ในช่วงที่กลุ่มคนเสื้อแดง ได้ประกาศชุมนุมใหญ่กดดันให้รัฐบาลยุบสภา ที่ผ่านมานั้นรัฐบาลได้ใช้กลยุทธ์หลายอย่างเพื่อทำลายความชอบธรรมของการชุมนุม และกลยุทธ์หนึ่งก็คือ การที่นายกรัฐมนตรีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, รองนายกรัฐมนตรีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ, นายสาธิต วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ นายเทพไท เสนาพงษ์ โฆษกนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวปั้นข่าวร้ายป้ายสีว่า จะมีแรงงานต่างด้าวนับหมื่นร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง และจักทำให้แนวโน้มการชุมนุมมีความรุนแรง รวมทั้งจักต้องให้ร้องเพลงชาติไทยด้วย
ในยุคประวัติศาสตร์การเมือง ช่วงก่อนเกิดโศกนาฎกรรม 6 ตุลาคม 2519 ฝ่ายอนุรักษ์นิยมขวาจัดสมัยนั้น ก็ได้หยิบใช้วาทกรรม คนต่างด้าว มาสร้างความชอบธรรมในการเข่นฆ่านักศึกษาประชาชนผู้รักประชาธิปไตย
มีการกล่าวว่า นักศึกษาเป็น ญวน เป็นเวียดนาม เป็นคนต่างด้าว เพื่อบอกให้รู้ว่า คนเหล่านี้ไม่มีความเป็นไทย ไม่ใช่คนไทย หรือต้องการบอกว่าคนเหล่านี้กระทำการแทรกแซงประเทศไทย หรือไม่ได้มีความรักชาติไทย เท่ากับว่ารัฐมีความชอบธรรมที่จะปราบปรามทำร้ายได้ ตามสำนึกประวัติศาสตร์ชาตินิยมคลั่งชาติของรัฐไทยที่ครอบงำอยู่ตลอดกาล
ขณะเดียวกัน เราต้องยอมรับความเป็นจริง ข้อเท็จจริงที่ว่า มีคนจำนวนมากที่ไม่ได้เป็นคนไทยนับหลายล้านคนที่เข้ามาใช้ชีวิต ทำมาหากินในสังคมไทยหรืออยู่ในสังคมไทย อาจจะมาจากประเทศแถบยุโรป ตะวันตก ญี่ปุ่น อเมริกา เกาหลี จีน เวียตนาม ฯลฯ บางคนอาจจะมีสามีหรือภรรยา เป็นคนไทยก็ได้ บ้างก็มาลงทุนทำธุรกิจ บ้างก็มาเรียนหนังสือ บ้างก็เป็นนักร้อง บ้างก็เป็นหมอ ฯลฯ
แต่มีจำนวนไม่น้อยที่มาขายแรงงานในสังคมไทย มาจากแถบประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะฝั่งพม่าที่หลายคนหนีร้อนมาพึ่งเย็น เนื่องจากไม่อาจทนกับสภาพการกดขี่ของรัฐบาลเผด็จการพม่า หลายคนเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ในพม่า เช่น ไทยใหญ่ มาเพื่อดิ้นรนหางานทำเลี้ยงชีวิตและครอบครัว
และพวกเขาเป็น “แรงงานข้ามชาติ” มิใช่ “แรงงานต่างด้าว” ที่เป็นคำค่อนไปทางดูหมิ่นเหยียดหยามตามคำพูดของผู้นำหลายคนของรัฐบาลอภิสิทธิ์ปัจจุบัน
แรงงานข้ามชาติ เหล่านี้ มักใช้แรงงานที่หนักมากๆ ซ้ำซาก และน่าเบื่อหน่ายด้วย หนำซ้ำค่าจ้างต่ำ ไร้สวัสดิการพื้นฐาน ซึ่งคนไทยโดยทั่วไปที่มีทางเลือกอื่นๆมักจะไม่ทำกัน
หรือสังคมไทยนั้นขาดแคลนแรงงานไทยในบางกิจการ จึงต้องมีแรงงานข้ามชาติ เช่น งานก่อสร้าง งานแบกหาม งานประมง งานทำความสะอาดบ้าน งานดูแลสวน งานร้านอาหาร งานเกษตรที่ใช้สารเคมีเข้มข้น แรงงานภาคบริการ ฯลฯ
และบางครั้งก็ถูกรีดไถจากเจ้าหน้าที่บางส่วนบางคน ทั้งตำรวจ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง อย่างไร้ความมนุษยธรรมอีกด้วย
แต่สภาพความเป็นจริงแล้ว เราปฏิเสธไม่ได้ว่า แรงงานข้ามชาติ มีส่วนสำคัญในการ สร้างสรรค์ในการพัฒนาประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้าอยู่ถึงทุกวันนี้
การที่ผู้มีอำนาจ กล่าวร้ายป้ายสี แรงงานข้ามชาติ ต่างๆนานา จึงเป็นคำกล่าวที่ไร้ความรับผิดชอบ ไร้ภูมิความรู้ และไม่เข้าใจถึงความสำคัญของแรงงานข้ามชาติในสังคมไทย
ปัจจุบัน รัฐบาลอภิสิทธิ์ ภายใต้รัฐมนตรีต่างประเทศ นายกษิต และรัฐมนตรีแรงงานนายไพฑูรย์ แก้วทอง ได้ทำ MOU กับประเทศเผด็จการพม่า ที่กำหนดให้แรงงานข้ามชาติ จากประเทศพม่า ต้องไปทำสัญชาติกับรัฐบาลทหารพม่าก่อน จึงจะอนุญาตให้ทำงานในประเทศไทยได้ โดยไม่ได้ถามแรงงานข้ามชาติเลยว่าพวกเขาคิดรู้สึกอย่างไร ?
ทั้งๆที่ทั่วโลก เขารู้กันดีว่า รัฐบาลทหารพม่ากดขี่ประชาชนมากแค่ไหน การทำสัญชาติพม่าต้องมีเงินใต้โต๊ะ และต้องลงทะเบียนที่อยู่ของครอบครัวพม่าด้วย ซึ่งจะทำให้ทหารพม่ารีดไถเงินจากครอบครัวแรงงานพม่าได้อีกต่อหนึ่งด้วย จากเงินที่เกิดจากหยาดเหงื่อแรงงานที่แรงงานข้ามชาติเก็บเงินออมน้อยนิดอย่างอดทนประหยัดค่าใช้จ่ายเพื่อส่งให้กับครอบครัวของตนที่บ้านเกิด หรือบางคนที่มีความคิดทางการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยต่อต้านรัฐเผด็จการอาจจะถูกรัฐบาลทหารพม่า จับเข้าคุกและสังหารได้
หรือว่า วิธีคิดของรัฐบาลอำมาตยาธิปไตยไทย ไม่ต่างกับรัฐบาลเผด็จการทหารพม่าแต่อย่างใด ?