Skip to main content
sharethis
 
27 ธ.ค.52 เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ รายงานว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ในรายการเอ็กซ์คลูซีฟ ของคลื่นวิทยุ อสมท 100.5 โดยมี นายศุภฤกษ์ ธงไชยฤทธิ์ เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งการเปิดใจครั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ได้กล่าวถึงปัญหาของบ้านเมือง สถานการณ์ภาคใต้ ทิศทางกองทัพภายหลังเกษียณอายุราชการในปี 2553
พล.อ.อนุพงษ์ ตอบข้อซักถามถึงสถานการณ์เมืองที่หลายฝ่ายคาดหมายว่าจะเกิดความรุนแรงในช่วงต้นปีหน้าถึงขั้นนองเลือดว่า คนไทยทุกคนต้องรู้สึก รู้สำนึกที่จะรักษาบ้านเมืองของเราไว้ ความขัดแย้งมันเกินกว่าอุดมการณ์ประชาธิปไตยไปแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตามเราต้องเอาชาติมาชั่งก่อน ซึ่งชาติประกอบด้วยสถาบันมากมายและในนั้นก็มีประชาชนอยู่ด้วย สถาบันหลักเป็นเรื่องสำคัญกว่า แล้วถึงจะไปเรื่องประเด็น สิทธิ ประชาธิปไตย แต่ขณะนี้มันเกินเลยมากไปแล้ว ถ้าจะรักษาประชาธิปไตยแล้วประเทศแตกระแหงถึงขั้นนองเลือด คนไทยคิดไม่เป็นไม่ได้
“ผมเชื่อมั่นว่า คนไทยส่วนใหญ่คิดได้ คนทั่วไปจะรู้ว่าเมื่อเรือจะล่ม เขารู้ว่าถ้าเรือล่มก็ไปไม่ได้ เดินเส้นทางนั้นไม่จบและได้ประชาธิปไตยมา ตนคิดว่ามันไม่ได้ เพราะตีกันอยู่ 2 สี หรือ 3 สี มันไม่ได้ ทุกคนต้องหยุดแล้วปล่อยให้เป็นไปตามกลไกแล้วทำให้อยู่รวมกันได้ หลายๆ ประเทศรักพรรคการเมืองคนละพรรคกันก็มี แต่เขาไม่มาตีกันและรบกันในประเทศ และที่เรียกกันว่า นองเลือดไม่มี เพราะคนไทยรู้สึกรู้สา เพราะคนที่แว้ดๆ มีอยู่นิดเดียว สร้างภาพสร้างอะไรก็ตาม”
เมื่อถามต่อว่า จะปิดประตูเรื่องการปฏิวัติรัฐประหารได้หรือไม่ ถ้าหากปีหน้ามีเหตุการณ์ถึงขั้นเกิดการนองเลือดจริงๆ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า “ถ้าผมสั่งในสิ่งที่ไม่ถูก ผมคิดว่าเขาไม่ทำ ทหารไม่มีฝักไม่มีฝ่าย อะไรที่ประเทศชาติจะเดินต่อไปได้และอยู่ได้ คนไทยจะตีกันไม่ได้ ทหารจะไม่ยอมปล่อยให้คนไทยตีกัน ในขณะเดียวกันก็อย่าทำผิดกฎหมายเพราะอยู่กันไม่ได้ ผมขอยืนยันว่า ในปีหน้าไม่มีเหตุการณ์นองเลือด และจะไม่มีการปฏิวัติรัฐประหารแน่นอน เรามีทางเดินอีกหลายทางที่จะแก้ปัญหาของคนในชาติและผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ก็ไม่ยอม ผมเชื่อมั่นว่าไม่มี ผมไม่ให้เดินไปถึงจุดนั้น ผมเชื่อมั่นอย่างนั้น ใครที่คิดว่ามี ลืมไปได้เลย ผมคิดว่าไม่มีทาง”
เว็บไซต์ไทยรัฐ รายงานว่า เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เหลือเวลาอีก 8 เดือน ก่อนจะเกษียณอายุราชการ มีงานอะไรที่ยังไม่ได้ทำ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เรื่องการจัดเตรียมกำลังให้พร้อมปฎิบัติ ตนถือว่าการปลูกฝังอุดมการณ์ของคนเป็นเรื่องสำคัญและต้องทำให้ดีกว่านี้ สาเหตุเจ้าหน้าที่โครงของเราก็คือนายทหารและนายสิบไม่ค่อยมีปัญหา จะมีนอกแถวนอกลู่ไปบ้างก็ว่าไปตามกฎระเบียบ วัตถุดิบมาจากสังคมในประเทศเราจึงต้องประเมินว่าค่านิยมวัยรุ่นในตอนนี้เป็น อย่างไร แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ดีไปเสียหมด แต่แนวคิดจะเปลี่ยนไปจากเดิม สังคมเปลี่ยนไป ยึดถือวัตถุมาขึ้น คิดแต่สิ่งใกล้ตัวของตัวเอง ผลประโยชน์ของตนเอง ความอดทนน้อย รักความสบายมากขึ้น ก็ต้องพยายามฝึกเขาให้อยู่ในกรอบที่จะทำเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เหมือนในอดีต บพรรชนของเราที่ทำกันคนสมัยก่อนไม่มีวาระอย่างอื่นมีวาระอย่างเดียวก็คือทำ เพื่อชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ที่เคารพยิ่ง พวกเขาจึงได้เป็นห่วงสัมคมในปัจจุบัน เรื่องนี้ต้องเดินนห้าต่อไปเรื่อยๆ ใครที่ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.คนต่อไปก็ต้องทำไปเรื่อยๆ หยุดไม่ได้
 “อย่างไร ก็ตามกองทัพก็ต้องอยู่ต่อไปไม่ว่าใครจะมาเป็น ผบ.ทบ. สถาบันกองทัพไม่ใช่ของผม หรือใครที่ชอบเอามาอ้าง มันไม่ใช่ คนที่คิดแบบนั้นไม่เข้าใจ เป็นเหมือนอำนาจสถาบันหลักไม่ใช่ของส่วนตัว ใครที่มาปกครองอย่าคิดแบบตื้นๆ ผมอยากจะเรียนให้คนตาสว่างว่า เพราะอะไรผมจึงปกครองกองทัพได้และไม่กลัวการปฎิวัติ ไม่เคยกลัวแม้แต่นิดเดียว อยากจะยกตัวอย่างเรื่องที่มีการวิพากวิจารณ์ว่าผม ตั้งบูรพาพยัคฆ์ ผมไม่ตั้งบูรพาพยัคฆ์ เพราะการตั้งบูรพาพยัคฆ์ เป็นการสิ้นคิดที่สุดคือตั้งพวกกันเองถ้าคุมไม่ได้ก็โดนปฎิวัติล้าน เปอร์เซ็น ผมทำอย่างนั้นไม่ได้ ไปดูรายละเอียดในเรื่องการปรับย้ายนายทหารในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ไม่มีข้อติฉินนินทาทุกส่วนก็ต้องเติบโตขึ้นมา จัดแบบนี้ไม่มีการปฎิวัติ สำคัญที่สุดคือต้องมีคุณธรรมและให้ทุกส่วนมีโอกาสเติบโตขึ้นมาตามธรรมชาติ ของเขา เอาคนบูรพาพยักษ์มาสุมหัวกันปฎิวัติแน่นอน คนฉลาดไม่ทำแบบนั้น ผมก็มั่นใจว่า ผบ.ทบ.คนต่อไปก็ไม่ทำเช่นนั้น"ผบ.ทบ.กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายว่า กลุ่มนายทหารที่เรียกกันว่า "บูรพาพยักฆ์" ประกอบไปด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ. พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่1 พล.ต.วลิต โจรนภักดี ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ซึ่ง ทั้งหมดเป็น”ทหารเสือพระราชินี “จากกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (พล.ร.2 รอ.) ค่ายพรหมโยธี จ.ปราจีนบุรี ซึ่ง นายทหารเหล่านี้ เป็นผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญของกองทัพบกในปัจจุบัน จนมีการวิพากษ์วิจารณ์ กันว่า การรวมตัวกันอย่างเหนียวแน่น เกิดจากการดำเนินการของ พล.อ.อนุพงษ์ เพื่อต้องการให้กองทัพมีความเป็นปึกแผ่น โดยใช้ความสัมพันธ์บวกกับการไว้เนื้อเชื่อใจที่มีไม่ว่าจะเป็นในฐานะผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชา พี่น้องร่วมสังกัด เพื่อป้องกันการถูกปฎิวัติและการต่อรองทางการเมือง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net