Skip to main content
sharethis

วานนี้ (30 พ.ย.) นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ ภายหลังเป็นประธานเปิดตัวเวบไซต์ thaiafrica.net ที่วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ ถึงกรณีการช่วยเหลือนายศิวรักษ์ ชุติพงศ์ วิศวกรไทยที่ถูกควบคุมตัวในกัมพูชาว่า ทุกอย่างได้ทำไปตามกระบวนการเพราะมีทนายความแล้ว และทางด้านนายศิวรักษ์ก็ให้ปากคำกับทางทนายความชาวกัมพูชาที่ได้แต่งตั้งขึ้น นอกเหนือจากที่ได้ให้ปากคำกับทางการของกัมพูชา ซึ่งก็เป็นไปตามกระบวนการของศาลกัมพูชา ขณะเดียวกันก็มีทนายความจากสภาทนายความไทย เป็นผู้ช่วยเหลือทนายความชาวกัมพูชาดังกล่าว

ต่อคำถามถึงข้อห่วงใย นายกษิต กล่าวว่า ไม่มีการเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ ซึ่งนายศิวรักษ์ ก็พูดหลายครั้งว่า เขาบริสุทธิ์ ไม่ได้ทำอะไรที่ผิดครรลอง

ส่วนกรณีเศรษฐกิจในนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ นายกษิต กล่าวว่า นายกรณ์ จาติกวนิชย์ รมว.คลัง ได้ให้สัมภาษณ์แล้วหลายครั้ง ประเด็นก็คือว่าเราไม่ได้ไปลงทุนอะไรมากมาย เหมือนกับกรณีที่ไม่ได้ไปเสียเงินมากมายกรณีที่นครนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปีที่แล้ว เพราะธนาคารไทยมีวินัยดี และการกำกับรายการควบคุมโดยธนาคารแห่งชาติ จากประสบการณ์เมื่อปีฟองสบู่แตก ก็ดีขึ้นเป็นลำดับ และยังไม่มีการร้องขอจากภาคธุรกิจให้กระทรวงการต่างประเทศช่วยเหลือ

ด้วยความคืบหน้าการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายกษิต กล่าวว่า ก็เป็นหน้าที่ซึ่งทำอยู่ตลอดเวลา ทั้งโดยตัวเราเองกับมิตรประเทศทั้งหลาย นอกจากนั้นยังใช้ช่องทางผ่านทางตำรวจสากล และนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งได้รับมอบหมาย ก็ได้ให้ข่าวความคืบหน้าแก่สื่อมวลชนและสาธารณชนเป็นระยะๆ

ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่สามารถจับตัวเขาได้ นายกษิต กล่าวว่า ไม่เป็นไร พ.ต.ท.ทักษิณก็เป็นมนุษย์ล่องหน ไม่ได้เป็นประเด็น แต่อย่าลืมว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นอดีตนายกฯ เป็นนักเรียนทุน เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ เป็นนายตำรวจ รู้ประเด็นกฎหมายและได้ทำผิดเองและได้ต่อสู้ทางศาลก็แพ้คดีและหนีคดี
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันกลับกัมพูชาอีกครั้ง นายกษิตแสดงความเห็นว่า เป็นเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ และสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งก็ทราบความรู้สึกรัฐบาลไทยและประชาชนชาวไทยดี

ในส่วนกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้น นายกษิต กล่าวว่า ได้กระทบไปแล้ว ส่วน หากพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาครั้งที่ 2 นายกษิต กล่าวว่า อันนี้ก็ต้องว่าไปตามครรลองเพราะได้มีการยืนกรานกับกัมพูชาหลายครั้งแล้วว่า การแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษานั้น เป็นสิ่งที่สังคมไทยรับไม่ได้
 
ต่อคำถามที่ว่าจะมีโอกาสหารือกับสมเด็จฮุนเซนหรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า ก็ได้มีการติดต่อกันผ่านทางช่องทางทางการทูต และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็ได้พูดจากับสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ตนเองก็พบกับ รมว.ต่างประเทศกัมพูชา ตามที่ประชุมต่างๆ เหล่านี้

เมื่อถามว่าฝ่ายกัมพูชาให้เหตุผลอย่างไร นายกษิต กล่าวว่า เขาก็ให้เหตุผลอย่างที่ทราบกันว่า สมเด็จฮุน เซน บอกว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนเราก็บอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวไม่ได้ เพราะเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวสำหรับสังคมไทย ส่วนขั้นตอนต่อไปที่กระทรวงการต่างประเทศต้องดำเนินการนั้นไม่มีอะไร รอทางฝ่ายกัมพูชาอยู่เพราะประเด็นเริ่มที่กัมพูชา ก็ต้องจบที่กัมพูชา
 
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ชื่อใหม่ นายกษิต กล่าวว่า จะเปลี่ยนอะไรก็ไม่เป็นไร เพราะก็ยังเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ ไปห่วงอะไร

สำหรับกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี นายกษิตกล่าวว่าไม่ทราบ พร้อมระบุให้ไปสอบถามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหัวหน้ารัฐบาล อย่างไรก็ตามยังยืนยันว่า รัฐบาลมีเสถียรภาพในการทำงาน และเตรียมดำเนินนโยบายรอบใหม่ ในปีหน้าที่จะเป็นประโยชน์กับประชาชน อีกทั้งยังมีการปรับโครงสร้างพื้นฐานพัฒนาการจ้างงาน ถ้าเกิดโครงการได้ ก็จะจ้างงานได้ล้านกว่าคน
 
ส่วนปัญหาเรื่องเขตแดน นายกษิต กล่าวว่า ไม่มีปัญหาเพราะมีเอ็มโอยูอยู่ มีการเจรจาอยู่ในระดับเจ้าหน้าที่และในบันทึกการประชุม 3 ฉบับ ก็ได้เสนอต่อสภาและได้มีการเลื่อนพิจารณาไปจนกระทั่งสภาเปิดใหม่ในอีก 2 เดือน

นายกษิต กล่าวชี้แจงด้วยว่า กรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์โดยอดีตนักการเมือง นักการเมือง หรือแวดวงวิชาการ ว่าทางกระทรวงการต่างประเทศไม่ได้ดำเนินความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านนั้น อย่าลืมว่า 10 เดือนที่ผ่านมา เราได้พบมิตรประเทศและประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศเป็น สิบๆ ครั้ง ได้มีการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมก็หลายครั้ง และไม่ใช่เพียงเรื่องทวิภาคี แต่ในกรอบอาเซียนก็เป็นสิบๆ ครั้ง และความร่วมมือช่วยเหลือที่ให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านก็เป็นไปอย่างเต็มที่ ทั้งในเรื่องของมนุษยธรรม ทุนการศึกษาแม้กระทั่งกฐินพระราชทานก็ไปทอดในประเทศเพื่อนบ้าน เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่ควรจะเป็นผู้รู้อยู่ในแวดวงวิชาการ หรือนักการเมืองต่างๆ แล้วบอกว่าไม่มีความสัมพันธ์เลย นี่เป็นการให้ข้อมูลที่ผิดพลาดและไม่ถูกต้องเป็นอย่างยิ่งเป็นการบิดเบือนสภาพความเป็นจริง

“อันนี้ไม่จริงครับ และเราได้ให้สัมภาษณ์ตลอดเวลาว่ากระทรวงการต่างประเทศ ได้ทำอะไรกับประเทศเพื่อนบ้านบ้าง ซึ่งการสร้างข้อมูลที่เหลวไหลอันนี้ไม่ถูกต้อง” นายกษิต กล่าว
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net