นายคำนูญ สิทธิสมาน สว.สรรหา เปิดเผยว่า วันนี้ (7 ม.ค. 53) อัยการสูงสุด ได้ทำหนังสือถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขอให้ปฏิบัติตามมติ คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2518 เรื่องการถือครองที่ดิน บริเวณเขายายเที่ยง จังหวัดนครราชสีมาว่า ต้องเป็นของทายาท โดยธรรมของเจ้าของที่ดินเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ขายต่อให้กับบุคคลใด ดังนั้น พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ไม่มีสิทธิ์ถือครองที่ดินดังกล่าวต่อไปได้ และขอให้ทำตามกระบวนการยุติธรรม ด้วยการคืนที่ดินให้กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม

 

คาดว่าวันพรุ่งนี้ อัยการสูงสุด และ รัฐบาล จะแถลงข่าวเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ รวมทั้งทราบจากคนใกล้ชิด พลเอกสุรยุทธ์ ว่า พร้อมจะคืนที่ดินดังกล่าวเช่นกัน เพื่อยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ปฏิบัติ 2 มาตรฐาน และขอให้กลุ่มที่จะเดินทางไปชุมนุมที่เขายายเที่ยง วันที่ 11 มกราคมนี้ ทบทวนการเคลื่อนไหวดังกล่าวด้วย ส่วนการเอาผิดกับพลเอกสุรยุทธ์ เชื่อว่า ไม่น่าจะทำได้ เนื่องจากได้ที่ดินดังกล่าวตกทอดมาเป็นรุ่นที่ 3 ไม่มีเจตนาทำผิดหรือทุจริตแต่อย่างใด

 

 

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวเมื่อวันที่ 7 มกราคม ภายหลังนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ระบุว่าพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท องคมนตรีและอดีตนายกรัฐมนตรีจะคืนที่ดินเขายายเที่ยงให้กับรัฐเร็วๆ นี้ว่า กรณีดังกล่าวพิสูจน์ชัดว่ามีส.ว.กลุ่มหนึ่งทำตัวเป็นข้ารับใช้ระบอบอำมาตย์ เพราะไม่มีเหตุผลใดเลยที่อยู่ๆ นายคำนูณกับพวกจะใช้ตำแหน่ง ส.ว.มารับหน้าที่โฆษกประจำตัว พล.อ.สรุยุทธ์ การที่นายคำนูณบอกว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จะคืนที่ดินเขายายเที่ยงให้กับรัฐ หมายความว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ได้ตัดสินใจสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต สละที่ดินเพื่อรักษาที่ยืนใช่หรือไม่ เพราะการครอบครองที่ดินเขาป่าสงวนตลอดหลายปีที่ผ่านมา พล.อ.สุรยุทธ์ ไมมีทีท่าจะยอมรับหรือคืนที่ดินให้กับรัฐมาก่อน แต่เมื่อคนเสื้อแดงประกาศจะขึ้นไปจึงจนมุมและหาทางออกว่าจะคืนที่ดิน ซึ่งเป็นเพียงละครฉากหนึ่งที่ให้สมุนออกมาแถลงเท่านั้น

 

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวมันไม่ง่ายแบบนั้นพล.อ.สุรยุทธ์ ทำปิดกฎหมายมาหลายปีจะคืนที่ดินแล้วจบกันคงไม่ได้ เพราะในทางกฎหมายถือว่าได้ทำความผิดสำเร็จไปแล้ว ดังนั้นพล.อ.สุรยุทธ์ ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามกฎหมายด้วยสถานะความเป็นองคมนตรีและสถานะ ของผู้มีคุณธรรมและจริยธรรม นอกจากนี้ พล.อ.สุรยุทธ์ต้องแสดงความรับผิดชอบมากกว่าการคืนที่คือ 1 . ต้องทบทวนว่าเหมาะสมว่าจะดำรงตำแหน่งองคนตรีต่อไปหรือไม่ 2.มีความชอบธรรมที่จะดำรงตำแหน่งประธานมูลนิธิอนุรักษ์ผืนป่าเขาใหญ่หรือไม่ เพราะ พล.อ.สุรยุทธ์ ทำตัวเป็นสมภารกินไก่วัดครอบครองป่าสงวนเสียเอง และ 3.มีความสง่างามเพียงพอที่จะเป็นผู้มีคุณธรรมจริยธรรมอย่างที่เคยเป็นมา หรือไม่

 

"แม้จะมีการคืนที่ดินให้กับรัฐบาลแต่ก็ไม่มี ผลต่อความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง นัดหมายที่เขายายเที่ยงในวันที่ 11 มกราคมนี้ยังคงเดิม เพราะเราไม่เชื่อถือคนกลุ่มคนจะแสดงออกด้วยสำนึกและความจริงใจ แต่สร้างละครเมื่อจนมุมเท่านั้น ขณะนี้ พล.อ.สุรยุทธ์อยู่ในอาการเมาหมัด เพราะเมื่อมีข่าวว่าคนเสื้อแดงจะไปเขายายเที่ยงก็ออกมาบอกว่าจะเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดนดุก็บอกว่าเจรจาแล้ว วันนี้เมื่อคนเสื้อแดงเตรียมจะไปเขายายเที่ยงก็ส่งนายคำนูณกับพวกออกมาบอก ว่าจะคืนที่ดิน" นายณัฐวุฒิกล่าว

 

 

นายอุทัย สังข์จันทึก กำนันตำบลคลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา กล่าวถึงการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่นัดชุมนุมบุกเขายายเที่ยง ต.คลองไผ่ว่า เขายายเที่ยงมีพื้นที่ทั้งหมด 19,375 ไร่ เป็นแนวเขตติดกับป่าหัวเขาเตียนกับเขาเขื่อนลั่น มีพื้นที่ส่วนหนึ่งตามมติ ครม.ปี พ.ศ. 2518 ให้ชาวบ้านสามารถจับจองเป็นที่อยู่อาศัยและทำกินได้ แต่ห้ามซื้อขายหรือโอนกรรมสิทธิ์ ยกเว้นเป็นการสืบทอดทางมรดกทางพ่อแม่เท่านั้น โดยมีจำนวน 2 หมู่บ้าน คือ หมู่บ้านเขายายเที่ยงเหนือ หมู่ 6 จำนวน 251 ครัวเรือน ประชากร 474 คน หมู่บ้านเขายายเที่ยงใต้ หมู่ 10 จำนวน 209 ครัวเรือน ประชากร 452 คน ส่วนบ้านพักองคมนตรี จะอยู่ในเขตหมู่บ้านเขายายเที่ยงใต้

 

 

นายอุทัย กล่าวว่า การนัดชุมนุม ซึ่งเป็นเรื่องของการเมือง ชาวบ้านตำบลคลองไผ่ที่ไม่มีใครสวมสีเหลืองหรือสีแดง จึงขอวางตัวเป็นกลางและไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่เราจะเฝ้าดูป้องกันทรัพย์สิน ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เขาจะตั้งเวทีอะไรก็ตาม ก็ไม่ควรเข้ามาสร้างปัญหา ความวุ่นวายให้กับชาวบ้าน หากมีการบุกรุกหรือทำลายทรัพย์สิน จะใช้สิทธิความถูกต้องปกป้องอย่างสุดชีวิต และใช้กระบวนการทางกฎหมายดำเนินการผู้กระทำ

 

กำนัน ต.คลองไผ่ กล่าวต่ออีกว่า เท่าที่พูดคุยกับ พ.ต.ท สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมาและนายเขื่อนเพชร โพนรัมย์ แกนนำ ที่จะพาม็อบมาเขายายเที่ยง ได้รับปากว่าเป็นการแสดงออกทางการเมืองที่ไร้ซึ่งมาตรฐาน มีการเลือกปฏิบัติในการดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยพวกเขาจะไม่สร้างปัญหาให้กับชาวบ้านอย่างแน่นอน ซึ่งชาวบ้านก็ไม่ขัดขวางในการเคลื่อนไหวของเขา มีแต่จะปกป้องสิทธิส่วนบุคคล

 

 

นายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงเตรียมชุมนุมที่เขายายเทียง จ.นครราชสีมาว่า ได้เตรียมเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ในพื้นที่ทั้งหมด และประสานตำรวจคอยอำนวยความสะดวก เพื่อคอยชี้แจงข้อมูลข้อสงสัยให้กลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งก่อนหน้านี้ ทส.ได้ชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับที่ดินเขายายเที่ยงกับตัวแทนกลุ่มเสื้อแดงที่มาเรียกร้องก่อนปีใหม่ ไปแล้วว่ากรมป่าไม้กำลังขอคำปรึกษาและข้อมูลจากอัยการมาประกอบการพิจารณา

 

ส่วนนายธวัชชัย สำโรงวัฒนา อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวว่า ที่ดินเขายายเที่ยงอยู่ในความดูแลของหลายหน่วยงานราชการ ดังนั้นการจะพิสูจน์ว่าเป็นเขตพื้นที่บุกรุกหรือไม่ จะต้องใช้เอกสารหลักฐานพิสูจน์ร่วมกัน โดยใช้แผนที่ทางอากาศของกรมพัฒนาที่ดินเป็นเกณฑ์ เพื่อดูเรื่องความลาดชันเกิน 35% หรือไม่

 

ด้านนาย ชลธิศ สุรัสวดี รองอธิบกรมป่าไม้ กล่าวว่า ได้รับข้อมูลจากสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 จ.ขอนแก่น รวมทั้งข้อมูลจากทาง จ.นครราชสีมาแล้วว่าทางอัยการจังหวัดสีคิ้ว ได้มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องในกรณีของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือว่า พล.อ.สุรยุทธ์ไม่มีความผิดตามที่ถูกฟ้องร้องในเรื่องการบุกรุก โดยผลจากการที่อัยการจังหวัดสีคิ้วสั่งไม่ฟ้องเด็ดขาดนั้นกรมป่าไม้ได้ส่งหนังสือถึงอัยการจังหวัดสีคิ้วเพื่อขอดูสำนวนในกรณีดังกล่าวว่าสาเหตุที่อัยการจังหวัดสีคิ้วสั่งไม่ฟ้องนั้นคืออะไร เพราะกรณีดังกล่าวเป็นฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาและความผิดตาม พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติด้วย หากดูสำนวนแล้วถ้ามีข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเราก็ต้องดำเนินคดีต่อ

 

นอกจากนั้นกรมป่าไม้ยังได้ทำหนังสือถึงสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อสอบถามด้วยว่าหลังจากได้รับคำสั่งไม่ฟ้องแล้วกรมป่าไม้จะต้องดำเนินการและมีวิธีปฏิบัติอย่างไรต่อไป และเมื่อคดีที่เอกชนร้องทุกข์กล่าวโทษจบไปแล้ว กรมป่าไม้ในฐานะหน่วยงานราชการยังต้องเป็นโจทย์ยื่นฟ้องในเรื่องเดียวกันอีกหรือไม่

 

เมื่อถามว่าวันที่ 11 ม.ค. นี้คนเสื้อแดงจะไปชุมนุมที่เขายายเที่ยง กรมป่าไม้เตรียมรับมือหรือจัดคนลงพื้นที่ไปชี้แจงต่อคนเสื้อแดงหรือไม่ นายชลธิศ กล่าวว่า ทางกรมป่าไม้ยังไม่ได้สั่งการว่ามาให้คนลงไปชี้แจงในพื้นที่ อย่างไรก็ตามตนในฐานะคนของกรมป่าไม้มองว่าทรัพยากรไม่ใช่เรื่องของการเมือง แต่เป็นเรื่องของคนทั้งชาติ ไม่ว่าคนที่มาจากสีไหนก็ควรจะต้องรักษาไว้ซึ่งทรัพยากร ถ้าจะเอาทรัพยากรไปเป็นเครื่องต่อรองทางการเมืองตนว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ทุกคนที่ตัดต้นไม้ถือว่ามีความผิดทั้งหมด ไม่เลือกปฏิบัติไม่เลือกสี

 

“วันนี้ทุกคนคำนึงถึงผลประโยชน์แห่งกูไม่มีใครคำนึงถึงผลประโยชน์แห่งชาติ ทุกคนเป็นคนไทยตามรัฐธรรมนูญจะตีกันผมไม่ว่าแต่อย่าเอาเรื่องทรัพยากรไปยุ่ง ขอความกรุณาอย่าเอาทรัพยากรมาเป็นเรื่องต่อรองทางด้านการเมืองเลย เพราะทรัพยากรเป็นของบรรพบุรุษและลูกหลานที่จะต้องใช้ร่วมกันต่อไปในอนาคต” รองอธิบดีกรมป่าไม้กล่าว

 

 

พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน จ.ขอนแก่น ขณะมาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอนแก่น เกี่ยวกับ นปช. คนเสื้อแดงจะเดินทางไปชุมนุมที่เขายายเที่ยง จ.นครราชสีมาว่า เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา นายประจักษ์ สุวรรณภักดี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พล.ต.ท.เดชาวัตร รามสมภพ ผบช.ภ.3 ผู้แทนกรมป่าไม้ อนุรักษ์พื้นที่ป่าเขาใหญ่ที่เกี่ยวข้องเขายายเที่ยง พร้อมกับอธิบดีอัยการเขต 3 ได้ร่วมกันสรุปสถานการณ์ ที่บริเวณเขายายเที่ยง และปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับเขายายเที่ยงเช่นกัน

 

จากการสรุปปัญหาเขายายเที่ยง จ.นครราชสีมา ที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง ซึ่งเป็นข้อความชัดเจน เพราะมีข้อความของกรมป่าไม้สรุปจากมติ ครม. เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2518 ข้อ 2 ที่มีข้อความระบุว่า ในพื้นที่ที่เป็นปัญหาอยู่นั้น กรมป่าไม้ได้เคยจัดเป็นหมู่บ้านป่าไม้ ซึ่งเป็นพื้นที่ทำกิน ขณะนั้นกรมป่าไม้ได้ออกเป็นเอกสารชั่วคราว และได้มอบให้ราษฎรได้ทำกิน โดยมอบพื้นให้ทำกินรายละ 14 ไร่ กับที่อยู่อาศัย 2 งาน ซึ่งการครอบครองพื้นที่ดังกล่าวจะต้องตกทอดสู่ทายาทโดยธรรม

 

พล.ท.วีร์วลิต กล่าวเพิ่มเติมว่า เงื่อนไขดังกล่าว จึงเป็นสำนวนทำขึ้นส่งให้อัยการ ส่งต่อมาที่กรมป่าไม้ กรมป่าไม้จึงต้องพิจารณาข้อเสนอแนะของอัยการ เมื่อกรมป่าไม้ปฏิบัติตามระเบียบของหมู่บ้านป่าไม้แล้ว การบุกรุกที่ป่าเขายายเที่ยงจึงไม่ผิด ซึ่งตนเชื่อว่าเหตุการณ์ต่างๆน่าจะคลี่คลายไปทางที่ดีขึ้น เพราะที่ป่าเขายายเที่ยง ได้ดำเนินการไปตามกฎหมายอยู่แล้ว

 

อย่างไรก็ตาม การไปชุมนุมของคนเสื้อแดงที่เขายายเที่ยง ในวันที่ 11 ม.ค. 53 ไม่มีการวางกำลังทหารแต่อย่างไร ซึ่งตนได้ให้แนวทางว่า ขอให้ใช้การเจรจาเป็นหลัก พร้อมกับใช้หลักสันติวิธี ไม่ต้องการเห็นการกระทบกระทั่ง หรือเกิดความรุนแรงใดๆทั้งสิ้น พร้อมกับมอบหมายให้ตำรวจภูธรภาค 3 รับผิดชอบในเรื่องนี้โดยตรง ซึ่งจะต้องจัดกำลังเพียงควบคุมสถานการณ์ พร้อมกับใช้เจรจาแบบสันติวิธี ห้ามใช้กำลังความรุนแรงโดยเด็ดขาด

 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานที่ลานกว้างติดถนนสายเอเชียใกล้อู่ไพศาลยนต์ ถนนสายเอเชีย ต.บ้านหว้า อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นที่ดินของญาติ นายสุรเชษฐ์ ชัยโกศล ส.ส.พระนครศรีอยุธยา เขต 2 พรรค เพื่อไทย พบว่ากลุ่มคนเสื้อแดงในเขต จ.พระนครศรีอยุธยา ทุกกลุ่มได้รวมตัวกันจัดงานสังสรรค์ทางการเมืองโดยจัดเลี้ยงโต๊ะจีนจำนวน 500 โต๊ะ ซึ่งเป็นการขายบัตรโต๊ะจีนโต๊ะละ 1,000 บาท เพื่อระดมทุนในการจัดงานและใช้เคลื่อนไหวเพื่อขับไล่รัฐบาลต่อไป

 

ทั้งนี้มีแกนนำ นปช.ครบทีม มาร่วมงาน และยังมีกลุ่มคนเสื้อแดงจากหลายจังหวัดโดยเฉพาะในเขตภาคกลางมาร่วมกิจกรรม จำนวนมาก ทั้งนี้ยังมีการตั้งเวทีปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล และการละเมิดกฎหมายของเหล่าองค์มนตรีหลายคนที่ตั้งใจกระทำผิดกฎหมาย และรัฐบาลก็ไม่ดำเนินการอะไรถือเป็นการใช้กฎหมายสองมาตรฐาน

 

อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กำหนดโฟนอินวีดีโอลิงเข้ามาที่เวทีกลางของการจัดงานในเวลา 20.00 น. โดยกำหนดอวยพรปีใหม่เสื้อแดงอยุธยาและเสื้อแดงที่มาร่วมงาน

 

นางสุชาดา พวงโต แกนนำคนเสื้อแดงอยุธยาเขตเมือง แกนนำจัดงาน กล่าวว่า ได้รับความร่วมมือจากคนเสื้อแดงจำนวนมากในการจัดงานวันนี้ และเสื้อแดงอยุธยาพร้อมจะร่วมกิจกรรมของ นปช.ทุกครั้ง โดยยืนยันพวกเราจะไปร่วมกิจกรรมชุมนุมที่เขายายเที่ยง ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ในวันที่ 11 มกราคม 53 เพื่อโจมตีการทำผิดกฎหมายของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี วันนี้ถือเป็นการซักซ้อมและอุ่นเครื่องก่อนจะบุกเขายายเที่ยงเพื่อชี้ให้ เห็นว่ามีการบุกรุกที่หลวงจริง

 

 

นางสาวชลดา บุญเกษม ประธานเครือข่ายประชาชนเพื่อการเลือกตั้ง จ.พระนครศรีอยุธยา หรือ พีเน็ตอยุธยา กล่าวเมื่อวันที่ 7 มกราคม ว่า ถึงกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงนัดชุมนุมที่เขายายเที่ยงในวันที่ 11 มกราคม เพื่อกดดัน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ที่ถือครองบ้านพักอยู่ในพื้นที่ ดินบนเขายายเที่ยง ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ว่า กลุ่มคนเสื้อแดงไม่ควรออกมาเคลื่อนไหวข่มขู่ จะบุกยึดที่ดินบนเขายายเที่ยง เพื่อทำเกษตรกรรม โดยอ้างสิทธิเหมือนกับ พล.อ.สุรยุทธ์ เพราะการเคลื่อนไหวดังกล่าว จะทำให้เกิดความวุ่นวายและรุนแรงแน่นอน ด้วยชาวบ้านเขายายเที่ยง ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างรุนแรงแล้วเช่นกัน ตรงจุดนี้ไม่ควรนำเอาพลังของมวลชนมาชนกระสานงากับมวลชนด้วยกันเอง เพราะประเทศมีแต่จะเสียหาย อะไรที่หลีกเลี่ยงได้ก็ควรจะเร่งดำเนินการ กลุ่มคนเสื้อแดงจุดชนวนเผาไปรอบบ้านเมือง โดยเมื่อไม่สามารถที่จะล้ม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้ก็เปลี่ยนแนวคิดไปจ้องที่จะล้ม พล.อ.สุรยุทธ์ แทน โดยพยายามจะเชื่อมโยงว่าเป็นกลุ่มอำมาตยาธิปไตยเหมือนกัน

 

นางสาวชลดา กล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาในเรื่องข้อกฎหมายเชื่อว่าแนวทางใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญปี 50 ต่อไป โดยมีการแก้ไขบางมาตรา เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้นั้นเป็นแนวทางที่ดีที่สุด แต่ที่สำคัญคือต้องไม่แก้ไขในส่วนของสถาบันพระมหากษัตริย์ และไม่ควรแก้กฎหมายเพื่อฟอกความผิดให้นักการเมืองและแก้ไขเพื่อประโยชน์ของ นักการเมือง ดังนั้นการที่จะนำเอากฎหมายรัฐธรรมนูญปี 40 กลับมาใช้จึงไม่ควรเพราะจะทำให้ปัญหาในบ้านเมืองทวีความรุนแรงมากขึ้น

 

"ล่าสุดประชาชนทั่วไปตำหนิการการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มการเมือง ในสภาทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และการเมืองข้างถนนทุกกลุ่มสีเสื้อ เพราะแสดงจุดยืนที่สุดโต่ง ไม่คิดที่จะถอนคนละก้าวเพื่อรักษาประเทศชาติ มันแต่ปักหลักยึดมั่นถือมั่นแต่ในความคิดของพวกตัวเอง และปิดกั้นความคิดของคนอื่น ชาวบ้านทุกคนได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายทางการเมืองแล้ว เพราะเศรษฐกิจของชาติฝืดเคือง ปัญหาทุกด้านทวีความรุนแรงตามปัญหาการเมืองไปแล้ว" นางสาวชลดา กล่าวย้ำ

 

ที่มาข่าวเรียบเรียงจาก: เว็บไซต์คมชัดลึก, เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์, มติชนออนไลน์