เลขาฯ บัวแก้วยันไม่เคยสั่ง “คำรบ” ห้ามแจง เชื่อ “ศิวรักษ์” ไม่ฟ้อง

 

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า นายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอกประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ จะออกมาแถลงในวันนี้ (16 ธ.ค.) โดยนายชวนนท์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับตัวนายคำรบเองว่าจะตัดสินใจอย่างไร เพราะทุกเรื่องมีความชัดเจนในตัวเองอยู่แล้ว ไม่มีใครตั้งข้อสงสัยในตัวนายคำรบ เข้าใจว่าตอนนี้นายคำรบ คงอยากประสานพูดคุยกับนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ ในฐานะเพื่อน เพื่อทำความเข้าใจจะได้ไม่มีปัญหาลุกลามบานปลาย

“ส่วนการชี้แจงของนายคำรบคงต้องรออีกครั้งว่าจะมีความสบายใจหรือไม่อย่างไร เป็นเรื่องขึ้นอยู่กับนายคำรบเอง อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกคนเน้นเรื่องประเด็นสาระว่าอะไรเกิดขึ้น ส่วนตัวคนจะพูดหรือไม่พูด หรือมีการยกหูอะไรหรือไม่ กิจกรรมพฤติกรรมต่างๆ จะเป็นอย่างไร ประเด็นคือเราได้กระทำการที่ผิดต่อหลักกฎหมายหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ขอให้หยุด แต่ไม่หยุดก็ต้องพิสูจน์กันว่าเรื่องนี้ใครเป็นคนพยายามจัดฉาก นำความทุกข์ของประชาชนมาสร้างคะแนน หรือความนิยมให้กับตัวเอง ทั้งนี้กระทรวงไม่ได้ห้ามหรือสนับสนุนให้นายคำรบออกออกมาชี้แจงหรือไม่ออกมาชี้แจง เพราะเชื่อว่าการที่นายคำรบ ได้รายงานตามลำดับขั้นของการบังคับบัญชาก็ชัดเจนแล้ว ไม่มีอะไรต้องสงสัยในแง่เนื้อหาสาระ คำให้การของนายศิวรักษ์ก็ตรงกับของนายคำรบ ที่มีการสอบถามแค่ว่าเครื่องบินลงหรือยัง ไม่มีใครพูดเรื่องตารางการบิน แต่วันนี้ยังมีคนพูดอยู่ว่ามีการโจรกรรมการบิน ไม่เข้าใจว่าคนที่คิดไปเอาเนื้อหาสาระมาจากไหน เรายืนยันว่าเรามีตารางการบินมาตลอด เพราะฉะนั้นไม่มีเหตุผลที่ต้องไปถามใคร”

นายชวนนท์ กล่าวด้วยว่า ตารางการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางมายังประเทศกัมพูชาเมื่อวันที่ 9 พฤศจิการยน 2552 เราได้รับแจ้งจากสำนักกำกับกิจการขนส่งทางอากาศ กรมการขนส่งทางอากาศ กระทรวงคมนาคม ที่ได้รับมาจากบริษัทตัวแทนเครื่องบิน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2552 ดังนั้นจึงยืนยันได้ว่าตารางการบินไม่ใช่เรื่องความลับ แต่ที่ผ่านมาเราไม่อยากเปิดเผยเรื่องนี้ เพราะไม่มีความจำเป็น และไม่คิดว่าเมื่อมีการเมืองระหว่างประเทศในเรื่องนี้แล้ว จะแปลว่ารัฐบาลต้องเอาเอกสารราชการทุกอย่างมาเปิดเผย เพราะคนๆ เดียว เป็นสิ่งไม่มีเหตุผล
 
ส่วนกรณีที่มีรายงานข่าวระบุว่าครอบครัวนายศิวรักษ์ จะฟ้องกระทรวงการต่างประเทศ นายชวนนท์ กล่าวว่า นายศิวรักษ์ คงไม่ดำเนินการเช่นนั้น นอกจากว่าจะมีคนไปยุยงยุแหย่ อย่างไรก็ตามไม่ว่านายศิวรักษ์จะดำเนินการอย่างไร ต่อกระทรวงการต่างประเทศ เรายินดีที่จะชี้แจงกับนายศิวรักษ์และครอบครัว ยืนยันว่าที่ผ่านมาเราหวังดีและช่วยเหลือในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่ตกทุกข์ได้ยากในต่างแดน หากมีการฟ้องร้องเราก็ไม่ได้มีความรู้สึกไม่พอใจ แต่เรายินดีที่จะชี้แจงทุกอย่างให้เกิดความกระจ่าง
 
นายชวนนท์ กล่าวถึงตัวแทนกระทรวงการต่างประเทศที่ไปชี้แจงกับคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แทนนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายคำรบ ว่า กมธ.ชื่นชมการทำงานของกระทรวงการต่างประเทศที่เข้าไปช่วยเหลือตั้งแต่วันแรกอย่างเต็มที่ เป็นสิ่งที่ดีที่ได้มีโอกาสชี้แจงกับกมธ.ส่วนที่นายกษิตไม่ได้ไปชี้แจงด้วยตนเอง ส่งผลให้มีข่าวว่าบางฝ่ายจะออกมาประณามนั้น ตนอยากทำความเข้าใจว่า นายกษิต ติดภารกิจร่วมคณะของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ซึ่งได้เสด็จเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงไม่สามารถมาชี้แจงแต่ กมธ.ได้
 
นายชวนนท์ กล่าวถึงกรณีที่มี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ระบุว่ามีเทปดักฟังการสนทนาทางโทรศัพท์ ของเจ้าหน้าที่สถานทูตและผู้ใหญ่ในกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อสั่งการให้ตรวจสอบข้อมูลการเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ รวมถึงการบันทึกเบอร์โทรศัพท์ต่างๆ ว่า กระทรวงคงต้องทำความกระจ่าง ส่วนเรื่องจะเป็นอย่างไร คงต้องดูอีกทีว่าวิธีการดังกล่าวจะเริ่มตรงไหน เพื่อให้เกิดความกระจ่างกับรัฐบาลไทยและกัมพูชา ซึ่งเรื่องเช่นนี้ถ้าเกิดขึ้นกับประเทศใด ก็เท่ากับว่าเป็นการไปกล่าวหาว่าละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ เช่น อนุสัญญาเวียนนา หรือ ข้อมติต่างๆ ของสหประชาชาติ ส่วนตัวเชื่อว่ากัมพูชาไม่น่าจะดำเนินการเรื่องดังกล่าว และต้องพิสูจน์กันก่อนโดยอาจจะทำหนังสือไปถามกัมพูชา เพราะเรื่องนี้อาจเป็นเพียงข้อกล่าวอ้างของพรรคฝ่ายค้านไทยเอง ที่ระบุว่าเป็นหลักฐานในการจับกุมตัวนายศิวรักษ์ ขณะที่ขั้นตอนในการสอบสวนในชั้นศาล ยังไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่ามีการใช้เทปสนทนาทางโทรศัพท์เป็นหลักฐานในการจับกุมตัวนายศิวรักษ์

“ถ้าพรรคฝ่ายค้านหรือใครยังอยากจะสาวความเรื่องนี้ต่อ ขอให้ตัดคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกทั้งนายคำรบ นายศิวรักษ์ และครอบครัว แล้วมาเจอกับรัฐบาลเท่านั้นดีกว่า คงไม่มีปัญหา ขอให้พูดข้อเท็จจริง ถึงวันนี้ถ้าไม่หยุดเราก็มีข้อมูลพร้อม แต่ไม่อยากพูดเพราะไม่อยากขยายวงเรื่องนี้ออกไป ส่วนที่มีการอ้างว่ามีเบอร์โทรศัพท์ ของนักการเมือง ข้าราชการผู้ใหญ่ ที่โทรไปสั่งนายคำรบนั้น จริงๆ แล้ว ผมไม่แน่ใจว่าที่อ้างเช่นนี้ จะเหมือนคราวที่แล้วที่อ้างว่ามีเทปบันทึกการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างการสั่งการหรือไม่ แล้ววันนี้ก็มาบอกว่ามีเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้โทรไปสั่ง ไม่แน่ใจว่าวันนี้พรรคฝ่ายค้านเข้าถึงข้อมูลประเทศกัมพูชาได้ทุกอย่าง? ตกลงว่าวันนี้เรานั่งอยู่ในประเทศหรือคนละประเทศ ถ้ามีอะไรก็เปิดออกมา เพื่อจะได้ชี้แจงกัน จะโทรจริงหรือไม่ ผมยินดีตอบทุกประเด็น”

 

“ศิวรักษ์” เครียดถูกคุ้ยพ่อสนิทแม้ว ปณิธานเผย “คำรบ” โทรหาแล้ว
ก่อนหน้านี้ เว็บไซต์โพสทูเดย์  รายงานเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ว่า นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอกสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ ได้พยายามติดต่อไปหานายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทยที่ถูกจับกุมในประเทศกัมพูชา ข้อหาจารกรรมตารางบินของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ทราบว่าได้กลับมาประเทศไทยแล้ว แต่ไม่ทราบว่าได้พูดคุยกันหรือยัง ซึ่งเชื่อว่าหากยังไม่ได้คุยกันเมื่อคืน ก็จะได้พูดคุยกันในวันนี้ ทั้งนี้ สาเหตุที่นายคำรบยังไม่ออกมาชี้แจงด้วยตัวเอง เพราะผู้บังคับบัญชายังเป็นห่วง เนื่องจากนายคำรบพูดไม่เก่ง แต่เชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่มีปัญหา

ด้าน นางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดานายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศกรชาวไทย ให้สัมภาษณ์ตำหนินายแพทย์ บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีการตั้งข้อสังเกต 4 ข้อว่า การปล่อยตัวนายศิวรักษ์อาจมีบางกลุ่มได้ประโยชน์ และอาจเป็นการสร้างสถานการณ์ว่า เรื่องนี้ลูกชายตนได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมามากพอแล้ว ขอให้อย่าทำร้ายกันมากไปกว่านี้ ซึ่งหากมีการตั้งข้อสังเกตได้เช่นนั้น ก็แสดงว่าคนพูดเรื่องนี้เป็นคนสร้างเรื่องเก่งเช่นกัน

นอกจากนี้ เมื่อคืนที่ผ่านมานายศิวรักษ์ได้นั่งชมรายการโทรทัศน์ รู้สึกไม่สบายใจที่มีการหยิบยกกรณีบิดาขึ้นมาโจมตีว่า เกี่ยวพันกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ทั้งที่ได้เสียชีวิตไปนานแล้ว ดังนั้นไม่ควรนำคนตายขึ้นมาขุดคุ้ยอีก และขอยืนยันว่าตนและลูกชายไม่รู้จัก พ.ต.ท.ทักษิณ

ส่วนการ ที่นายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอก ประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ยังไม่ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบในเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งที่เป็นคนโทรศัพท์ไปหาลูกชายตนจนทำให้โดนจับ ทางนายศิวรักษ์และตนขออโหสิกรรมให้ ขอให้จบกันแค่นี้ เพียงแต่ว่า หากนายคำรบลองไปติดคุกบ้างเพียงแค่ 1 วัน จะทนได้เหมือนกับลูกชายตนหรือไม่ พร้อมเห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรีที่ไม่ควรนำเรื่องนี้มาขยายผลต่อ การที่นายกรัฐมนตรีพูดเช่นนี้เป็นการพูดที่ถูกต้อง ขณะที่หลังจากตนและบุตรชายเดินทางกลับมาเมืองไทยแล้วนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ได้มีการติดต่อกลับมา แต่ตนก็ขอขอบคุณที่ให้การช่วยเหลือ รวมทั้งอยากขอบคุณคนไทยที่ได้ส่งกำลังใจให้มาโดยตลอด

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท