Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

 

"เขาให้เราไป เราก็ต้องไป เขาให้เราอยู่เราก็ต้องอยู่ ไม่ว่าจะที่นี่ เล่อป่อเฮอ หรือที่แบเกลาะ (ค่ายผู้ลี้ภัยแม่หละ)" นี่เป็นสิ่งที่นอแมเลจากพื้นที่รองรับหนองบัวบอกผมไว้ เมื่อกันยายนปีก่อน
 
นอแมเล เป็นหญิงร่างท้วมที่กรำงานหนักจนดูแก่กว่าอายุจริง ทุกครั้งที่เจอผมเผลอเรียกเธอว่าป้าทุกที ทั้ง ๆ ที่อายุของเธอเพียงสามสิบห้า เสียงของนอแมแลยังก้องอยู่ในหู ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลในครั้งนั้นยังติดอยู่ในตาของผม และวันนี้ครอบครัวของเธอและเพื่อนๆ รวม 3 ครอบครัว 12 คน ได้ถูกส่งข้ามแม่น้ำเมยกลับไปที่เล่อป่อเฮอบ้านของเธอแล้ว เมื่อเวลาราว 8 โมงเช้าของวันศุกร์ ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2553
 
"เราเชื่อว่านี่ไม่ใช่การจัดการของยูเอ็น เพราะว่าเมื่อเช้า ระหว่างการส่งกลับคนชุดแรก คนชุดที่สองกำลังเก็บข้าวของเตรียมตัวไป ก็มีเจ้าหน้าที่ยูเอ็นมา และทหารชุดที่กำลังดำเนินการส่งกลับก็เปลี่ยนท่าทีทันที”
 
“คิดดูสิว่า จากที่กำลังช่วยขนของขึ้นรถเพื่อจะไปส่งตรงท่าน้ำ กลับหันไปแกล้งถามคนที่กำลังขนของมารอรถอยู่ว่า จะไปไหน" ชายชราเพื่อนบ้านของนอแมเลบอกกับผม รอยยิ้มแปลก ๆ ผุดขึ้นที่มุมปากแก
 
เรานั่งคุยกันอยู่บนบ้านไม้ไผ่ที่ผนังถูกรื้อออกเตรียมการขนย้าย เจ้าของบ้านที่ขาขาดทั้งสองข้างเนื่องจากเหยียบกับระเบิดเมื่อฤดูฝนที่ผ่านมานั่งฟังอยู่ข้างๆ ผมไม่มีโอกาสนี้นานแล้ว แต่อยู่ๆ เมื่อคืนวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ทหารก็ถอนกำลังออกไปเหลือแต่อ.ส.คนเดียว ทหารนอกเครื่องแบบที่วนเวียนอยู่ก็ไม่มีทีท่าจะตรวจตราการเข้าออกอย่างที่เข้มงวดชนิดไก่ก็ยังหลงหูหลงตาได้ยากเหมือนตลอดราว 3 เดือนก่อน
 
แดดค่อยๆ ผ่อนแสงลงส่องเพิงไผ่ผุๆ ที่มุงด้วยเต็นท์ขาดๆ จนภาพทั้งหมดเป็นสีเหลืองทอง ...หากไม่มีเด็กตัวเล็กๆ วิ่งขวักไขว่เจี๊ยวจ๊าว ที่นี่คงเป็นเพียงพื้นโล่งที่มีแต่กองไม้ไผ่และผ้าใบเก่าเป็นหย่อม ๆ แต่สำหรับหลายคนการอยู่บนเพิงผุแบบนี้ก็ยังดีกว่าต้องกลับไปในบ้านใหญ่แข็งแรงที่เขาลงแรงสร้างมากับมือ ในฝั่งพม่า
 
"ตอนที่ทหารพากลับไปดูบ้านเมื่อครั้งก่อน ฉันต้องระวัง ต้องวางเท้าลงให้พอดีกับรอยเท้าของคนข้างหน้า เราไม่กล้าก้าวเกินออกนอกเส้นทางที่เขานำเด็ดขาด” หญิงชราที่แนบหลานกำพร้าที่กำลังป่วยไว้กับอก เล่าให้ผมฟัง แกคอยกระชับตัวหลานให้แน่นขึ้นทุกครั้งเมื่อเด็กเกร็งตัวไอขณะที่ดวงตาน้อย ๆ ทั้งสองข้างปิดสนิทเหมือนไม่รับรู้อะไร
 
“บางครั้งข้างทางเห็นชัดๆ ว่ามีรอยดินพูนขึ้นมาเป็นรอยกลมๆ” นั่นคือกับระเบิดที่มองเห็น แล้วที่มองไม่เห็นล่ะ ผมคิด
 
“ฉันโชคไม่ค่อยดีเท่าไหร่ บ้านที่เคยอยู่ บ้านที่ลูกชายของฉันสร้างมากับมือ มีเสาต้นขนาดที่ผู้ชายแข็งแรงต้องช่วยกันยกถึง 6 คน ตอนนี้ถูกรื้อไปสร้างบ้านพักทหารเรียบร้อยแล้วแต่บางคนก็แย่กว่านั้น บ้านถูกเผาทั้งหลัง"
 
หญิงชราก้มมองหน้าหลานที่กำลังหลับอยู่ ก่อนจะบอกผมว่า "ฉันไม่กล้ากลับหรอก ห่วงก็หลานตัวเล็กนี่ มันเริ่มเดินเตาะแตะแล้วนะ ถ้ากลับไปจริง คงไม่กล้าให้มันเดินลงไปเล่นใต้ถุนบ้าน เพราะน้ำหนักแค่ 10 กว่ากิโลก็เหยียบกับระเบิดแตกได้แล้ว"
 
"กลับไปตอนนี้ ทางทหารโพกหัวเหลือง (โคะพะบอ หมายถึง ทหารดีเคบีเอที่โพกหัวเหลือง) เองก็ไม่กล้ารับรองความปลอดภัยอะไรให้กับเรา ตอนประชุมเขาก็บอกชัดๆ อยู่เขาแค่สัญญาว่าจะไม่ใช้แรงงาน ไม่บังคับเราไปหาบของเป็นทหาร ...แต่จะเชื่อได้หรือ ในช่วงแรกอาจจะใช่ แต่พออยู่ไปอยู่มา ก็ไม่แน่”
 
“ถ้ากลับไป เดี๋ยวๆ ก็ต้องมีการตั้งกฎต่างๆ ขึ้นมาแล้วก็เป็นข้ออ้างให้ลงโทษผู้ทำผิด การลงโทษก็คือการใช้แรงงานไง หรือไม่นะ วันดีคืนดี มีหัวหน้าทหารต่างถิ่นเข้ามา ก็ต้องจัดงานเลี้ยง ข้าวปลาอาหารก็ต้องมาจากชาวบ้าน ...ลุงเคยอยู่มาแล้ว ลุงรู้” สามีของหญิงชราพูดขึ้นบ้าง หลังจากที่นั่งเงียบฟังอยู่นาน
 
ผมเห็นแกมีสีหน้าอัดอั้นตันใจเกินทน "แล้วตอนนี้ยิ่งลำบากรู้มั้ย บ้านของเราถูกรื้อ ไม้ถูกเอาไปสร้างค่ายทหารแล้ว เราก็ต้องทำใหม่ แล้วสถานการณ์แบบนี้ กับระเบิดอยู่ตรงไหน อย่าว่าแต่จะไปตัดไม้สร้างบ้าน แค่จะออกไปเด็ดผักเด็ดปลา ยังไม่รู้เลยจะทำได้ไหม แล้วจะให้เราอยู่ยังไง สู้อยู่อย่างนี้...ในบ้านผุๆ แบบนี้อยู่ไปเรื่อย ๆ ทนให้เขาไล่ ลุงยังปลอดภัยกว่า"
 
อื่ม...เขาไล่ยังไงกัน ผมถามออกไปเบาๆ
 
"จะเรียกว่าไล่เลยก็ไม่ใช่ละ แต่ไอ้ที่มาถามเราทุกวัน วันละ 2-3 ครั้ง คอยตรวจรายชื่อคนเข้าออกตลอดโดยไม่สนใจเหตุผลว่าเราไปที่ไหน ถ้ามาตรวจแล้วไม่เจอเราก็ตัดชื่อเราจากบัญชีรับอาหารทันทีน่ะ ไม่ไล่ก็คือไล่ เดี๋ยวๆ ก็มาบอกอีกว่า ถ้าอยู่ต่อฝรั่งจะไม่ให้ข้าวกินแล้ว”
 
“หลานชายคนที่ขาขาดสองข้างน่ะ ตอนนี้เขาไม่ได้มีชื่ออยู่ในรายชื่อที่ได้รับส่วนอาหารนะ บัญชีทหารถึงได้มีผู้ลี้ภัยน้อยนักไง หลานคนนี้ ช่วงเดือนแรกๆ เขาเหยียบกับระเบิดก็ไปอยู่โรงพยาบาล ชื่อเลยถูกคัดออกอยู่โดยที่ไม่ได้ข้าวมา 5 เดือนกว่าแล้ว คนอื่นต้องเอาข้าวแบ่งให้ ที่แย่กว่านี้ คือลูกสาวคนเล็กของเขาที่เคยได้ข้าว ครั้งล่าสุดนี้กลับไม่ได้ เพราะข้าวไม่พอ”
 
ผมฟังทั้งหมดแล้วก็นึกถึงอีกรายงานที่มีคนบอกว่า “กลับไป ดีเคบีเอคงควบคุมเรา แต่มันอาจจะดีกว่าการควบคุมของทหารไทยก็ได้ ใครจะกล้าอยู่ทั้งที่โดนไล่ทุกวัน” หลาย ๆ คนคิดว่า ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจะกลับไปตายที่บ้านเกิด
 
เย็นย่ำอาทิตย์ลับขอบฟ้า ผมนั่งอยู่ทางฝั่งนี้ เหม่อมองไปอีกฝั่งของแม่น้ำ ไม่รู้ว่าค่ำคืนนี้ของ นอแมเล และเพื่อน ๆ รวม 12 คนในบ้านที่พวกเขายังไม่พร้อมที่จะกลับจะผ่านพ้นไปยังไง
 
แต่ผมคิดว่าพวกเขาคงจะต้องพยายามเอาชีวิตรอดอย่างที่สุด หนึ่งในหนทางอันน้อยนิดที่มีก็คือการแอบกลับมาเมืองไทย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net