อภิสิทธิ์ยันไม่ได้ใส่เสื้อเกราะอ่อน-พร้อมยุบสภาหลังแก้ รธน.-‘ปณิธาน’ชี้เสื้อแดงแตกกันเอง

 
        
วันที่ 29 พ.ย.52 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข่าวการใส่เสื้อเกราะ เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา ว่า ตนไม่ได้ใส่ จะใส่ได้อย่างไร ถ้ามาถามตั้งแต่ตอนนั้นจะเปิดให้ดูเลย เกราะอ่อนก็ไม่ได้ใส่ ใส่แค่เสื้อยืดตัวเดียว เป็นวันที่ใส่เสื้อบางที่สุดแล้ว แสดงว่าคงอ้วนขึ้น
       
ชี้บรรยากาศบ้านเมืองคลี่คลายพอสมควร
นายอภิสิทธิ์ได้ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ภายในประเทศว่า ขณะนี้บรรยากาศดีขึ้นมาก และเหมาะสมในช่วงที่เราจะร่วมกันแสดงความจงรักภักดี เพราะฉะนั้นถ้าเราช่วยกันรักษาบรรยากาศของบ้านเมืองอย่างนี้ได้ก็เป็นเรื่องที่ดีมาก เมื่อถามว่ามั่นใจแค่ไหนว่าจะไม่มีการฉวยโอกาสในช่วงนี้เพื่อก่อความวุ่นวาย นายกฯ กล่าวว่า อยากเรียกร้องทุกฝ่ายว่าต้นเดือน ธ.ค.นี้ เป็นช่วงที่คนไทยทั้งประเทศจะมีความสุขในการแสดงความจงรักภักดี ขอให้ช่วยกันรักษาบรรยากาศของบ้านเมือง ส่วนคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาก็ต้องเร่งสะสางให้ได้ แต่ตนคิดว่าหลังจากนี้ไปบรรยากาศน่าจะคลายลงไปพอสมควร แต่ต้องยอมรับว่าความรุนแรงจากการเมืองยังไม่จบ และรัฐบาลก็พยายามยึดแนวทางที่เราเห็นว่าถูกต้อง เพื่อที่จะให้สังคมก้าวพ้นตรงนี้ไปให้ได้
 
เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด นายกฯ กล่าวว่า ก็พยายามและกำชับเจ้าหน้าที่ว่าต้องดำเนินการให้ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็มีข้อจำกัด เราก็ต้องเห็นใจ เพราะไม่ง่ายนักในหลายๆ เรื่อง แต่ต้องเข้มแข็งและทำอย่างต่อเนื่อง เมื่อถามถึงกรณีที่ จ.เชียงใหม่กลุ่มเสื้อแดงยังใช้มวลชนไปล้อมโรงพัก นายกฯ กล่าวว่า ตนได้ยืนยันไปแล้วว่าจะใช้วิธีอย่างนี้มากดดันไม่ได้ เพราะบ้านเมืองจะมีปัญหาเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย เมื่อถามว่าทางหอการค้ามีความเป็นห่วงเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง นายกฯ กล่าวว่า ตนอยากให้ทุกฝ่ายยอมรับในเรื่องการเดินไปข้างหน้า และได้พยายามบอกไปแล้วว่าเรื่องของการแก้ปัญหาอยู่ที่การมาช่วยกันทำให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ สุดท้ายก็ต้องกลับไปที่ประชาชนอยู่แล้ว คือ การเลือกตั้ง ซึ่งจะเกิดขึ้นเร็วหรือช้าก็ควรทำบรรยากาศ สภาวะแวดล้อมให้เหมาะสม ซึ่งตนก็ได้เสนอไปแล้ว
 
“วันนี้ยังแปลกในว่าเขาบอกว่าถ้าแก้รัฐธรรมนูญ จะเหมือนเป็นการยืดเวลา ความจริงถ้าฝ่ายค้านเดินมาตกลงกัน ป่านนี้ก็เดินไปได้แล้ว ถ้าไม่เดินก็จะมีปัญหาอีก เพราะว่าไปเลือกตั้งก็ยังมีการไปบอกว่าไม่ยอมรับกติกา” นายกฯ กล่าว
 
เมื่อถามว่าเหมือนกับเป็นการส่งสัญญาณอีกครั้งว่าหากไม่มีความปั่นป่วนในบ้านเมืองก็พร้อมที่จะยุบสภา นายกฯ กล่าวว่า ตนพร้อม ถ้าไม่มีความวุ่นวายแล้วมาแก้ไขรัฐธรรมนูญกัน ขณะนี้ตนค่อนข้างมั่นในว่าปี 2553 เศรษฐกิจน่าจะแข็งแรงแล้ว คำถามคือว่าทำไมไม่มาทำอย่างนี้ ถ้าหากว่ายังไม่มาทำอย่างนี้ ก็คงตีความได้อย่างเดียวว่าเป็นยเรื่องของการที่ที่จะต้องการอย่างอื่นมากกว่า ไม่ใช่เรื่องประชาธิปไตย แต่เป็นเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวของบางคน ซึ่งถ้าเราไปยอม เราก็ไปเปิดประตูให้เกิดปัญหามากมายในอนาคต
 
ต่อข้อถามว่าขณะนี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญดูเหมือนว่าจะยุติด้วยการแก้ไขไม่ได้ เพราะฝ่ายค้านก็ยืนยันว่าไม่ร่วมมือด้วย นายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องทำให้เขาเปลี่ยนใจ ตนคิดว่าประชาชนก็น่าจะทำให้เขาเปลี่ยนใจ และเวลานี้ 6 ประเด็นในการแก้รัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ประเด็นของรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน แต่เป็นประเด็นที่กรรมการทุกฝ่ายตกลงกัน และเราก็ควรทำประชามติ เพราะปีที่แล้วที่เกิดวิกฤติทางการเมือง เพราะมีประชาชนจำนวนมากไม่ยอมรับเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เขาตีความว่าแก้ไปแล้วเป็นประโยชน์เฉพาะนักการเมือง เป็นประโยชน์เฉพาะกลุ่ม ตนก็บอกว่าทำไมในเมื่อเราอยากได้ประชาธิปไตยก็ใช้ประชามติเป็นตัวนำในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
 
เมื่อถามว่าฝ่ายค้านมองว่ารัฐบาลยื้อเวลาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงกลัวจะถูกหลอก นายกฯ กล่าวว่า “ผมไม่มีประวัติหลอกใครครับ” เมื่อถามย้ำว่าการให้ประชาชนมีส่วนร่วมจะใช้แนวทางใด นายกฯ กล่าวว่า คิดว่าขณะนี้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆว่าประชาชนต้องการเห็นการแก้ไขปัญหาต่างๆ และถ้าดูจากการแสดงความคิดเห็นผ่านการสำรวจความรู้สึกที่เราสัมผัสได้ ก็รู้ว่าเขาไม่ต้องการให้สังคมขัดแย้งกันไปเรื่อยๆ คิดว่าตรงนี้ต้องช่วยกันส่งสัญญาณ ซึ่งตนก็คิดว่าไม่ได้ยากอะไรที่ในชุมชนแต่ละแห่งจะช่วยกันพูดว่าจริงๆแล้วทุกฝ่ายมีโอกาสได้รับความเป็นธรรมอยู่แล้ว แต่ช่วยกันประคับประคองบ้านเมืองให้ผ่านจุดนี้ไป ทุกอย่างก็จะเดินไปได้
 
ผู้สื่อข่าวถามว่าฝากความหวังไว้กับการแก้รัฐธรรมนูญมากเกินไปหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ได้บอกว่าเป็นเรื่องของฝากความหวัง แต่เมื่อข้อเรียกร้องเป็นจุดที่พูดกันมานาน และหาข้อยุติไม่ได้ และมีความกังวลว่าถ้ายังไม่แก้รัฐธรรมนูญแล้วไปเลือกตั้ง ก็จะกลับมามีปัญหาเหมือนกับที่เจออยู่ในขณะนี้ ดังนั้นก็ควรสะสางปัญหาทั้งหมดให้เรียบร้อย และหากพรรคเพื่อไทยไม่มาร่วมด้วย การเดินต่อก็ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์เท่าไหร่ ยกเว้นแต่ว่าจะมีวิธีที่ทำให้ประชาชนมองว่าเป็นทางออก เมื่อถามว่าจะให้เวลาฝ่ายค้านยอีกนานแค่ไหนจึงจะยุติเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายกฯ กล่าวว่า วิปรัฐบาลและคณะทำงานที่ดูแลเรื่องนี้ ก็คงต้องทำหน้าที่ต่อ ทั้งนี้เห็นว่านักการเมืองก็ต้องคุยกัน ส่วนประชาชนที่สนับสนุนพรรคการเมืองต่างๆ ถ้าอยากให้มีกติกาที่ทุกฝ่ายตกลงกันได้ ก็น่าจะเชิญทุกพรรคมาร่วมกัน
 
“ปณิธาน”เผยกอ.รมน.บอกประกบแดงทุกฝีก้าว
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการพิจารณายกเลิกประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงในกทม.ว่า ในการประชุมครม.วันที่ 1 ธ.ค.คงจะพูดคุยกัน โดยจะต้องให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจัก (กอ.รมน.)ประเมินสถานการณ์หลังจากวันที่ 5 ธ.ค.ส่งมาให้ครม.ประกอบการพิจารณา เมื่อถามว่าเป็นไปได้ว่าแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะตลบหลังรัฐบาลโดยกลับมาชุมนุมใหญ่หลังจากรัฐบาลยกเลิกพ.ร.บ.ความมั่นคง นายปณิธาน กล่าวว่า ขณะนี้ทางกอ.รมน.ก็มีการประเมินและเฝ้าระวังอยู่
 
ส่วนกรณีที่วิเคราะห์ว่าสาเหตุที่ นปช.เลื่อนการชุมนุมใหญ่เพราะแกนนำแตกคอกันทำให้ไม่น่าจะมีการนัดชุมนุมในช่วงเวลานี้ นายปณิธาน กล่าวว่า ก็ต้องดูแนวโน้มว่าเขาสามารถพูดคุยตกลงกันได้มากน้อยขนาดไหน เพราะคนจำนวนมากก็ย่อมมีความเห็นแตกต่างกัน ซึ่งก็ทำให้เสียเอกภาพและแนวร่วมไปเยอะ ในการชุมนุมก่อนวันที่ 5 ธ.ค. ขณะนี้เรากำลังจับตาว่าเขาจะพูดคุยกันได้หรือไม่ และตกลงอะไรกัน ซึ่งวัตถุประสงค์ของนปช.ก็คือจะชุมนมกันต่อ แต่แนวโน้มขณะนี้ไม่ค่อยดี เลยมีความพยายามดึงผู้ใหญ่ของแต่ละฝ่ายมาช่วยประสาน หากแกนนำนปช.ตกลงกันได้เมื่อไรก็คงประกาศชุมนุมใหญ่อีกครั้ง
 
เมื่อถามว่าเท่าที่ประเมินคิดว่าจะสามารถกลับมาชุมนุมได้ก่อนหรือหลังช่วงปีใหม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ต้องดูว่าเขาจะพบกันยังไง เพราะยังไม่ชัดเจนว่านปช.จะชุมนุมอีกครั้งเมื่อไร ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าอาจจะมีการปรับเปลี่ยนยุทธวิธี เพราะนปช.ประกาศชุมนุมใหญ่มาหลายครั้งแล้วแต่กลับมาไม่สามารถเดินได้ ทำให้เสียมวลชนไปจำนวนมาก ขณะนี้รัฐบาลก็กำลังดูอยู่ว่าจะปรับเปลี่ยนรูปแบบไปอย่างไร เพราะต้องยอมรับว่านปช.มีความยืดหยุ่นสูงพอสมควร
 
เมื่อถามว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนัดชุมนุมวันที่ 5 ธ.ค.นี้ นายปณิธาน กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันว่าทุกกลุ่มที่ต้องการแสดงออกทางการเมืองสามารถชุมนุมได้แต่ต้องทำตามกฎหมาย ซึ่งจริงๆแล้วมวลชนส่วนใหญ่ของนปช.เองก็ไม่มีปัญหาอะไร ต้องยอมรับว่ามวลชนที่มาชุมนุมขณะนี้มีความตื่นตัวมาก จึงต้องหาทางจัดระบบ และอำนวยความสะดวกให้ อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีกลุ่มหัวรุนแรงที่จะฉวยโอกาสทำให้เกิดสถานการณ์บางอย่าง ดังนั้นจึงต้องระมัดระวัง เมื่อถามว่าแสดงว่าในกลุ่มพันธมิตรฯก็มีพวกฉวยโอกาส นายปณิธานกล่าวตอบอย่างตะกุกตะกักว่า “อันนี้..ไม่ ไม่ แนวโน้มกลุ่มอื่นๆ เท่าที่ผ่านมาตามข้อเท็จจริง ไม่น่ากังวลมากนัก หากมีแนวโน้มจะก่อความรุนแรงรัฐบาลก็จะประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง โดยไม่เลือกว่ากลุ่มไหน ถ้ากลุ่มเหล่านั้นเตรียมจะมาก่อกวน มีการติดอาวุธ ก็ต้องมีการจับกุม ดำเนินคดี ประกาศพื้นที่ควบคุม”
 
โยนถามความไม่คืบหน้าคดียึดสนามบินกับ“ธานี”
นายปณิธาน กล่าวถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านทวงถามความคืบหน้าคดีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยึดสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งผ่านมาเป็นเวลา 1 ปีกว่าแต่แล้วยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ว่า รัฐบาลก็คงต้องมีคำตอบให้กับทุกฝ่ายเรื่องของการดำเนินการทางกฎหมาย ซึ่งเรานี้จริงๆก็เป็นไปตามขั้นตอน อย่างไรก็ตาม ฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องไปดูว่าคดีนี้ชักช้าเกินไปหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองเลขาธิการนายกฯฝ่ายการเมือง ได้รับมอบหมายจากนายกฯให้ไปดูคดีสำคัญต่างๆ โดยเฉพาะคดีความมั่นคง ซึ่งรวมถึงคดีความของม็อบเสื้อเหลืองและเสื้อแดงด้วย จึงคิดว่า พล.ต.อ.ธานีจะเข้าไปดูว่าคดีนี้มีอะไรติดขัดหรือไม่ หากต้องการทราบความคืบหน้าต้องไปสอบถาม พล.ต.อ.ธานี
 
ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่พล.ต.อ.ธานีใกล้ชิดกับผู้ต้องสงสัยในคดีนี้บ้างคนจะมั่นใจได้อย่างไรว่า พล.ต.อ.ธานีมีความเป็นกลาง นายปณิธาน กล่าวว่า พล.ต.อ.ธานีก็คงต้องทำตามขั้นตอน และทำงานให้กับทุกฝ่าย
 
 
 
 
เรียบเรียงจาก http://www.komchadluek.net

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท