Skip to main content
sharethis

(3 ธ.ค.) นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีนางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดานายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรผู้ถูกกัมพูชาควบคุมตัว ระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศเตรียมเงินประกันตัวนายศิวรักษ์ไว้ 50,000-200,000 บาท โดยนายกษิต กล่าวยอมรับว่า ตามนโยบายของรัฐบาลมีนโยบายชัดเจนเรื่องการให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ตกทุกข์ได้ยากในต่างแดนผ่านกองทุนของกรมการกงสุล และของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งที่ผ่านมาทางกระทรวงก็ช่วยดูแลค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปเยี่ยมบุตรชายของนางสิมารักษ์ รวมถึงค่าอาหาร และค่ายาของนายศิวรักษ์ หากวันพรุ่งนี้ศาลกัมพูชาอนุญาตให้ประกันตัวก็พร้อมยื่นหลักทรัพย์ค้ำประกันให้ทันที

“ตั้งแต่มีกรณีของคุณศิวรักษ์มาเนี่ย เราก็ได้ดำเนินการว่าจ้างทนายด้วยเงินจำนวนหนึ่งแล้วก็ในขณะเดียวกันก็ได้รับความร่วมมือช่วยเหลือจากสภาทนายความแห่งประเทศไทยและได้ไปเยือนกรุงพนมเปญ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราก็ออกค่าใช้จ่ายให้ด้วย รวมถึงการดูแลต่างๆ ที่อาจจะมีค่าใช้จ่าย ค่าอาหาร ค่ายา อะไรพวกนี้ อะไรที่เราสามารถจะทำให้กับคนไทยที่ตกทุกข์ได้ยากเราก็ทำมาตลอดเวลานะครับ อันนี้ก็เป็นเรื่องที่เราจะดำเนินการให้”นายกษิตกล่าว

เมื่อถามถึงกรณีนางสิมารักษ์ จะขอเปลี่ยนตัวทนายความชาวกัมพูชาจากนายเกา โสภา ที่สถานทูตไทย ณ กรุงพนมเปญแนะนำ ไปเป็นทนายความคนใหม่ที่เพื่อนบุตรชายแนะนำนั้น รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า อันนี้ก็แล้วแต่เพราะหากทางครอบครัว หรือว่าตัวเจ้าทุกข์เองมีความสบายใจอย่างไร ก็ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด ส่วนการให้ความช่วยเหลือนั้นเพราะเรามีสถานทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ใกล้กับตัวคุณศิวรักษ์มากที่สุดและอะไรที่ฝ่ายรัฐจะทำได้ก็ต้องดำเนินการ เพราะเป็นภาระหน้าที่

“หลังจากที่คุณแม่ของคุณศิวรักษ์ได้พบกับลูกชาย ได้พบกับทนายความที่เราได้จัดหาแล้ว หากจะเปลี่ยนก็เป็นเรื่องของความพึงพอใจไม่ได้มีประเด็นปัญหาอะไรครับ แต่ทางฝ่ายกระทรวงการต่างประเทศหรือรัฐบาล ก็พร้อมจะให้ความร่วมมือช่วยเหลือต่อไปเท่าที่ประสงค์” นายกษิตกล่าว

ส่วนกรณีที่สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ระบุว่าถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องส่งนักศึกษาชาวกัมพูชาเข้ามาเรียนในไทย นายกษิตกล่าวว่า เป็นเรื่องของท่านสมเด็จฮุน เซน เราไม่ได้มีประเด็นปัญหาอะไร แต่นโยบายของรัฐบาลไทยโดยตลอดมาและตลอดไปก็คืออะไรที่ผ่านทางรัฐบาลหรือภาคประชาชนของคนไทยนั้นจะนำมาซึ่งความสุข ความเจริญก้าวหน้าให้กับประชาชนชาวกัมพูชาได้ เราก็จะทำให้อย่างเต็มที่ เพราะนี่เป็นความร่วมมือ ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นแนวนโยบายอันแน่วแน่นะครับ แล้วก็ได้มีการให้ความร่วมมือทางด้านการศึกษา ทางด้านการแพทย์ ทางด้านการฝึกอบรมบุคลากร ด้านการให้ความช่วยเหลือ แม้กระทั่งในเรื่องโครงสร้างการพัฒนาพื้นฐาน

“อะไรที่จะอำนวยให้ชาวกัมพูชามีความสุขเราจะทำ นอกจากนั้น อะไรที่อำนวยให้คนไทย คนกัมพูชาติดต่อทำมาค้าขายไปท่องเที่ยวร่วมมือทางวัฒนธรรม หรือว่าจะช่วยพัฒนาบุคลากรของกัมพูชาเราจะทำอย่างเต็มที่ครับ เราทำเพื่อคนกัมพูชา ส่วนใครจะว่าอย่างไรหรือไม่มาอะไรอย่างไรก็ตาม อันนี้เป็นเรื่องของบุคคลเหล่านั้น แต่ว่านโยบายของรัฐบาลไทยนั้นแน่วแน่ว่ายังอยากจะเห็นความกินดีอยู่ดี และในขณะเดียวกันในกรอบของอาเซียนเราอยากจะลดช่องว่าง ระหว่างประเทศที่ก้าวหน้าแล้วของอาเซียน กับประเทศสมาชิกใหม่ที่ยังไม่ก้าวหน้า อันนี้เป็นนโยบายอันแน่วแน่ของสมาคมอาเซียนหรือของประชาคมอาเซียน เพราะฉะนั้นก็เป็นภาระหน้าที่ของรัฐบาลไทยที่จะให้ความช่วยเหลือต่อกัมพูชาในฐานะมิตรประเทศ และอยากเห็นความเจริญก้าวหน้า ลดช่องว่างระหว่างกันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้”

ถามถึงกรณีหากมีการให้หรือไม่ให้ประกันตัวนายศิวรักษ์ นายกษิต กล่าวว่า เป็นเรื่องตามครรลองกระบวนการยุติธรรมกัมพูชา ซึ่งเราให้ความเคารพ

ส่วนเรื่องการปรับ ครม.ที่พรรคชาติไทยพัฒนาเรียกร้องให้นายกษิตลาออกจากตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศนั้น นายกษิต ตอบเพียงสั้นๆ ว่า “ผมทำงานตลอด 24 ช.ม. ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรทั้งสิ้นครับ”
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net