Skip to main content
sharethis
  
7 ม.ค. 53 - นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า ตนขอชี้แจงกรณีมีข่าวปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์ โดยมีผู้ระบุว่า กกต. ตั้งใจจะไปยุบพรรคเพื่อไทย และบอกว่ามีผลการพิจารณาของคณะอนุกรรมการที่สรุปแล้วว่าจะยุบพรรคเพื่อไทยนั้น ทั้งนี้ตนได้ตรวจสอบข้อมูลแล้ว พบว่าเรื่องที่พลเรือเอกบรรณวิทย์ เก่งเรียน และนายชัยวัฒน์ สินสุวงศ์ ได้ร้องเข้ามายัง กกต. มีทั้ง ร้องกรณีของพรรคประชาธิปัตย์และฝ่ายพรรคเพื่อไทย โดยร้องกรณีพรรคประชาธิปัตย์ก่อน โดยร้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ พร้อมแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล 6 พรรค ที่มีการร่วมประชุมสถานการณ์ทางการเมืองการปรับ ครม. โดยได้หารือกับคนที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ซึ่ง กกต. ก็มีมติให้ตั้งคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนโดยเรื่องอยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 12 ม.ค. ต่อมา พล.ร.อ.บรรณวิทย์ และนายชัยวัฒน์ ได้ร้องว่าพรรคเพื่อไทยกระทำการต้องห้ามรัฐธรรมนูญ กรณีนำผู้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมาเกี่ยวข้องกับการบริหารพรรค
 
“กกต. ก็ไม่ได้เลือกปฏิบัติ เพราะมีการตั้งคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนเช่นกัน แต่ตังคนละคณะ โดยเรื่องนี้จะครบกำหนดวันที่ 2 ก.พ. และจากการตรวจสอบพบว่าเรื่องนี้เพิ่งสอบผู้ร้องเสร็จ เพราะฉะนั้นที่ว่า กกต. จะไปตั้งเพื่อยุบพรรคเพื่อไทยนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน อันนี้ผมได้ตรวจสอบข้อมูลอย่างชัดเจนแล้ว ไม่มีการเลือกปฏิบัติ ซึ่งการพิจารณาในทุกเรื่อง กกต. ได้ดูจากพยานหลักฐาน โดยไม่มีการตั้งธงล่วงหน้า เพราะถ้าเราไม่ดำเนินการในทุกๆ เรื่อง กกต.ก็จะถูกเล่นงานเช่นกัน เรื่องนี้คงจำได้ว่า ตั้งแต่ กกต. ยังไม่ทันตั้งอนุกรรมการ ท่านพลเรือเอกบรรณวิทย์ ก็ไปแจ้งความดำเนินคดีกับ กกต. ฉะนั้น ตรงนี้เราทำตามหน้าที่ โดยไม่มีการตั้งอนุกรรมการเพื่อยุบพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะ”
 
นายสุทธิพล กล่าวว่าในวันนี้ (7 ม.ค. 53) เวลา 14.00 น.สำนักงาน กกต. จะประชุมร่วมกับฝ่ายรักษาความมั่นคงเพื่อตรียมรับมือกับสถานการณ์ใดๆที่อาจจะเกิดขึ้นจากการชุมนุม โดยได้รับรายงานมาว่าในวันพรุ่งนี้ (8 ม.ค.) อาจจะมีกลุ่มคนเสื้อแดงมาชุมนุมที่สำนักงาน กกต. ซึ่งอาจจะมาติดตามความคืบหน้า กรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาทของพรรคประชาธิปัตย์   ทั้งนี้ ตนเคารพสิทธิเสรีภาพในการชุมนุม อย่างไรก็ตามที่ตั้งสำนักงาน กกต. เป็นศูนย์ราชการมีหน่วยงานราชการอยู่รวมกันเป็นจำนวนมากเจ้าหน้าที่ต้องดูแลให้เกิดความเรียบร้อยและความปลอดภัยทั้งของ กกต. ของพนักงานและ ข้าราชการที่อยู่ในศูนย์ราชการ โดยเราจะยึดหลักอหิงสา และเคารพกฎกติกาในการชุมนุม
 
“การเตรียมการเราจะยึดหลักอหิงสา เพียงแต่ว่าเราเป็นห่วงว่าสถานการณ์จะเลยเถิดไป ฉะนั้นขอเรียนผู้ที่มาชุมนุมว่า ที่นี่มีศูนย์ราชการมีหน่วยราชการ สถานที่ราชการต่างๆ ตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก และการดำเนินการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ท่านก็ไม่ได้มีเจตนาหรือตั้งใจจะไปยุบพรรคการเมือง ไม่มีธง ไม่มีคำขอ ไม่มีคำสั่งไม่ให้ยุบพรรคการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งเรื่องร้องเรียนนั้นไม่ใช่มีเฉพาะร้องในส่วนพรรคฝ่ายค้านเท่านั้น แต่ฝ่ายรัฐบาลก็ถูกร้องเช่นกัน เราก็ได้พิจารณาดำเนินการต่อไป ขอเรียนเพื่อทราบข้อมูลที่ชัดเจนและถูกต้อง” นายสุทธิพลกล่าว  
               
“สำหรับความคือหน้ากรณีเงินบริจาคของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ขณะนี้ ประธาน กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองได้ลงนามตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเพื่อดำเนินการตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง โดยลงนามในคำสั่งวันที่ 29 ธ.ค. 2552 โดยมีหน้าที่ตรวจสอบสำนวนการสอบสวนของคณะอนุกรรมการวินิจฉัยเรื่องคัดค้านฯ พร้อมสรุปข้อเท็จจริงพร้อมเสนอความเห็นต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองเพื่อพิจารณาโดยด่วนรวมทั้งดำเนินการตามที่นายทะเบียนมอบหมาย ขณะนี้คณะกรรมการฯได้เริ่มตรวจสอบเอกสารต่างๆ และคงจะเร่งรัดในการดำเนินการ” นายสุทธิพลกล่าว
               
สำหรับมาตรการดูและรักษาความปลอดภัยให้กับ กกต. แต่ละคน นายสุทธิพล กล่าว่า ได้มีการจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแล กกต. ทั้งห้าโดยเฉพาะที่บ้านหลังจากมีการขู่ว่าจะทำร้ายซึ่งเราก็ไม่ได้ตระหนก แต่ต้องป้องกันไว้ก่อนเพื่อเป็นการไม่ประมาท 
 
เมื่อถามว่าวันศุกร์นี้ กกต. จะมาทำงานตามปกติหรือไม่ นายสุทธิพล กล่าวว่าพรุ่งนี้ไม่ใช่วันหยุดราชการ แต่ไม่มีประชุม เพราะปกติ กกต.จะประชุมทุกวันอังคาร พุธ พฤหัส อย่างไรก็ตาม ตนได้เรียนให้ กกต. ได้ทราบแล้วว่าอาจมีการชุมนุม ส่วนแต่ละท่านจะเข้ามายังสำนักงาน กกต. หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับภารกิจของท่านหากมีภารกิจต้องมาปฏิบัติหน้าที่ ก็ต้องเข้ามาตามปกติ 
           
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำแผงเหล็กมาวางกั้นไว้โดยรอบทางข้างด้านทิศตะวันออกของศูนย์ราชการ ซึ่งเป็นจุดที่คนเสื้อแดงเคยมาชุมนุมก่อนหน้านี้
 
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงผลการทำงานของ กกต. ในช่วง ปี 2552 ที่ผ่านมา ว่าเรื่องร้องคัดค้านที่เข้ามายังสำนักงาน กกต. ในปี 2552 ทั้ง สำนวน ส.ส.และ สว.รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีเรื่องร้องคัดค้านมีทั้งสิ้น 2,414 เรื่อง เป็นร้องคัดค้านเกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่น 2,348 เรื่อง เรื่องร้องคัดค้านเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส. และ สว. 66 เรื่อง ซึ่ง กกต. พิจารณาแล้วเสร็จ 1,259 เรื่อง โดยแบ่งเป็นเรื่องคัดค้านการเลือกตั้งท้องถิ่น 1,197 เรื่อง ส่วนเรื่อง ส.ส. และ สว. 62 เรื่อง
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net