Skip to main content
sharethis

หอการค้าแถลงข่าวด่วนมีมติยกเลิกภารกิจนายกรัฐมนตรีร่วมสัมมนาหอการค้าฯ ที่เชียงใหม่ มาร์ครับไม่ไปเชียงใหม่แล้ว แต่จะไม่ให้ใครมาขู่ อัดเสื้อแดงต้องการทำให้เกิดปัญหา ไว้จะหาโอกาสไปเชียงใหม่เองเพราะเคยไปมาแล้ว ด้านชาวเน็ตตั้งปมกำหนดการมาร์คเยือนเชียงใหม่ซ้อนคิวเกาะโพเดียมที่ มอ.หาดใหญ่

 

หอการค้ามีมติยกเลิกภารกิจนายกรัฐมนตรีร่วมสัมมนาที่เชียงใหม่
เมื่อเวลา 16.00 น. (วานนี้) ที่อาคารจรูญ สีบุญเรือง ถนนราชบพิธ กทม. หอการค้าไทยได้จัดแถลงข่าวด่วน เรื่อง “การจัดสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 27” โดยมีผู้ร่วมแถลงข่าวคือ นายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทย และนายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย
 
โดยนายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทย แถลงว่า ที่ประชุมคณะกรรมการหอการค้าไทยมีมติยกเลิกภารกิจนายกรัฐมนตรีทั้งหมด ที่จะไปร่วมงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศที่ จ.เชียงใหม่ เพราะไม่ต้องการให้เกิดปัญหาระหว่างการสัมมนา โดยเฉพาะที่เกิดขึ้นจากภารกิจของนายกรัฐมนตรี ในเรื่องความปลอดภัย ทั้งของนายกรัฐมนตรี รวมถึงผู้เข้าร่วมสัมมนาที่มีอยู่กว่า 2,000 คน
 
 
มาร์คอัดเสื้อแดงต้องการทำให้เกิดปัญหา ไว้หาโอกาสอื่นมาเยี่ยมชาวเชียงใหม่
ขณะเดียวกัน สำนักโฆษก สำนักนายกรัฐมนตรี รายงานว่า เมื่อเวลา 18.00 น. ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังจากที่หอการค้าไทยมีความเห็นว่านายกรัฐมนตรีไม่ควรเดินทางไปร่วมสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศที่จังหวัดเชียงใหม่ว่า ก่อนที่จะเดินทางไป ถ้าทางหอการค้าต้องการให้ตนไปก็พร้อมที่จะไป และเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงรักษาความปลอดภัยจะต้องดูแล ไม่ว่าจะยากแค่ไหนอย่างไร ล่าสุดที่ทราบหอการค้าได้แถลงข่าวว่าในการเดินทางไปของตนอาจจะเกิดเหตุการณ์ซึ่งจะเป็นผลกระทบต่อบรรยากาศของเศรษฐกิจ บรรยากาศของเชียงใหม่ ขณะที่ทุกอย่างกำลังไปด้วยดี ดังนั้นตามวัตถุประสงค์เดิมที่หอการค้าจะนำข้อเสนอให้ตนทราบในที่ประชุม ก็เปลี่ยนที่จะนำเสนอข้อมูลมาที่ตนภายหลังที่กรุงเทพฯ ก็สุดแล้วแต่ทางหอการค้า
 
“ความจริงแล้วผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าถ้าผมไปตัวผมปลอดภัย แต่คิดว่ามันมีความเสี่ยงในเรื่องความเดือดร้อนกับผู้ชุมนุมเอง เจ้าหน้าที่ หรือผู้เข้าร่วมประชุม เพราะเท่าที่ผมทราบในตอนหลังถ้าผมไปจะมีการปรับในเรื่องสถานที่ การเดินทางของผู้เข้าร่วมประชุม ซึ่งจะมีความเสี่ยง เพราะทราบว่ามีความเคลื่อนไหวอยู่ ผู้ชุมนุมก็แสดงออกชัดเจนว่า ต้องการให้เกิดปัญหา ดังนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ผมก็จำเป็นต้องทำตามที่หอการค้าต้องการ และผมจะหาโอกาสอื่นที่จะไปเยี่ยมชาวเชียงใหม่ ซึ่งตั้งใจจะไปเพื่อเยี่ยมเยียน ผมไม่มีความคิดที่จะไปท้าทายหรือยั่วยุ แต่ผมพร้อมจะทำหน้าที่คิดว่าคงจะเป็นโอกาสอื่น โดยรัฐบาลจะเป็นผู้จัดกิจกรรมเอง ก็จะง่ายเข้า บังเอิญครั้งนี้หอการค้าเตรียมงานมาเป็นปี และไม่ได้วางแผนรองรับสถานการณ์ในลักษณะปัจจุบัน จึงไม่คล่องตัวในแง่การบริหารจัดการ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
 
 
ไม่จำเป็นต้องวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ลั่นจะหาโอกาสไปเชียงใหม่แน่นอนเพราะเคยไปมาแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะใช้วิดีโอคอนเฟอเรนซ์หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่จำเป็น เพราะการที่ตนไปก็เพื่อไปรับข้อเสนอ ถึงขณะนี้ประธานหอการค้าระบุว่าจะนำข้อเสนอมาเสนอให้ตนในโอกาสอื่น และจะนัดตัวแทนของสภาหอการค้ามาร่วมด้วย
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า ภาพที่ออกมาจะกลายเป็นว่านายกฯ ไม่สามารถที่จะเดินทางไปทำงานในพื้นที่เชียงใหม่ได้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สามารถไปได้อยู่แล้ว แต่เราก็ต้องชั่งใจว่าถ้าไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น จะมีการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุม หรือไปแล้วอาจเกิดผลกระทบกับภาพลักษณ์ของเชียงใหม่ก็ไม่เป็นผลดี วัตถุประสงค์เดิมของหอการค้าต้องการให้บรรยากาศและความเชื่อมั่นเกิดขึ้น เขาจึงต้องตัดสินใจ
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากนี้ไปจะเป็นข้อจำกัดในการลงพื้นที่อื่นๆ หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น เพราะเรื่องนี้ต้องชัดเจนว่าเราจะไม่ให้ใครมาข่มขู่แล้วทำให้เราไม่สามารถทำหน้าที่ได้ อย่างไรก็ตามเวลาที่ตนจะเดินทางไปก็จะเป็นกิจกรรมที่รัฐบาลจัดขึ้นเอง ซึ่งจะเดินหน้าต่อไป
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันใช่หรือไม่ว่าจะมีการจัดกิจกรรมที่จังหวัดเชียงใหม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนจะเดินทางไปอย่างแน่นอน ที่ผ่านมาเมื่อเข้ามาเป็นนายกฯ ก็เคยไปมาแล้ว เพียงแต่จังหวะเวลานี้ด้วยเหตุผลหลายประการ ซึ่งมองตรงกันว่าบรรยากาศกำลังมาดี ๆ การชุมนุมที่กรุงเทพฯ ก็ยกเลิกไปแล้ว ทุกคนก็ต้องการเข้าสู่บรรยากาศการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ จึงไม่อยากมีจุดเสี่ยง จนทำให้เสียบรรยากาศ แต่ถ้าเขาบอกให้ไปตนก็พร้อมจะไป
 
 
โสภณเสี้ยมเป็นการดิสเครดิตมาร์คจากคนใกล้ตัวที่อยากเป็นนายกฯ เอง
ด้าน ASTVผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ประจำวันที่ 26 พ.ย. ซึ่งออกอากาศทางอีสานทีวี ช่วงเวลา 18.30-20.30 น. นั้น ในช่วงหนึ่งของรายการ นายโสภณ องค์การณ์ อดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น และหนึ่งในพิธีกรรายการ NEWS HOUR สุดสัปดาห์ ทางสถานี ASTV ซึ่งได้รับเชิญมาร่วมรายการ กล่าวถึงการที่นายกรัฐมนตรีไม่เดินทางไปร่วมประชุมกับหอการค้าไทยที่ จ.เชียงใหม่ว่า มองเกมนี้ว่าเป็นขบวนการดิสเครดิต นายอภิสิทธิ์ โดยคนใกล้ตัวนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งกำลังอยากสร้างสถานการณ์ เพราะอยากเป็นนายกรัฐมนตรีเสียเอง จึงได้พยายามทำลายภาพ นายอภิสิทธิ์ ว่าไม่กล้าตัดสินใจ วุฒิภาวะน้อย ไม่เหมาะเป็นผู้นำประเทศ เนื่องจากไม่มีความกล้าหาญ
 
ขณะเดียวกัน น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก ผู้ดำเนินรายการ “เคาะข่าวริมโขง” ได้โทรศัพท์ไปสัมภาษณ์สด พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กรณีที่วันนี้มีกลุ่มคนเสื้อแดงไปชุมนุมที่สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ โดยตอนหนึ่ง พ.ต.ท.สมคิด กล่าวการค้นบ้านคนเสื้อแดง ที่ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ว่า พบอาวุธเป็นปืนสั้นพกพาจำนวน 4 กระบอก และปืนยาว 2 กระบอก นอกจากนี้ ยังพบระเบิดปิงปองอีก 6,000 ลูก โดยทางผู้ต้องหา ได้ให้การอ้างว่า ระเบิดปิงปอง ซื้อมาจากประเทศจีน เพื่อมาจำหน่ายในช่วงเทศกาลวันลอยกระทงที่ผ่านมา แต่เนื่องจากจำหน่ายไม่หมด จึงยังเหลืออีก 6,000 ลูก ซึ่งทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจมองว่า ระเบิดปิงปอง ไม่ได้รับอนุญาตให้ค้าขายได้อย่างเสรีอยู่แล้ว อีกทั้ง อาจมีการนำระเบิดปิงปองไปประกบวัตถุอันตรายที่ร้ายแรงกว่านี้ เพราะลำพังแค่ระเบิดปิงปองที่พบ หากมีการระเบิดพร้อมกัน 6,000 ลูก ฤทธิ์การทำร้ายก็มีสูงพอสมควร
 
พล.ต.ท.สมคิด กล่าวว่า ส่วนเรื่องการจัดการวิทยุชุมชนเสื้อแดงที่มักมีการพูดจาปลุกระดม ตนเคยได้ดำเนินการระงับการออกอากาศไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ได้มีการไปยื่นเอกสารขอเปิดชั่วคราวอีก แต่ล่าสุด ก็ได้มีการจัดรายการพูดจาข่มขู่เอาชีวิตนายกรัฐมนตรี โดยตนก็ได้รวบรวมหลักฐานไปขออนุมัติหมายจับไปแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ศาลเห็นว่าพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอ ซึ่งปัจจุบันศาลก็ได้ยกคำร้องดังกล่าวไปแล้ว
 
พล.ต.ท.สมคิด กล่าวอีกว่า สำหรับสาเหตุที่ นายอภิสิทธิ์ ไม่ตัดสินใจเดินทางมา จ.เชียงใหม่ ตนคิดว่าทางฝ่ายความมั่นคงน่าจะให้ข้อมูล เพื่อประเมินสถานการณ์แล้วนำมาประกอบการตัดสินใจ แต่ถ้าถามถึงการทำหน้าที่ในพื้นที่ ก็ได้มีการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยไว้แล้วกับแม่ทัพ ภาคที่ 3 ที่ได้มีการสนธิกำลังหน่วยควบคุมฝูงชนถึง 35 กองร้อย หรือใช้เจ้าหน้าที่ไม่ต่ำกว่า 5,000 นาย โดยขอยืนยันอีกครั้งว่า หาก นายอภิสิทธิ์ ต้องการมา จ.เชียงใหม่จริง ก้อพร้อมรักษาความปลอดภัยให้เต็มที่
 
 
ชาวเน็ตตั้งข้อสังเกตกำหนดการ “มาร์ค” เยือนเชียงใหม่ซ้ำซ้อนกับการเยือน “หาดใหญ่”
 
คุณตระกองขวัญตั้งข้อสังเกตเนื้อข่าวของ ASTV ผู้จัดการออนไลน์ โดยล้อมกรอบสีแดงในภาพเป็นส่วนที่คุณตระกองขวัญ ตั้งข้อสังเกตเปรียบเทียบ 2 เนื้อหาข่าว (ที่มา: กระดานข่าวพันทิพห้องราชดำเนิน หัวข้อ หัวข้อ P8593390)

 
กำหนดการปาฐกถาของนายกรัฐมนตรีในเวลา 15.00 น. วันที่ 29 พ.ย. ที่ ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ซึ่งซ้อนกับกำหนดการที่ จ.เชียงใหม่ (ที่มา: เว็บไซต์ มอ.หาดใหญ่)

 

 
ขณะที่ในกระดานข่าวสนทนาการเมือง มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่ากำหนดการเยือนเชียงใหม่ ของนายกรัฐมนตรี โดยกระดานข่าวพันทิพ ห้องราชดำเนิน หัวข้อ P8593390 “จะเอาฮาไปถึงไหนครับคุณ "ผู้จัดการ" เรื่องเดียวกัน แต่เล่นข่าวคนละทีป” โดยคุณตระกองขวัญ ตั้งข้อสังเกตจากข่าวของ ASTVผู้จัดการออนไลน์ ที่รายงานว่าใน 29 พ.ย.นี้ ซึ่งตรงกับกำหนดการที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศที่ จ.เชียงใหม่
 
โดยในวันนั้นเอง นายกรัฐมนตรีก็มีกำหนดการที่จะเดินทางไปร่วมงานสัมมนา และเป็นองค์ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคใต้อย่างยั่งยืน” ซึ่งจัดโดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) วิทยาเขตหาดใหญ่ ร่วมกับสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติเฉลิมพระเกียรติ มอ.หาดใหญ่ โดยกำหนดการปาฐกถาพิเศษของนายกรัฐมนตรี จะมีขึ้นในเวลา 15.00-16.00 น.โดยก่อนหน้านั้นในเวลา 13.30-14.30 น.เป็นการปาฐกถาพิเศษของ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน
 
คุณตระกองขวัญ ได้วงสีแดงเพื่อตั้งข้อสังเกตในข้อความที่ว่า “สำหรับกำหนดการดังกล่าวได้มีการกำหนดมานานแล้ว โดยมีการแจ้งเรื่องให้สื่อมวลชนทราบ 2-3 วันที่ผ่านมาแล้ว จากทางประชาสัมพันธ์ มอ.หาดใหญ่ และจากบริษัท มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ ซึ่งเป็นบริษัทรับทำประชาสัมพันธ์ให้กับศูนย์ประชานานาชาติแห่งนี้” ขณะเดียวกันคุณ MCU51 ก็นำลิ้งกำหนดการของการประชุมดังกล่าวจากเว็บไซต์ มอ.หาดใหญ่ มาเผยแพร่ ซึ่งพบว่านายกรัฐมนตรีมีกำหนดการไปปาฐกถาในวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าวจริง
 
 
หมายเหตุ: คำบรรยายภาพหน้าเว็บ - แฟ้มภาพ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เมื่อ 23 พ.ย. 52 (ที่มา: พีรพัฒน์ วิมลรังครัตน์ / CC / http://www.flickr.com/photos/thaigov/4132198464/)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net