เหมาอิสต์ปิดล้อมที่ทำการ รบ.เนปาล ตำรวจใช้แก๊สน้ำตา-กระบองสลาย

ผู้สนับสนุนกลุ่มเหมาอิสต์เผชิญหน้ากับแนวรับของตำรวจ ระหว่างการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลเนปาลเมื่อ 12 พ.ย. ที่ผ่านมา (ที่มา: Daylife.com/Getty Images)

วานนี้ (12 พ.ย.) ตำรวจปราบจลาจลเนปาลใช้แก๊สน้ำตาและกระบองสลายกลุ่มผู้ชุมนุมเหมาอิสต์หลายพันคน ที่ออกมาเดินขบวนต่อต้านรัฐบาลเนปาลครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่พรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (เหมาอิสต์) ออกจากการร่วมรัฐบาลในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

โดยตั้งแต่เช้า ผู้ประท้วงหลายพันคนตะโกนคำขวัญต่อต้านรัฐบาล โบกธงแดง และปิดล้อมที่ทำการรัฐบาลที่อยู่กลางกรุงกาฐมาณฑุ ขณะที่ตำรวจระบุว่าเกิดการปะทะกับผู้ชุมนุมเมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามฝ่าเข้ามาในเขตหวงห้าม

รองผู้กำกับการตำรวจกาฐมาณฑุ นายคันชา ภาณดารี (Kanchha Bhandari) กล่าวกับผู้สื่อข่าวเอเอฟพีว่าตำรวจเริ่มใช้กำลังหลังกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าผลักดันแนวโล่ของตำรวจ โดยมีการยิงแก๊สน้ำตาตอบโต้ผู้ชุมนุมไป 14 ครั้ง

การชุมนุมของกลุ่มเหมาอิสต์ในวันนี้ ทำให้งานราชการหยุดชะงัก โดยเจ้าหน้าที่รัฐและรัฐมนตรีส่วนมากไม่มาทำงานในวันนี้

ตำรวจระบุว่าการชุมนุมในวันนี้มีผู้ชุมนุม 16,000 คน ขณะที่กลุ่มเหมาอิสต์อ้างว่ามีผู้ชุมนุมราว 200,000 คน โดยผู้ชุมนุมมาจากหลายพื้นที่อันห่างไกลของเนปาล

ผู้ชุมนุมที่ชื่อชันชาลาล ไวภา กล่าวกับผู้สื่อข่าวเอเอฟพีภายนอกที่ทำการรัฐบาล the Singha Durbar ว่า “เนปาลจะเป็นสาธารณรัฐได้ พวกเราต้องทำให้มีอำนาจการปกครองโดยประชาชนอย่างแท้จริง ผู้ชุมนุมอาจสร้างความลำบากให้กับประชาชนในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ แต่ในระยะยาวนี่เป็นการนำอนาคตที่ดีกว่ามาให้”

ทั้งนี้ กลุ่มเหมาอิสต์ หรือพรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (เหมาอิสต์) ในอดีตเคยจับอาวุธต่อสู้กับรัฐบาลเป็นเวลานับ 10 ปี มีผู้เสียชีวิตระหว่างสงครามกลางเมืองกว่า 16,000 คน กระทั่งลงนามสัญญาสันติภาพกับรัฐบาลในปี 2549 ชนะการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปีที่แล้ว นำมาซึ่งการยกเลิกสถาบันกษัตริย์เนปาล

แต่ 8 เดือนหลังจากนั้น รัฐบาลผสมที่นำโดยกลุ่มเหมาอิสต์ต้องล้มเลิกไป เนื่องจากประธานาธิบดีเนปาลไม่ยอมลงนามในคำสั่งปลดผู้บัญชาการกองทัพเนปาล ตามคำเสนอของนายพุชปา คามาล ดาฮาล หรือสหายประจันดา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นจากกลุ่มเหมาอิสต์

ทั้งนี้ การชุมนุมปิดล้อมที่ทำการรัฐบาล ตลอดจนการปิดถนนเข้าเมืองหลวงของเนปาลที่ดำเนินมากว่า 2 วันนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผนการต่อต้านรัฐบาลทั่วประเทศเป็นเวลา 2 สัปดาห์ของกลุ่มเหมาอิสต์ กลุ่มเหมาอิสต์ระบุว่าการกระทำของประธานาธิบดีละเมิดรัฐธรรมนูญ และเรียกร้องให้ประธานาธิบดีขอโทษ และให้มีการอภิปรายในสภาเกี่ยวกับบทบาทของประธานาธิบดี

สหายประจันดา ผู้นำกลุ่มเหมาอิสต์กล่าวว่า ผู้ชุมนุมต้องการรื้อฟื้นหลักการ “อำนาจสูงสุดเป็นของปวงชน” แทนที่อำนาจของทหาร

“ภารกิจของเราถูกปล้นชิง หลักการอำนาจสูงสุดเป็นของปวงชนก็ถูกปล้นชิง เป้าหมายหลักของการชุมนุมคือการฟื้นฟูสิ่งเหล่านี้” ประจันดากล่าวกับผู้สื่อข่าวระหว่างการชุมนุมอยู่ภายนอกทำเนียบรัฐบาล เขากล่าวด้วยว่า ถ้าบทบาทของประธานาธิบดียังไม่ได้รับการแก้ไขให้ถูกต้อง ก็จะดำเนินการชุมนุมไปเรื่อยๆ

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการชุมนุมราวกับมีงานฉลอง ผู้ชุมนุมต่างเต้นรำ เล่นดนตรีพื้นเมือง ในมือของพวกเขามีถือจานที่มีข้าวและแกงกะหรี่ แต่แล้วบรรยากาศการชุมนุมเริ่มตึงเครียดเมื่อสถานีโทรทัศน์แพร่ภาพตำรวจปราบจลาจลใช้ขวานทุบทำลายเครื่องดนตรีของผู้ชุมนุม ขณะที่ผู้ชุมนุมแตกฮือหลังตำรวจตั้งแถวพร้อมถือกระบองเข้าสลายการชุมนุม

กลุ่มเหมาอิสต์ระบุว่ามีผู้ชุมนุมซึ่งในจำนวนนี้มี ส.ส.กลุ่มเหมาอิสต์รวมอยู่ด้วย 4 คน ได้รับบาดเจ็บหลังปะทะกับตำรวจ โดยผู้บาดเจ็บได้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ก่อนที่จะได้รับการปฐมพยาบาลและออกมาร่วมชุมนุมกับผู้ชุมนุมเหมาอิสต์ต่อ

ผู้นำอาวุโสของพรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (เหมาอิสต์) ได้ขึ้นปราศรัยต่อฝูงชนที่อยู่ท่ามกลางตำรวจปราบจลาจลพร้อมอุปกรณ์ปราบจลาจล เขาได้ปราศรัยประกาศความสำเร็จของการชุมนุมวันนี้ ก่อนที่ผู้ชุมนุมจะยุติการชุมนุม

“พวกเราสามารถหยุดพวกรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปทำงานในทำเนียบได้ พวกเราจะจัดการชุมนุมต่อไปในวันศุกร์ (13 พ.ย.) ด้วยความกระตือรือร้นอย่างเช่นวันนี้” นายชนาธาน ชาร์มา ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (เหมาอิสต์) ปราศรัยกับผู้ชุมนุม

ที่มา: แปลและเรียบเรียงจาก

Police clash with Maoist protesters in Nepal, AFP, 12 Nov 2009 http://news.yahoo.com/s/afp/20091112/wl_asia_afp/nepalmaoistpoliticsprotest_20091112173949

ข่าว