Skip to main content
sharethis

ขณะที่โครงการสะพานเศรษฐกิจ หรือแลนด์บริดจ์สงขลา - สตูล เชื่อมฝั่งทะเลอันดามันกับอ่าวไทย อันประกอบด้วย ท่าเรือน้ำลึกสงขลาแห่งที่ 2 ตำบลนาทับเชื่อมกับท่าเรือน้ำลึกปากบารา จังหวัดสตูล, รถไฟรางคู่จากบ้านควนมีด อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลาเชื่อมกับปากบารา จังหวัดสตูล ถนนไฮเวย์จากบ้านนาทับ จังหวัดสงขลา เชื่อมปากบารา จังหวัดสตูล และท่อขนส่งน้ำมันจากบ้านปากบาง อำเภอละงู จังหวัดสตูล เชื่อมกับอำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา กำลังคืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว

สำหรับท่อส่งน้ำมันนั้น กำหนดจะสร้างคลังน้ำมัน ที่บ้านปากบาง ตำบลละงู อำเภอละงู จังหวัดสตูล 5,000 ไร่ และที่ตำบลปากรอ ตำบลป่าขาด ตำบลวัดขนุน ตำบลรำแดง อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา อีก 10,000 ไร่

แต่ดูเหมือนชาวบ้านในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง น้อยคนที่จะรู้รายละเอียดแต่ละโครงการ ที่จะเกิดขึ้นหลังการสร้างท่าเรือน้ำลึกทั้งฝั่งทะเลอันดามันและฝั่งทะเลอ่าวไทย อย่างคำสัมภาษณ์ของนายต่ายูเด็น บารา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 บ้านปากบาง ตำบลละงู อำเภอละงู จังหวัดสตูล ที่สะท้อนถึงความรู้และความไม่ใส่ใจของเจ้าของโครงการต่อคนที่จะได้รับผลกระทบในเรื่องนี้

000

ต่ายูเด็น บารา

พอมีข่าวออกไปว่าเขาจะสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา ก็มีคนเข้ามาตระเวนหาซื้อที่ดิน สดๆร้อนๆ ก็เข้ามาหาที่ดินอยู่สามสี่ราย
ทางอำเภอก็เรียกประชุม แต่ก็ไม่เคยบอกเรื่องจะสร้างคลังน้ำมันที่นี่เลย ผมไปประชุมประจำเดือน ไม่เคยมีใครแจ้งเรื่องนี้ต่อที่ประชุมเลย ถ้าเขาพูดเรื่องนี้บอกว่ามีโครงการนี้ ต้องเอาที่ดินที่นี่ 5,000 ไร่ ผมเป็นคนหนึ่งล่ะที่คัดค้าน เพราะชาวบ้านไม่มีที่อยู่

เคยมีการประชุมเรื่องท่าเรือน้ำลึกปากบาราที่องค์การบริหารส่วนตำบลครั้งหนึ่ง แต่ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ที่ว่า จะเอาที่ห้าพันไร่ทำคลังน้ำมัน

ดูจากเอกสารประกอบการประชุมจังหวัดสงขลา เรื่องท่อส่งน้ำมัน ที่จะมีการตั้งคลังน้ำมันที่ปากบางเป็นปีแล้ว แต่ยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาบอกชาวบ้าน ที่ดินตรงนี้ในหมู่ที่ 2 บ้านปากบางมีทั้งหมดประมาณ 2,000 กว่าไร่ ถ้าเขาเอาตรงนี้ที่ดินที่เขาต้องการไม่พอแน่นอน ต้องเอาไปจนถึงหมู่ที่ 1

คนแถวนี้ไม่มีที่อยู่แน่ๆ  ถ้าเขาจะทำคลังน้ำมัน จะเอาที่เราไป ก็ต้องมาคุยกันก่อน ถ้าผมประกาศนัดคุยกันเรื่องนี้ รับรองชาวบ้านไปกระชุมกันทุกคน เพราะเขาเดือดร้อนหมด หมู่อื่นไม่รู้ แต่หมู่ที่ 2 บ้านปากบาง ผมไม่ยอมเด็ดขาด จะให้ลูกบ้านไปอยู่กันที่ไหน

ถ้าถึงคราวต้องฆ่าก็ต้องฆ่ากัน เรื่องความเจริญชาวบ้านก็อยากได้ แต่จะมารังควาญชาวบ้านแบบนี้ไม่ได้ ถ้าเป็นที่ของรัฐไม่มีชาวบ้านอยู่อาศัยเอาไปเลย เพราะชาวบ้านไม่เดือดร้อน จะมาเวนคืนที่ดินที่อยู่อาศัยของชาวบ้านไม่ได้ รัฐบาลต้องช่วยเหลือชาวบ้าน นี่อะไรอยู่ๆ จะมาเอาที่ดินชาวบ้าน ทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง

ถ้ามีการประชุมเรื่องนี้เมื่อไหร่ เราต้องคุยกัน ต้องดูว่าเขาว่ายังไงบ้าง แล้วเราค่อยขับเคลื่อนกัน ถ้าเอาที่ดินถึง 5,000 ไร่ คิดดูชาวบ้านที่นี่เท่าไหร่ 4 - 5 พันคนเหมือนกัน เฉพาะหมู่ที่ 2 ประชากรที่มีสิทธิเลือกตั้งพันกว่าคน รวมทั้งลูกเล็กเด็กแดงก็เกือบ 4 - 5 พันคน

ตอนนี้ ชาวบ้านหมู่ที่ 1 ก็ไม่รู้ ชาวบ้านหมู่ที่ 2 ก็ไม่รู้ เพิ่งมารู้เอาวันนี้ทั้งนั้น หมู่ที่ 1 บ้านหัวหิน, ท่าชะมวง หมู่ที่ 2 ปากบาง แล้วถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นที่นี่ รับรองได้เลยว่าแผ่นดินนี้ลุกเป็นไฟ

เวลาชาวบ้านเดือดร้อน ที่ดินที่รัฐจัดสรรให้ทำกินมักจะเป็นที่สวน พี่น้องที่นี่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมง ถ้าเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่นก็ลำบาก ยิ่งถ้าที่ดินที่รัฐจัดให้ไม่ได้อยู่ติดทะเล พอให้ชาวบ้านออกไปประกอบอาชีพได้ จะยิ่งลำบากเดือดร้อนกันไปใหญ่ เพราะคนทำสวนมีน้อยมาก บางคนซื้อข้าวสารวันละหนึ่งกิโลกรัม เพราะไม่มีที่ดินทำนา

สถานที่ที่ชาวบ้านสร้างบ้านอยู่ตอนนี้ ก็เป็นที่ดินราชพัสดุ ผมเป็นผู้ใหญ่บ้านมา 4 สมัยแล้ว เลือกทุกทีได้ทุกที ผมไม่ยอมให้ใครมารุกรานลูกบ้านผม แต่ถ้าเป็นเรื่องถูกต้องเข้ามาเลย ผมยินดีต้อนรับ

ขนาดแค่สร้างค่ายลูกเสือ 72 ไร่ ก็ทะเลาะกันเกือบตาย เพราะชาวบ้านทำมาหากินอยู่ตรงนี้ทั้งนั้น ใช้พื้นที่บริเวณนี้ตากปลากะตัก ผมต้องเป็นคนกลางคุยกับพี่น้อง ยอมแบ่งซีกหนึ่งให้รัฐสร้างค่ายลูกเสือ ส่วนอีกซีกให้ชาวบ้านอยู่อาศัย

นี่จะเข้ามาเอาที่ดินทั้งหมดของชาวบ้าน แค่ขอแบ่งไปนิดหนึ่ง ชาวบ้านก็จะฆ่ากันตาย ลองคิดดูแล้วกันว่า ถ้าคลังน้ำมันเข้าจริง จะเกิดอะไรขึ้น

ค่ายลูกเสือที่เห็นอยู่ เพิ่งเข้ามายังไม่ทันถึงปีเลย ที่บริเวณนี้รวมทั้งที่ที่ชาวบ้านอยู่อาศัย เป็นที่ราชพัสดุทั้งหมด เขาจะเข้ามาเอาที่ของชาวบ้าน ผมว่ายังไงก็เป็นไปไม่ได้

แนวท่อส่งน้ำมันจากบ้านปากบาง ตำบลละงู อำเภอละงู จังหวัดสตูล ไปยังตำบลปากรอ ตำบลป่าขาด ตำบลวัดขนุน ตำบลรำแดง อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา

ตอนที่เขาประชุม เขาไม่ได้เชิญชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ไปเลย เขาคุยกันเอาเอง ตกลงกันเอาเอง ผมไม่รู้ว่ามีใครที่ไหนไปประชุมกันมาบ้าง แต่ชาวบ้านที่จะเดือดร้อนไม่รู้เรื่องอะไรเลย  ผมไม่รู้ว่าหมู่บ้านนี้มีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้ผมอายุ 60 ปีแล้ว ตั้งแต่จำความได้เราก็อยู่ที่นี่แล้ว

คนที่เข้ามาอยู่ในที่ราชพัสดุเป็นคนที่ไม่มีที่ดินอาศัย คนที่ได้อยู่ที่นี่ ตอนนี้ก็ไม่ได้เช่า โรงเรียนบ้านปากบางอนุญาตให้อยู่ แต่ก่อนอยู่กันริมทะเล น้ำเริ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ที่ดินจมหายลงไปในทะเล ชาวบ้านเลยต้องย้ายมาอยู่ตรงนี้

หมู่บ้านดั้งเดิม น่าจะมีอายุเกินร้อยปี ที่ราชพัสดุก็มีมานานแล้ว คนแก่ๆ เขาจัดสรรไว้ เพื่อเป็นที่ใช้สอยสาธารณประโยชน์ เพราะตอนนั้นไม่มีชาวบ้านอยู่ในนี้เลย แต่มาสมัยนี้คนเพิ่มขึ้น จำนวนคนมากกว่าปริมาณที่ดิน ก็เลยขยับขยายกันมาฝั่งนี้

ผมงงตรงที่เขาบอกว่า ชาวบ้านยินยอมให้สร้าง ทั้งๆ ที่ชาวบ้านไม่รู้เรื่องสักคน ไม่รู้ว่าเขาเขียนลงไปได้อย่างไร ผมก็อยากทราบเหมือนกันว่า ชาวบ้านสองคนที่เข้าร่วมประชุมเป็นใคร  คราวที่เขามาประชุมที่องค์การบริหารส่วนตำบล เขาไม่ได้แจ้งว่าจะเอาที่ 5,000 ไร่ของชาวบ้านไปสร้างคลังน้ำมัน พูดแต่เรื่องจะสร้างท่าเรือน้ำลึกที่ปากบารา

ในการประชุมคราวนั้น เขาไม่ได้พูดว่าจะช่วยเหลือพี่น้องชาวประมง ที่ทำมาหากินอยู่ในอ่าวปากบาราอย่างไร
ถ้าทำกันแบบนี้ ต่อไปจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีปัญหา ต้องรวมจังหวัดสตูลเข้าไปด้วย เพราะปัญหาชาวบ้านถูกรังแก ลุกลามจนถึงจังหวัดสตูลแล้ว

ไม่รู้จะเอาอะไรกันนักหนา ที่ดินแถวนี้ขนาดจะหามาปลูกผักบุ้งยังหาไม่ได้เลย ชาวบ้านแค่เข้ามาสร้างที่อยู่อาศัยเท่านั้น พอใครมีลูกมีหลานเพิ่มขึ้น ก็ต้องขยายบ้าน เฉพาะพื้นที่ตรงนี้ที่ต่อสู้กับค่ายลูกเสือมีประมาณ 40 ครัวเรือน รวมแล้วกว่า 200 ชีวิต พวกเขาต้องอยู่ตรงนี้ ไปไหนไม่ได้

คนที่นี่ทำวันนี้เพื่อกินพรุ่งนี้เท่านั้น จะให้ไปซื้อที่ซื้อทางที่อื่นสร้างบ้าน ทำสวน เขาไม่มีเงิน ชาวประมงส่วนใหญ่ทำแบบรับจ้าง เพราะไม่มีอุปกรณ์ทำมาหากิน คนที่มีเรือใหญ่อาจจะออกไปไกลหน่อย ไปจนถึงเกาะลังกาวี ของมาเลเซีย คนที่ไม่มีอุปกรณ์ก็รับจ้างออกทะเลกับเรือใหญ่ คนที่มีเรือขนาดเล็กๆ ก็หากินกันอยู่ใกล้ชายฝั่ง พอได้หาปูหาปลาหากินกันอยู่แบบนี้ นี่แหละชีวิตประจำวัน วิถีชีวิตของคนที่นี่เป็นอยู่แบบนี้แหละ

ที่นี่มีมัสยิดสองหลัง โรงเรียนสองโรง กูโบร์(สุสานมุสลิม) 2 แห่ง มีสุสานของคนไทยพุทธด้วย ถ้าคลังน้ำมันเข้ามา สถานที่เหล่านี้คงถูกทำลายหมด ถึงยังไงผมก็ไม่ให้เขาทำแบบนี้ ปล่อยให้เขาก็บ้าแล้ว
รัฐมารุกรานไล่ที่ชาวบ้านได้ยังไง เวลาประชุมไปประชุมกันที่สงขลา แต่จะมาเอาที่ดินที่จังหวัดสตูล มันไม่ใช่เรื่อง คนสงขลาจะรู้เรื่องคนที่นี่ได้อย่างไร ต้องเรียกคนในพื้นที่ไปคุยกันก่อน ก่อนจะไปเชิญคนนอกมาประชุม อย่างน้อยๆ มาจัดประชุมที่อำเภอก็ยังดี
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net