21 ธ.ค. 52  รศ.ดร.เรณู เวชรัชต์พิมล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากรได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า กลุ่มอนุรักษ์ทับสะแก ได้ขอความร่วมมือจากสำนักงานประกันคุณภาพการศึกษา, คณะวิทยาศาสตร์ และคณะจิตรกรรมและภาพพิมพ์ ของมหาวิทยาลัยศิลปากร จัดทำโครงการการใช้ศิลปะเสริมสร้างพลังรักษ์ พิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้กับเยาวชนและชาวบ้านในอำเภอทับสะแก เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ให้เกิดความรักและเห็นคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตของคนและสิ่งมีชีวิต

"เราเห็นว่า การพบการวางไข่ของเต่าทะเลที่หาดในอำเภอทับสะแก เป็นประเด็นสำคัญอย่างสูงทางระบบนิเวศ โดยเฉพาะการที่ชาวบ้านตื่นตัวเข้าร่วมกันอนุรักษ์เต่าทะเล เป็นแนวทางที่เราควรช่วยกันสนับสนุน การจัดโครงการนี้ถือเป็นกำลังใจและแรงหนุนให้ชุมชนมีความเข้มแข็งเพิ่มมากขึ้นในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม" รศ.ดร. เรณู กล่าว

นางสาวสุรีรัตน์  แต้ชูตระกูล แกนนำกลุ่มอนุรักษ์ทับสะแก ผู้คัดค้านโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินทับสะแกของ กฟผ. เปิดเผยว่า ในขณะที่ชุมชนทับสะแกพยายามช่วยกันอนุรักษ์เต่าทะเล แต่ก็ต้องดูว่ารัฐบาลจะมีท่าทีอย่างไร เพราะวันนี้ (21 ธ.ค.) คณะกรรมการผังเมืองที่มีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานจะพิจารณาผังเมืองรวมชุมชนทับสะแก โดย กฟผ.ได้คัดค้านและขอเปลี่ยนผังเมืองจากพื้นที่เกษตรเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมเพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินทับสะแกขนาดกำลังการผลิต 4,000 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นพื้นที่เดียวกันกับที่พบการวางไข่เต่าทะเล และได้มีการประกาศเป็นเขตอนุรักษ์เต่าทะเลโดยชุมชนทับสะแกไปเรียบร้อยแล้ว

นางสาวสุรีรัตน์กล่าวอีกว่า นักวิชาการได้คำนวณแล้วว่า โรงไฟฟ้าถ่านหินทับสะแกของ กฟผ. จะเป็นโครงการที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ถึง 876 ล้านตันตลอดอายุโครงการ  ถ้ารัฐบาลตระหนักถึงปัญหาโลกร้อนจริง ก็ไม่ควรให้ กฟผ.เปลี่ยนผังเมืองทับสะแก และถ้า กฟผ. รักสิ่งแวดล้อมจริงก็ไม่ควรยื่นขอเปลี่ยนผังเมืองเพื่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ทับสะแกเช่นเดียวกัน