำในพรรคภูมิใจไทยก็ไม่เคยมีใครพูดถึงเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่เกิดมานานมาแล้ว ผู้ที่เกี่ยวข้องก็ไม่ได้มีแต่นักการเมือง ยังมีทั้งข้าราชการ พนักงาน ที่ต่างคนต่างทำหน้าที่ แต่หากว่ามีการระบุว่ามีผู้ที่เกี่ยวข้องอยู่ในพรรคภูมิใจไทย ก็พร้อมที่จะให้มีการตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงว่าพรรคฝ่ายค้าน หรือฝ่ายตรงข้ามจะนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นทางการเมืองเพื่อโจมตีพรรคภูมิใจ ไทยหรือไม่ รองโฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า จริงๆแล้วพรรคภูมิใจไทยก็ถูกโจมตีมาโดยตลอด แม้เรื่องที่ไม่ได้ทำอะไรผิดก็บอกว่าผิด หรือไม่ก็ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ และเรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องคอบาดตาย แต่ฝ่ายค้านก็สามารถหยิบโยงมารวมกันได้ทุกเรื่องแม้ไม่ใช่เรื่องจริง ดังนั้นการอยู่ตรงจุดนี้จะต้องพร้อมที่จะรับเงื่อนไข และพิสูจน์ตัวเอง หากผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ถูกก็ต้องว่าไปตามถูก

รองโฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวอีกว่า ขณะนี้ นายเนวิน ชิดชอบ หัวหน้ากลุ่มเพื่อนเนวิน ได้เดินทางไปประเทศอังกฤษ เพื่อส่งบุตรไปเรียนต่อ ซึ่งคาดว่านายเนวิน จะกลับมาประมาณวันที่ 10 ก.ย.นี้ ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน ได้เดินทางดูงานที่ประเทศอังกฤษ ก่อนหน้านี้แล้ว.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net