'ใบตองแห้ง' ออนไลน์: อุดมการณ์สื่อ Saga: Responsibility

 
ตกลงสื่อได้ “ทำความเข้าใจในหน้าที่ของตนให้กระจ่าง แล้วทำตั้งจิต ตั้งใจ ให้เที่ยงตรงหนักแน่น ที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เพื่อให้สำเร็จประโยชน์ส่วนรวมอันไพบูลย์” ตามพระราชดำรัสหรือยัง
 
หรือยังเห็นว่าหน้าที่สื่อคือการปลุกความเกลียดชัง ชี้นำสุคติอคติตามทัศนะตน
 
ถ้าทุกฝ่ายเข้าใจหน้าที่และทำหน้าที่ตามพระราชดำรัส ไม่ว่าสื่อ ทหาร ศาล รัฐบาล ฝ่ายค้าน องคมนตรี บ้านเมืองก็จะเป็นปกติสุข พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็จะทรงมีความสุข
 
แต่ไม่ใช่ทำเกินหน้าที่ ใช้อำนาจหน้าที่ไม่เป็นธรรม ละเมิดสิทธิประชาธิปไตย แล้วแอบอ้างพระราชดำรัส มาบีบฝ่ายที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมว่าให้ยอมๆ เสียเพื่อความเป็นปกติสุข
 
มีหลายครั้งที่ผมได้ฟังพระราชดำรัสแล้วก็รู้สึกว่าในหลวงทรงสอนคติธรรมเตือนสติประชาชน เป็นหลักการทั่วไป แต่พอมาอ่านหัวข่าววันรุ่งขึ้น อ่านคนนั้นคนนี้ให้สัมภาษณ์ ก็รู้สึกว่า เอ๊ะ ไหงตีความกันไปไกล แล้วก็ “บังอาจ” ตีความเข้าข้างผลประโยชน์ของตนเอง เช่น ผู้มีอำนาจบอกให้ผู้คัดค้านตนเลิกคัดค้านเสีย (ทักษิณก็เคยทำ)
 
เดิมจัดงานเฉลิมพระเกียรติถึงวันที่ 7 พอเสื้อแดงประกาศจะม็อบวันที่ 10 ก็ขยายจัดงานถึงวันที่ 13 นี่ถ้าเสื้อแดงเลื่อนม็อบไปวันที่ 20 มิขยายงานถึงปีใหม่เลยเรอะ ตอนแรกประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงคร่อมวันมงคล ตอนนี้กลับใช้งานเฉลิมพระเกียรติเป็นเครื่องมือแทน พ.ร.บ.ความมั่นคง
 
เอาเหอะ เดี๋ยวจะเจอบูมเมอแรง กลับมาว่าเรื่องสื่อต่อดีกว่า
 
ที่ผมวิพากษ์สื่อ ไม่ได้แปลว่ายกตนเป็นศาสดาลอริเอะ เพราะผมก็ยกตัวอย่างความ “แกว่ง” ของตัวเองด้วย การเล่นข่าวปิงปอง ฉาบฉวย จนบางครั้งเหมือนไม่รับผิดชอบ ผมก็เคยเป็น เพราะคิดแค่ว่าเรามีอุดมการณ์ เราไม่มีผลประโยชน์ แต่ลืมคิดไปว่าความรับผิดชอบต้องการอะไรสูงกว่านั้น (เหมือนที่ Spider Man สอนไว้ พลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบ)
 
ต้องย้ำอีกครั้งว่า กระแสสื่อที่เอียงกะเท่เร่ทุกวันนี้ ไม่ได้มาจากคอลัมนิสต์ จำพวก 18 อรหันต์ แต่มาจากนักข่าว หัวหน้าข่าว คอลัมนิสต์ ที่เชื่อว่าตนมีอุดมการณ์ ต้องการกำจัดความชั่วร้ายให้หมดไป
 
ท่วงทำนองการเขียนจึงคุคั่ง ร้อนแรง ด้วยความเกลียดชังทุกบรรทัด ทุกตัวอักษร และเขียนได้ทุกวี่วัน ย้ำคิดย้ำทำมาสี่ปี ก็ยังทรงพลังดังสิงหเดชะ (ฮา)
 
สิ่งที่ผมเศร้าใจคือ ความเกลียดชังทำให้สื่อพร้อมจะบดขยี้ทำลาย ไม่เฉพาะทักษิณ (ชั่งหัวมันเถอะ) แต่รวมถึงใครก็ตามที่ยืนอยู่ข้างทักษิณ ใครก็ตามที่เห็นด้วยกับทักษิณแม้แค่บางเรื่องบางอย่าง ใครก็ตามที่เห็นต่างกับพันธมิตร (และพวกกู) กระทั่งใครก็ตามที่ใช้เป็นเครื่องมือได้ อย่างไม่ให้ความเป็นธรรมเลยสักนิด
 
ยกตัวอย่างนักการเมือง ก่อนหน้านี้ผมก็เห็นสื่อส่วนใหญ่ชอบจาตุรนต์ หรือไม่ถึงกับชอบก็ไม่เกลียด ยังมองเห็นเป็นนักการเมืองน้ำดี ภาพดี โดยเฉพาะตอนที่จาตุรนต์กล้าสวนทักษิณเรื่องปัญหาภาคใต้ เชียร์กันยกใหญ่ แต่พอจาตุรนต์มาเป็นรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย มาต่อต้านรัฐประหาร คัดค้านรัฐธรรมนูญเผด็จการคาบไปป์ ฯลฯ โห จาตุรนต์กลายเป็นเอี้ยตัวนึงไปเลย (ขณะที่เนวินพลิกเป็นเทพ)
 
ที่รับไม่ได้อย่างยิ่ง คือการร่วมมือกับรัฐบาลและตำรวจ ให้ร้ายประชาชนคนธรรมดา ที่ไม่ใช่นักการเมืองหรือผู้มีอำนาจที่ไหน ในกรณีจับพนักงานเอสซีแอสเสท ข้อหาเผยแพร่เทปลับ และในกรณีจับชาวเว็บประชาไท ฟ้าเดียวกัน ข้อหาเผยแพร่ข่าวไม่เป็นมงคลปั่นหุ้น
 
ทั้งสองเรื่องถูกตีข่าวใหญ่โตเหมือนจับอาชญากรตัวเอ้ได้ พร้อมกับโปรยข่าวหรือข้อเขียนซ้ำเติม พิพากษาเสร็จสรรพ บางฉบับยังลงสกู๊ปเจาะเบื้องหลังการสืบสวนสอบสวน ยกตำรวจเป็นฮีโร่ ถามว่านักข่าว หัวหน้าข่าว มึงอยู่หลังเขาหรือไง ถึงคล้อยตามรัฐบาลเป็นนกแก้วนกขุนทองว่าประชาไทกับฟ้าเดียวกันเป็นบอร์ดปั่นหุ้น พิสูจน์ได้ว่าเขาแปลข่าวมาจากสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ก็ไม่สนใจ ไม่ให้ความเป็นธรรมเลย
 
เหมือนกัน กรณีพนักงานเอสซีแอสเสท ช่วงเวลาชัดเจนว่าเขาส่งเมล์หลังจากมีคนอื่นเผยแพร่เทปทั่วไปแล้ว แต่สื่อไม่สนใจ โทษฐานที่มันสองคนทำงานให้บริษัททักษิณ?
 
กรณีทำนองนี้เคยเกิดกับพนักงานไอทีวี ที่ถูกเพื่อนร่วมอาชีพ - เพื่อนกันแท้ๆ เลยนะ ป้ายสีจนกลายเป็นผู้ร้าย
 
เรื่องเลวร้ายที่สุดในความรู้สึกผม คือการให้ร้ายป้ายสี อ.ใจ ถูกละ สื่อไม่ใช่คนแจ้งจับหรือดำเนินคดี อ.ใจ แต่ถ้าดูพาดหัวข่าว โปรยข่าว ข้อเขียน คอลัมน์ ก็ร่วมมือกันปรักปรำพิพากษา อ.ใจไปเรียบร้อยแล้ว โทษฐานไปร่วมม็อบเสื้อแดง “แดงสยาม” เป็นพวกทักษิณ เป็นพวกที่จะร่วมมือกันทำลายสถาบัน
 
ประทานโทษ พวกมึงเป็นใครมาจากไหนไม่ทราบ ทำอะไรให้สังคมมาแค่ไหน ที่บังอาจมาให้ร้ายลูกอาจารย์ป๋วย
 
ความไม่รับผิดชอบของสื่อมีที่มาที่ไป และที่จริงก็มีมาก่อนหน้านี้ สะท้อนออกในการทำข่าวอย่างฉาบฉวย ไม่ทำการบ้าน ไม่ค้นหาความจริง ไม่เจาะลึก
 
ทำไมต้องเจาะลึก ในเมื่อสูตรการทำข่าวอย่างง่ายๆ ก็คือนักการเมืองเลว เราแค่จับข่าว “ดรามา” มากระตุ้นอารมณ์สังคม ตอกย้ำให้เห็นว่ามันเลว
 
นักข่าวการเมืองเลยทำแต่ข่าวปิงปอง ด่ากันไปด่ากันมาแล้วเราก็ด่ามัน ขนาดตัวเองไปเป็นนักการเมือง ยังไม่ลืมเล่นข่าวปิงปอง ด่ากราดข้ามพรรค
 
เรามีอุดมการณ์ นักการเมืองเลว ฉะนั้นไม่ต้องทำการบ้านมาก เอาแค่ปรากฏการณ์ก็พอ เช่น สถานีข่าวบางช่องชอบนัก เอาข่าวที่เกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ มาเปรียบเทียบให้คนออกความเห็น เอ้า สมมติอภิสิทธิ์พูดอย่าง เทือกพูดอย่าง ถามคนชั้นกลางซิว่าคุณเชื่อใคร
 
ไม่รู้จะถามหาพระแสงของ้าวอันใด โพลล์มันต้องออกมาว่าเชื่อรูปหล่อมากกว่าผมหยิก หน้ากร้อ คอสั้น อยู่แล้ว (นี่ขนาดพรรคเดียวกันนะ)
 
สื่อมักจะเชื่อว่า ทุจริตคอรัปชั่นไม่มีใบเสร็จ ฉะนั้นเราได้จิกซอว์มาชิ้นหนึ่ง ที่เหลือก็ต้องจินตนาการเอา แล้วใช้เทคนิควิชาชีพ เหมือน ปชป.ถนัดใช้ฝีปากมีดโกน โน้มน้าวให้สังคมเชื่อ บางครั้งมันก็ถูกครับ แต่บางครั้งก็เหมือนเห็นกระดาษครึ่งใบแล้วจินตนาการสัญชาติเตี่ยบรรหาร
 
หลายเรื่องสื่อจับทักษิณถูก เช่นหุ้นคนใช้คนขับรถ นั่นชัดเจน เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ แต่บางเรื่องกลายเป็นจินตนาการที่ไม่ยอมพิสูจน์ เช่น หลานสุริยะได้หุ้น ปตท. รายเดียว สื่อก็จับแกะเลี้ยงแพะไปเรื่อยว่าทักษิณและนักการเมืองถือหุ้น ปตท.มากมายมหาศาล (กระทั่งวันนี้ยังมีคนเขียนบทความบ้าๆ ว่าศาลสั่งระงับการลงทุนมาบตาพุด ทักษิณเสียหายมากที่สุด)
 
โห รัฐบาลสุรยุทธ์อยู่ปีกว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์อยู่มาอีกปี ไม่มีใครตามเจอหุ้นทักษิณใน ปตท. ก็ยังงมงายเชื่อกันอยู่ได้ แล้วที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ปล่อยให้ ปตท.ขึ้นราคาน้ำมัน (และไม่ลดเมื่อตลาดโลกลด) นี่ทำเพื่อให้ทักษิณได้กำไรหรือไง
 
ปตท.เขาก็เปิดเผยว่าใครถือหุ้นบ้าง กระทรวงการคลังและกองทุนของรัฐปาเข้าไปร่วม 60% ที่เหลือก็เป็นกองทุนเอกชนและผู้ถือหุ้นรายย่อย ทักษิณจะใช้นอมินีแบบไหน อย่างเก่งก็ถือหุ้น ปตท.ได้ไม่เกิน 2-3%
 
ค้นไปค้นมา กลับพบว่า NGO และทั่น สว.ตะหากที่ถือหุ้น ปตท. กล้วยเอ๊ย! ทำไมใบตองแห้งไม่มีหุ้นกะเขามั่งหนอ
 
จะเอา กฟผ.เข้าตลาดหุ้น ก็มาอีกแล้ว ทักษิณจะเข้าไปฮุบสายเคเบิล จริงเปล่าไม่ทราบ แต่ผมถือว่าไม่ใช่สาระสำคัญ ผมคัดค้านการแปรรูป เพราะยืนยันว่าจะเอาเขื่อน เอาสายส่ง เอาท่อก๊าซ เอาสิทธิเวนคืนผูกขาดของรัฐ เข้าตลาดหุ้นไม่ได้ ส่วนโรงไฟฟ้าจะขายไม่เดือดร้อน อยู่ที่ทำอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
 
คือแทนที่เราจะพูดเรื่องเนื้อหา ว่าเห็นด้วยไม่เห็นด้วยอย่างไรกับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ หรือควรปฏิรูปรัฐวิสาหกิจอย่างไร ถ้าไม่เอาเข้าตลาดหุ้น ประเด็นมันเบลอหมด จนกลายเป็นไม่ขายไม่แปรไม่ปฏิรูป ไม่ยอมให้ปรับอะไรทั้งสิ้น คุณพ่อคุณแม่พนักงานชูธงปกป้องทรัพย์ของชาติ และผลประโยชน์ของกู
 
กระแสต้านแปรรูปยังเลอะเทอะกระทั่งหลังรัฐประหาร กสท. ทศท. อ้างว่าทักษิณแปรสัญญาโทรคมนาคมทำให้เสียหาย สื่อก็พาดหัวข่าวตามเชียร์ไปเรื่อย ทั้งที่ความจริงคือเงินจำนวนเดียวกัน ไม่ขาดซักบาทสลึง เอาไปเข้ากรมสรรพสามิต โดยไม่ต้องมาผ่าน กสท. ทศท. คิดเป็นรายได้คำนวณผลกำไรขึ้นเงินเดือนจ่ายโบนัส
 
พอยกเลิก พรก.แปรสัญญาฯ หม่อมอุ๋ยที่เป็น รมว.คลังตอนนั้นยังต้องกำชับว่า มึงได้อ้อยคืนเข้าปากแล้วอย่าส่งเงินเข้าคลังน้อยกว่าเดิมนะ
 
เรื่องแปรรูปรัฐวิสาหกิจ เป็นตัวอย่างว่าความขัดแย้งเรื่องทักษิณ มันไม่ใช่แค่เรื่องคอรัปชั่น ผลประโยชน์ทับซ้อน (ซึ่งไม่ปฏิเสธว่ามี) แต่สาระสำคัญยังมีความขัดแย้งเรื่องแนวคิดพัฒนาประเทศ ที่สุดขั้วไปคนละด้าน ระหว่างทักษิโณมิกส์ กับลัทธิประเวศ (และลัทธิเมธ เฟอรารี) ซึ่งทั้งสองขั้วก็มีส่วนที่ถูกและไม่ถูก (รวมถึงมีส่วนจอมปลอม) แต่เราไม่เคยถกกันจริงจัง โยนเป็นเรื่อง “โคตรโกง” แล้วก็ต่อต้านทุนโลกาภิวัตน์เสียหมด จนไม่รู้จะเอาอะไรกันแน่ และส่งผลเสียหายร้ายแรงต่อประเทศ
 
ผมมีข้อสังเกตว่า นักข่าวการเมืองรู้เรื่องเศรษฐกิจน้อยมาก ก่อนปี 40 นี่แทบไม่รู้เรื่องเศรษฐศาสตร์มหภาคเลย หลังปี 40 ก็มีแต่เจ็บแค้นเจ็บปวดกับทุนโลกาภิวัตน์ หลงไหลไปกับอุดมการณ์แบบ “NGO อนาธิปไตย” ขณะที่สังคมพัฒนาไปมาก ความขัดแย้งซับซ้อนหลากหลายกว่าเดิม ต้องการข้อมูล ความรู้รอบ ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง แต่สื่อก็ยังเล่นข่าวปิงปองอยู่
 
นี่อาจจะเป็นสาเหตุให้นักข่าวเศรษฐกิจส่วนใหญ่สุดขั้วสุดโต่งน้อยกว่า มองปัญหาหลากมิติกว่า วิพากษ์วิจารณ์เป็นกลางกว่า (เช่น รายการวิทยุที่ผมชอบฟังคือรายการของจิระ ห้องสำเริง ทั้งที่เขาก็เคยเป็นผู้นำกบฎไอทีวีต่อต้านชินคอร์ป หรือถ้าจะเอาแบบข้อมูลเข้มข้น ทำการบ้านมาดี ไม่มีฉาบฉวย ก็ต้อง “หมาแก่” ดนัย เอกมหาสวัสดิ์ หรือถ้าจะเอามันส์ ด่าพวกเลอะเทอะสะใจ ก็ต้องวีระ ธีรภัทร์)
 
ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจ ที่สื่อไม่มีความรู้รอบ แต่มีอีกหลายเรื่อง ตัวอย่างเช่นหลักกฎหมาย ซึ่งจำเป็นมากในยุคที่ตุลาการภิวัตน์มีบทบาทสูง หรือเรื่องกฎหมายที่ดิน ป่าไม้ สค.1 นส.3 สปก. ที่ฝ่ายการเมืองมักเอามาโจมตีกันว่า “รุกป่า” นักข่าวก็รู้น้อยมาก ได้แต่เฮโลกันไปฟังความข้างหนึ่ง แล้วถ่ายทอดงูๆ ปลาๆ
 
เป็นธรรมดาที่มีหลายเรื่องเราไม่รู้ ไม่รู้ก็ต้องแสวงหาความรู้ ฟังความหลายๆ ฝ่าย ให้ผู้อ่านชั่งน้ำหนัก ไม่รู้แล้วอย่าฟันธง เพราะเราเป็นสื่อ ไม่ใช่หมอเดา ที่เดาไปเรื่อย ผิดร้อยเรื่องถูกเรื่องเดียวดัง
 
และอย่าใช้จินตนาการมาสรุป ชี้นำ พิพากษา จากจิกซอว์เพียงชิ้นสองชิ้น กระบวนการยุติธรรมถือว่าจำเลยยังไม่มีความผิดจนกว่าศาลตัดสิน แต่กระบวนการของสื่อ เห็นกระดาษครึ่งใบ เห็นจิกซอว์ 2-3 ชิ้นก็พิพากษาเสร็จสรรพ โดยอ้าง “แหล่งข่าว” ระดับสูงระดับต่ำภาคพิสดารพันลึก
 
ในกรณีของทักษิณ หรือนักการเมือง ชั่งหัวมันเหอะ ผมไม่จำเป็นต้องเรียกร้องให้ให้ความเป็นธรรม เพราะพวกนี้มีมือมีตีนปกป้องตัวเองได้ แต่ในกรณีของปัจเจกชนคนธรรมดา สื่อจะต้องระมัดระวังใช้ความรับผิดชอบสูงสุด ก่อนจะปรักปรำใคร เพราะเขาปกป้องตัวเองไม่ได้
 
สี่ปีที่ผ่านมา การเหมาโหลว่าทักษิณทำอะไรผิดหมด ใครเข้าข้าง ใครเห็นด้วย ใครเกี่ยวข้องกับทักษิณ เลวหมด ชั่วหมด แล้วไปตามเล่นงานโดยไม่แยกแยะ มันทำให้คนจำนวนมากไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างที่สมควรจะได้รับ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ เป็นตำรวจ เป็นประชาชน เป็นคนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร กับพันธมิตร กับสื่อ ต่างถูกให้ร้ายปรักปรำไปหมด
 
ตัวอย่างล่าสุดคือวิศวกรไทย ที่พอได้จิกซอว์มา 2 ชิ้น ว่าแม่เขาเป็นเสื้อแดง พ่อเขาเคยสนิทกับทักษิณ ก็ถูกมองแง่ร้ายว่านี่เป็นเกมการเมือง ตั้งแง่สงสัยว่าสมคบกันแกล้งจับแกล้งติดคุกให้ทักษิณช่วยขอพระราชทานอภัยโทษหรือเปล่า (อ้าว แล้วเลขาสถานทูตที่โทรไปขอตารางการบินไม่สมคบคิดด้วยหรือ)
 
จริงเท็จผมไม่ทราบ แต่ตราบใดที่ยังพิพากษาไม่ได้ ตราบใดที่ยังมีความเป็นไปได้ว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ ตกเป็นเหยื่อในการเล่นเกมระหว่างสองขั้ว สื่อก็ไม่ควร “มักง่าย” กับเขาเหมือนนักการเมือง เพราะถ้าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ ต้องคิดถึงหัวอกเขาบ้างว่าประสบเคราะห์กรรมเลวร้ายเช่นนี้ แล้วพอกลับแผ่นดินเกิดกลับถูกตั้งแง่ตั้งข้อสงสัยปรักปรำ เขาจะรู้สึกอย่างไร
 
ถ้าสื่อยังคิดว่าตัวเองมีอุดมการณ์ ก็ต้องรู้ว่าตัวเองมีพลังอำนาจ และต้องมีความรับผิดชอบ รอบคอบ ระมัดระวัง อย่างน้อยต้องแยกแยะระหว่างการตัดสินบุคคลสาธารณะกับประชาชนคนบริสุทธิ์ ที่เขาไม่สามารถสู้รบปรบมือกับคุณได้
 
เพราะถ้าไม่มีความรับผิดชอบ เที่ยวละเมิดสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้อื่นตามอำเภอใจ ก็เป็น “สื่อชั่ว” ได้โดยไม่ต้องรับจ้างเขียนเหมือน 18 อรหันต์
 
.....................................

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท