Skip to main content
sharethis

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศชุมนุมปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย.นี้เป็นต้นไป ว่า รัฐบาลประเมินว่าภายใน 1-2 เดือนนี้สถานการณ์จะรุนแรงขึ้น ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ แต่รัฐบาลไม่ได้ประมาท และพร้อมรับมือ โดยเป้าหมายของรัฐบาลคือต้องการทำให้เกิดความสงบ เรียบร้อยในบ้านเมือง การเคลื่อนไหวนั้นสามารถทำได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย

หากทำ อะไรที่เกินเลยกรอบของกฎหมาย ก็ต้องจัดการขั้นเด็ดขาด ทั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประชุมเตรียมพร้อมรับสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา จึงมั่นใจว่าจะดูแลสถานการณ์ให้เป็นไปอย่างเรียบร้อยได้ เมื่อถามว่าเหตุใดจึงมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ นายสาทิตย์ กล่าวว่า รัฐบาลคิดว่ามีประสบการณ์มากพอ เพราะเงื่อนไขในการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงนี้เริ่มอ่อนในเชิง ของเหตุผลที่ยกมาอ้าง ทั้งเรื่องกฎหมาย และอื่นๆ ซึ่งรัฐบาลมองครั้งแรกว่าทำท่าจะแข็งขัน แต่ในช่วงหลังเริ่มอ่อน เห็นได้จากพฤติกรรมของกลุ่มคนเหล่านั้นเอง เมื่อถามว่าแต่การเคลื่อนไหวครั้งนี้ตรงกับช่วงการจัดงานเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 5 ธันวาคม นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตนบอกไปแล้วว่าในช่วงเวลามหามงคล คนไทยควรรู้ว่าควรจะดำเนินการหรือเคลื่อนไหวอย่างไรให้เหมาะสม การแสดงออกซึ่งความจงรักภักดีไม่ว่าจะเป็นเสื้อสีอะไรนั้นสามารถทำได้ แต่ไม่ควรใช้วันมหามงคลให้มาข้องเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมือง ต้องแยกแยะให้ออก

ต่อข้อถามว่ารัฐบาลมีมาตรการที่จะแจ้งให้ผู้ชุมนุมทราบ นายสาทิตย์ กล่าวว่า รัฐบาลพยายามเข้าไปทำความเข้าใจกับแกนนำในหลายพื้นที่ จะเห็นได้ว่าบางพื้นที่เปลี่ยนท่าทีไปแล้ว เช่น จ.เลย ที่ไม่มีการชุมนุมเมื่อรัฐมนตรีลงไปตรวจงานเหมือนเช่นที่ผ่านมา และจังหวัดอื่นๆรัฐบาลก็ได้ส่งคนไปทำความเขาใจตลอดเวลา

ทั้งนี้ ในวันที่ 21 พ.ย.นี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไป จ.พิษณุโลก พิจิตร และสุโขทัย และคิดว่าประชาชนจะมีความเข้าใจกันมากขึ้น การชุมนุมอาจมีบ้าง แต่คงอยู่ในขอบเขตที่คุยกันได้ ส่วนวันที่ 22 พ.ย.นี้ นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไป จ.สุพรรณบุรี และวันที่ 29 พ.ย.นี้ จะเดินทางไปที่ จ.เชียงใหม่ จากนั้นจะลงพื้นที่ภาคใต้ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อถามว่าการลงพื้นที่แบบนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณเรื่องการยุบสภาหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ไม่ใช่ การลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี เป็นการไปติดตามความคืบหน้าโครงการประกันรายได้เกษตรกร ไม่เกี่ยวกับการจะยุบหรือไม่ยุบสภา เมื่อถามว่าแต่ฝ่ายค้านพยายามระบุว่ารัฐบาลไม่มีผลงานที่เป็นรูปธรรม นายสาทิตย์ กล่าวว่า ในการแถลงผลงานครบรอบ 1 ปี ได้มีการเตรียมการเอาไว้เรียบร้อยแล้ว หากฝ่ายค้านสงสัยก็สามารถสอบถามได้อยู่แล้ว เพราะสภายังเหลือเวลาให้ตั้งกระทู้ถามสดได้อีก 1 อาทิตย์

ส่วนกรณี ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุผ่านทวิตเตอร์ว่าได้ประสานกับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพื่อขอให้ปล่อยตัวนายศิวรักษ์ ชุติพงศ์ วิศวกรชาวไทยที่ถูกจับ ว่า ไม่ทราบว่าจะประสานเรื่องอะไร เพราะเรื่องนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้คนไทยต้องถูกจับ ตนเชื่อในกฎแห่งกรรมว่าใครทำอะไรไว้ ก็ต้องได้รับผลในสิ่งที่ได้กระทำไป ซึ่งกรณีของกัมพูชา นั้น เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ รู้ตัวว่าได้ทำอะไรลงไป หากจะแก้ไขก็ถือเป็นเรื่องที่ดี ส่วนรัฐบาลมีหน้าที่ต้องดูแลคนไทยและได้ทำอย่างเต็มที่ เมื่อถามว่า มองว่าการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกหน้ามาประสานเรื่องนี้เพราะต้องการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไทยยังต้องพึ่งพา เขาอยู่หรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ อยากเป็นฮีโร่ แล้วทำไมไม่ลงมือทำแล้วแก้เอง แต่งานนี้เป็นการทำคนไทยด้วยกันเอง ซึ่งกระทบความรู้สึก ความจริงแล้วการที่ พ.ต.ท.ทักษิณไม่พูดอะไรเลยนั้นจะดีกว่า เพราะถ้ายิ่งทำจะยิ่งเห็นชัดเจนว่าทั้งหมดแล้วล้วนทำเพื่อตนเอง

ด้าน ข้อมูลที่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย ออกมาแฉว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ จ้างพยานเท็จให้การปรักปรำเพื่อยุบพรรคไทยรักไทย ว่า ในที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ไม่ได้มองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นประเด็น เพราะคดีได้ถึงที่สุดไปแล้ว และข้อเท็จจริงที่ออกมาเปลี่ยนแปลงขณะนี้ เหมือนเป็นการออกมารับผิดของคนที่พูด จึงเชื่อว่าไม่กระทบต่อรูปคดี เพราะได้มีการวินิจฉัยไปแล้ว ส่วนที่มีข่าวว่ามูลนิธิ 111 จะไปยื่นฟ้องร้องดำเนินคดีนั้น ก็เป็นเรื่องทางกฎหมาย ก็ว่ากันไป แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่หวั่นไหวเรื่องพยานกลับคำให้การว่าจะส่งผลถึงการยุบ พรรคประชาธิปัตย์ เพราะมันผ่านไปนานแล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวล ส่วนนายสุเทพจะไปดำเนินการฟ้องร้องอะไรหรือไม่นั้น ก็ถือเป็นเรื่องส่วนตัวของนายสุเทพ เขากล่าวหาใคร คนที่ถูกกล่าวก็ต้องดูแล

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net