เทพไทจี้กระทรวงต่างประเทศส่งหนังสือขอตัว "ทักษิณ-จักรภพ" จากกัมพูชา

“เทพไท เสนพงศ์” แถลงจี้กระทรวงต่างประเทศส่งหนังสือขอตัว "ทักษิณ-จักรภพ" จากกัมพูชา ปชป. ยันพร้อมสนับสนุนข้อมูลเพิ่มเติมต่อ กกต. สำหรับกรณีปฏิทินลีโอระบุจุดยืนพรรคฯ คุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชัดเจนมาทุกสมัย

 
18 ธ.ค. 52 – นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเพิ่มเติมต่อท่าทีของสมเด็จฮุนเซน ที่มีต่อนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลไทยนั้น ตนคิดว่ามีความชัดเจนในคำสัมภาษณ์ของสมเด็จฮุน เซนว่าได้รับข้อมูลจากประเทศไทยผิดพลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่พูดถึงเรื่องความปลอดภัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ การใช้ F16 บินขับไล่และจับกุมตัว
         
นายเทพไทระบุว่าข้อมูลทั้งหมดนี้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยเคยได้นำมาอภิปรายในสภา และตั้งกระทู้ถามรัฐบาลมาแล้ว ในเรื่องที่เกี่ยวกับเส้นทางบินหรือเกี่ยวกับการปกป้องน่านฟ้าไทยของกองทัพอากาศ
          
เชื่อได้ว่าข้อมูลที่สมเด็จฮุนเซน กล่าวหาประเทศไทยนั้น เป็นเพราะข้อมูลจากคนไทยกันเองที่คาบข่าวไปบอกคนต่างชาติเพื่อให้มาทำลายชาติไทย สิ่งที่อยากจะเรียนก็คือว่าเมื่อท่าทีของสมเด็จฮุนเซน ออกมาในลักษณะเช่นนั้นผมคิดว่านายกรัฐมนตรีก็คงจะไม่ตอบโต้ เพราะถือว่าไม่อยากจะให้เรื่องนี้ขยายความออกไป และจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่นับวันจะห่างออกไปนายเทพไทกล่าวและว่า
         
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดว่าสมเด็จฮุนเซน ซึ่งเป็นผู้ที่มีอาวุโสทางการเมือง เป็นผู้นำที่อยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุดในเอเซีย ได้มีท่าทีต่อประเทศเพื่อนบ้านในลักษณะเช่นนี้ หากเทียบความอาวุโสทางการเมืองของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์แล้ว ถือว่าต่างกันมาก แต่สังคมคงพิจารณาได้ว่าวุฒิภาวะของผู้นำทั้ง 2 ประเทศนั้นเป็นอย่างไร
         
อย่างไรก็ตามจากท่าทีทั้งหมดของสมเด็จฮุน เซนนั้น นายเทพไทเห็นว่า ตนต้องการเสนอและสนับสนุนท่าทีของกระทรวงการต่างประเทศของไทยใน 2 เรื่อง คือ 1.ให้กระทรวงการต่างประเทศได้ทำหนังสือของตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนายจักรภพ เพ็ญแข มาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมของไทย
         
เป็นที่ทราบชัดเจนว่าพ.ต.ท.ทักษิณยังคงปักหลักอยู่ที่กัมพูชา แม้กระทั่งล่าสุดเมื่อวานก็มีส.ส.พรรคเพื่อไทยแห่กันไปสวามิภักดิ์กันอย่างล้นหลาม คุณจักรภพ เพ็ญแขที่เป็นขอมดำดินอยู่ ก็ได้โผล่ออกมาในหน้าสื่อมวลชนแล้วว่าอยู่ที่นั่นจริง ๆ เพราะฉะนั้นกระทรวงการต่างประเทศจะต้องทำ ไม่ว่าผลของการดำเนินการจะเป็นเช่นไรก็ตาม ก็ถือว่าเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ ตามกฎหมายที่เรามีต่อประเทศคู่สนธิสัญญา ถ้าหากรัฐบาลกัมพูชาจะตอบปฏิเสธและไม่ตอบรับคำขอของรัฐบาลไทย ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลกัมพูชาจะต้องอธิบายต่อประชาคมโลกว่ามีเหตุผลใดที่ไม่ปฏิบัติตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่เรามีต่อกันนายเทพไทกล่าว
         
สำหรับเรื่องที่ 2 ที่นายเทพไทต้องการให้กระทรวงการต่างประเทศเร่งดำเนินการคือ กรณีการดักฟังโทรศัพท์ ตนเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก และเป็นเรื่องการคุกคามประเทศไทย เพราะมีการพูดถึงการดักฟังโทรศัพท์ของสถานทูตไทยในกัมพูชา ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายชัดเจน ตั้งแต่อนุสัญญากรุงเวียนนา พ.ศ.2504 และกฎหมายอื่น ๆ แม้ว่า สมเด็จฮุน เซนจะออกมาปฏิเสธล่าสุดว่าอาจไม่มีรายละเอียดในเรื่องนี้ แต่อย่างไรก็ตามคนในพรรคเพื่อไทยได้ออกมายืนยันกับสื่อหลายครั้งว่ามีเทปบันทึกเสียง รวมถึงการข่มขู่มายังรัฐบาลไทย กระทรวงการต่างประเทศว่า ไม่ควรที่จะเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ ดังนั้นจากท่าทีดังกล่าว ตนก็อยากเรียกร้องให้คนในพรรคเพื่อไทยนำหลักฐานนี้ไปให้สมเด็จฮุน เซน เหมือนกับการนำหลักฐานเท็จในบางเรื่องที่ได้นำให้ไปแล้ว และสมเด็จฮุน เซนก็ได้แสดงท่าทีต่อประเทศไทยมาแล้ว
         
สำหรับล่าสุดจากการทวิตเตอร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่ายังอยู่ที่เขมร และคิดถึงประเทศไทย อยากกลับประเทศไทย แต่รัฐบาลไม่เวลคัมนั้น นายเทพไทกล่าวว่า วันนี้ชัดเจนว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ยังอยู่ที่กัมพูชาจริง ๆ และมีความเข้าใจผิดว่ารัฐบาลไทยไม่ต้อนรับพ.ต.ท.ทักษิณ ตนขอให้พ.ต.ท.ทักษิณทำความเข้าใจใหม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คือบุคคลที่รัฐบาลไทยต้องการตัวมากที่สุดเพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
         
พ.ต.ท.ทักษิณจะเข้าใจว่าใครไม่เวลคัมตัวเองก็ตาม แต่ผมยืนยันกับ พ.ต.ท.ทักษิณว่า คนที่เวลคัมต่อพ.ต.ท.ทักษิณ ตลอดเวลานั้นก็คือ คุก เวลคัม ขอให้พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางมานะครับนายเทพไทกล่าว
         
ส่วนการประกาศชุมนุมของคนเสื้อแดงหลังปีใหม่และประกาศว่าจะไม่มีการเลื่อนชุมนุม พร้อมทั้งกล่าวหาว่ารัฐบาลคาดคะเนประเมินผิดว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงสอดรับกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นเป็นเรื่องคนละเรื่องกันนั้น นายเทพไทกล่าวว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดง กับการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นเป็นเรื่องเดียวกัน เพราะมีผู้บงการคนเดียวกัน และถึงตอนนั้นก็จะมีการตัดสินคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ดังนั้นพ.ต.ท.ทักษิณคงรู้สึกเสียดายเงินจำนวนนี้ทำให้มีการทุ่มทุนอย่างหนักเพื่อเผด็จศึกรัฐบาลให้ได้
         
ถึงตอนนั้นจะมีการตัดสินเรื่องคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้าน พ.ต.ท.ทักษิณก็คงจะรู้สึกเสียดายเงินจำนวนนี้ ก็คงจะมีการทุ่มทุน ระดมทุนอย่างหนัก เพื่อที่จะเผด็จศึกรัฐบาลให้ได้ อาจจะลงทุนหลายร้อยล้านเพื่อเอาเงิน 76,000 ล้านนั้นกลับคืนมา เหมือนกับลักษณะเอากุ้งฝอยตกปลากระพง แต่ว่าสุดท้ายผมก็เชื่อว่า ทั้งปลากระพง และกุ้งฝอยหายไปหมดนายเทพไทกล่าว
         
อย่างไรก็ตามนายเทพไทเห็นว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดง และการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลก็พร้อมที่จะรับมือ และขอให้ทุกอย่างอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย อย่าดำเนินการทางการเมืองในลักษณะที่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ส่วนที่พ.ต.ท.ทักษิณ วิเคราะห์ว่านายกรัฐมนตรีอาจจะต้องยุบสภาเพื่อหนีการอภิปรายนั้น ตนเห็นว่าลักษณะเช่นนี้เป็นลักษณะของพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่ของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะที่ผ่านมาตอนที่ พ.ต.ท.ทักษิณถูกกล่าวหาเรื่องการขายบ.ชินคอร์ป และไม่เสียภาษี มีการเปิดอภิปรายทั่วไป พ.ต.ท.ทักษิณกลับไม่กล้าเผชิญความจริง และยุบสภาหนีไป
 
ในรัฐบาลประชาธิปัตย์ขอยืนยันนะครับว่า ไม่เคยเกรงกลัวเรื่องการตรวจสอบและก็พร้อมที่จะให้การตรวจสอบอย่างเต็มที่ ขอแนะนำให้พรรคเพื่อไทยได้เตรียมตัว เตรียมข้อมูลให้ดี พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องยังคงปักหลักเปิดวอร์รูมอยู่ที่เสียมราฐ เพื่อจะติวให้กับลิ่วล้อ มาอภิปรายในสภา การออกข่าวว่าจัดพี่เลี้ยง 4 สายเพื่อเป็นติวเตอร์ให้กับผู้อภิปรายนั้น ผมดูรายชื่อแล้ว ไม่ต่างอะไรกับเอาคนใบ้ มาสอนภาษาให้กับคนตาบอด เพราะฉะนั้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ผมก็อยากจะบอกว่า ถ้าหากคุณยังใช้ข้อมูลเดิม ๆ ตัดแปะจากหน้าหนังสือพิมพ์ ก็ไม่ต่างอะไรกับการตั้งกระทู้สด และก็เคยเห็นมาแล้วว่าการตั้งกระทู้สดก็ถูกโต้ตอบจากรัฐบาลไป จึงอยากจะให้สังคมจับตามองว่าการอภิปรายครั้งนี้ จะต้องคอยดุว่าใครอภิปรายใครกันแน่นายเทพไทกล่าว
 
ปชป. ชี้ 2 สาเหตุ อาจกระทบความสัมพันธ์ไทย กัมพูชา
 
ทางด้าน นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์แถลงข่าวว่า จากการที่สมเด็จฮุน เซน ได้ให้สัมภาษณ์สื่อกัมพูชาโดยมีสาระสำคัญที่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองในกัมพูชา แต่มีประเด็นที่พาดพิงถึงรัฐบาลไทย 2 เรื่อง ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะที่เป็นแกนนำของรัฐบาลจึงมีความจำเป็นที่จะต้องออกมายืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง
 
นพ.บุรณัชย์กล่าวว่า การที่สมเด็จฮุน เซ็น พูดในลักษณะทวงบุญคุณว่าหากไม่ให้การคุ้มครอง พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณอาจจะติดคุกหรือถึงแก่ชีวิตไปแล้ว และอาจเกิดปัญหาวุ่นวายในกัมพูชานั้น อาจทำให้เกิดการตีความได้ว่าทางประเทศไทยได้เตรียมการอย่างหนึ่งอย่างใดที่มุ่งร้ายต่อร่างกายหรือชีวิตพ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้นตนจึงต้องการยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยทางรัฐบาลไทยนั้นไม่มีแผนการที่จะดำเนินการด้วยความรุนแรงต่อพ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งในแผ่นดินไทยและไม่มีการเตรียมการใด ๆ ในกัมพูชาอย่างแน่นอน ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องเท็จ และอาจสร้างความเข้าใจผิดในประชาคมโลกได้
         
สำหรับการกล่าวพาดพิงที่ว่าทางผู้นำฝ่ายค้าน สม รังสี ไม่เคยพูดเมื่อทางทหารไทยรุกรานประเทศกัมพูชา นพ.บุรณัชย์กล่าวว่าเรื่องนี้ก็ไม่เป็นความจริง สถานการณ์บริเวณไทย กัมพูชานั้นถือว่าเป็นปัญหาที่อยู่ระหว่างการดำเนินการร่วมกันของคณะกรรมการทางด้านความมั่นคงทั้ง 2 ฝ่าย และประเทศไทยก็ไม่มีการส่งกองกำลังเข้าไปรุกล้ำในพื้นที่ของกัมพูชาอย่างแน่นอน
         
โฆษกพรรค กล่าวว่า อย่างไรก็ตามพรรคฯ มองว่าจากสถานการณ์ดังกล่าวก็ทำให้บรรยากาศระหว่างความสัมพันธ์ระหว่างไทย กัมพูชาที่จะเริ่มคลี่คลายลงจากการปล่อยตัววิศวกรไทยนั้น ในขณะนี้สถานการณ์นั้นกลับมาน่าเป็นห่วงในระดับหนึ่ง โดยมองว่าสาเหตุประเด็นปัญหามาจาก 3 เรื่อง
         
1. ข้อเท็จจริงกรณีการดักฟังการให้สัมภาษณ์ระหว่างวิศวกรไทย กับเลขานุการเอกประจำสถานทูตไทย ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เปิดเผยโดยแกนนำของพรรคเพื่อไทยที่ยืนยันว่ามีเทปบันทึกเสียงดังกล่าว แต่ไม่ปรากฎชัดว่าเทปบันทึกเสียงดังกล่าวนั้นมาจากการดำเนินการในส่วนใด ไม่ว่าจะเป็นการดักฟังจากทางประเทศไทย หรือจากประเทศกัมพูชา ส่วนประเด็นที่สมเด็จ ฮุน เซน ได้นำเสนอต่อสื่อมวลชนนานาชาตินั้น เป็นเรื่องของจำนวนครั้ง และเวลา ที่มีการโทรศัพท์ ซึ่งข้อมูลลักษณะนี้ถือเป็นข้อมูลกึ่งสาธารณะ แต่ประเด็นที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นห่วงคือการดักฟังสาระของการสนทนามากกว่า เพราะเรื่องนี้ถือว่าละเมิดต่ออนุสัญญาเวียนนา พ.ศ. 2504 ว่าด้วยการปฏิบัติต่อกันในฐานะประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการทูต ในขณะเดียวกันในเรื่องการดำเนินการต่อกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายข้อตกลงทางสัญญาของกัมพูชา ก็เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับไทยโดยตรง เช่นการไม่ปฏิบัติตามสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน หรือการดำเนินการในลักษณะที่ฝ่าฝืนต่อกฎบัตรอาเซียนในเรื่องของการไม่แทรกแซงการเมืองภายในประเทศ
         
2. การให้ที่พักพิงต่อผู้กระทำผิด นอกเหนือจากพ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว ยังมีผู้ที่กระทำผิดในกรณีคดีที่มีการพาดพิงสถาบันสูงสุดของชาตินายจักรภพ และมีรายงานว่ามีการสร้างบ้าน และให้ที่พักพิงอยู่เป็นระยะ ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงแน่ชัด แต่ก็จะทำให้การคลี่คลายสถานการณ์ความสัมพันธ์นั้นยากขึ้นเช่นเดียวกัน
         
3. ประเด็นที่สมเด็จฮุน เซน ก็ยังมีการให้สัมภาษณ์และการดำเนินการในลักษณะที่ให้เกิดการแทรกแซงการเมืองประเทศไทยโดยชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการพาดพิงถึงสถาบันตุลาการถึงกระบวนการยุติธรรม และยังวิจารณ์การเมืองในประเทศไทย ในลักษณะที่กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศด้วย โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้
         
นพ.บุรณัชย์กล่าวว่าปัญหาทั้ง 3 เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ พรรคฯ มองว่ามีสาเหตุมาจากการดำเนินการของทางฝ่ายไทยด้วยเช่นกันใน 2 สาเหตุ คือ 1. การดำเนินนโยบายต่างประเทศต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ได้มีการขับเคลื่อนนโยบายในลักษณะที่เอาผลประโยชน์ส่วนตัวไปแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ของชาติทำให้เกิดปัญหาตามมา ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลชุดปัจจุบันจะต้องแก้ และไม่อาจที่จะให้เงื่อนไขหลายอย่างนั้นเป็นไปตามเงื่อนไขที่เคยตกลงมา เช่นกรณีเขาพระวิหาร เพราะต้องถือว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันจะต้องปกป้องอธิปไตยของชาติ และไม่สามารถที่จะให้สิทธิ์ของกัมพูชาในการเปิดทางให้การขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารโดยลำพังอย่างเช่นที่นายนพดล เคยดำเนินการไปนั้น เป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยไม่อาจให้ได้ในขณะนี้ 2. การเคลื่อนไหวทางการเมืองโดยการดึง และสมคบกับต่างชาติ ในลักษณะการชักศึกเข้าบ้านโดยพรรคเพื่อไทยเอง
         
ทางพรรคประชาธิปัตย์เชื่อว่า ทั้ง 2 สาเหตุดังกล่าวเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องแก้ไขและผู้ที่เกี่ยวข้องก็ควรที่จะต้องหยุดการกระทำในลักษณะดังกล่าว แต่เรื่องที่พรรคฯ มีความเป็นห่วงมากในขณะนี้คือ คำพูดของสมเด็จฮุน เซนบางส่วนที่แสดงให้เห็นว่ามีการประสานงานกันกับกลุ่มเสื้อแดงบางกลุ่ม ซึ่งมีรายงานข่าวว่าได้ให้ข้อมูลในลักษณะที่สร้างและกระทบความเสียหายต่อประเทศไทย เช่นข้อมูลตารางการบิน และยืนยันข่าวที่ได้รับทราบมาว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองตั้งแต่การเดินทางไปกัมพูชาของพ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งแต่ช่วงเดือนเม.ย. ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหา เกิดความวุ่นวายภายในประเทศไทย
         
อย่างไรก็ตามพรรคฯ ได้ประเมินว่าเนื่องจากเหตุผลหลายประการ โดยเฉพาะคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้าน อาจจะทำให้พ.ต.ท.ทักษิณใช้แผ่นดินกัมพูชาเป็นที่เคลื่อนไหวในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเพื่อล้มรัฐบาลไทยต่อไปหลังจากนี้ ซึ่งเป็นประเด็นที่มองว่าสถานการณ์บานปลายจากปัญหาที่พ.ต.ท.ทักษิณเป็นต้นเหตุได้
         
ทั้งนี้นพ.บุรณัชย์ ได้กล่าวว่า อย่างไรก็ตามพรรคฯ มั่นใจว่าคนไทยจะให้การสนับสนุนการดำเนินการของทุกฝ่ายที่ปกป้องและรักษาอธิปไตยไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการของรัฐบาล หรือทางฝ่ายความมั่นคง ส่วนการที่มีบางส่วนที่อยู่ในการเมืองไทย ให้การสนับสนุนพฤติกรรมที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเคยเตือนไว้ว่าอาจจะนำไปสู่การทรยศต่อประเทศชาตินั้น ตนคิดว่าคนไทยทั้งชาตินั้นก็จะป้องกันไม่ให้การกระทำดังกล่าวสำเร็จ
 
ปชป. พร้อมสนับสนุนข้อมูลเพิ่มเติมต่อ กกต.
 
นอกจากนี้ นพ.บุรณัชย์ ยังกล่าวถึงมติ กกต. ในเบื้องต้นที่ให้มีการดำเนินการตามมาตรา 95 ของพรบ.พรรคการเมือง โดยให้นายทะเบียนพรรคการเมืองนั้นเป็นผู้ทำความเห็นเพื่อส่งกลับไปยังที่ประชุม กกต. อีกครั้งว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์มีความเห็นว่าเรื่องนี้เป็นกระบวนการที่ทาง กกต. ดำเนินการตามกฎหมายที่กำกับหน่วยงานของตัวเอง และพรรคฯ ก็มีหน้าที่ในการให้การสนับสนุน หากมีการเรียกข้อมูลเพิ่มเติม
 
ทั้งนี้พรรคฯ ยืนยันว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาพรรคฯ ได้ยึดบทบัญญัติของกฎหมายอย่างเคร่งครัดในการแจงแหล่งที่มาของรายได้ และการใช้จ่ายเพื่อกิจกรรมทางการเมืองทุกประการไม่มีการดำเนินการในลักษณะที่ผิดกฎหมายอย่างแน่นอน พรรคฯ ยืนยันว่าเงินที่พรรคฯ ใช้ในการทำกิจกรรมทางการเมืองรวมถึงการทำแผ่นพับ ใบปลิวในช่วงหาเสียงนั้นเป็นเงินที่ได้มาจากกองทุนสนับสนุนพรรคการเมืองและเงินบริจาคของบริษัทต่าง ๆ แต่ไม่มียอดจำนวนเงิน 258 ล้านที่มาจากบริษัททีพีไอโดยตรงมาถึงพรรคฯ แต่อย่างใดทั้งสิ้น
 
 
 
ที่มา: พรรคประชาธิปัตย์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท