Skip to main content
sharethis

โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าเผยเกิดเหตุระเบิดที่นราธิวาสวันเดียว 7 จุด เป้าหมายส่วนใหญ่เป็นธนาคาร ยันไม่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่กรุงเทพฯ ระบุนับตั้งแต่ ครม.ทราบผลทดสอบจีที 200 เกิดเหตุระเบิดแล้ว 27 ครั้ง เฉลี่ยเกิดวันละ 2 ครั้งมีผู้บาดเจ็บรวม 48 ราย

  
 

 
ภาพเหตุระเบิดทั่วนราธิวาส 2 มี.ค. ที่มาของภาพ: กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า
 

พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่าตลอดทั้งวันนี้ (2 มี.ค.) มีเหตุระเบิดเกิดขึ้นใน จ.นราธิวาส กว่า 7 แห่ง โดยเป้าหมายอยู่ที่ธนาคาร โดยเช้าวันนี้ เกิดเหตุคนร้ายลอบนำระเบิดแสวงเครื่องบรรจุไว้ในท่อเหล็กทรงกลมขนาดยาว 6 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 5 กก. จุดระเบิดด้วยนาฬิกาข้อมือแบบดิจิตอล จุดแรกบริเวณตู้ ATM ชั้น 2 ของธนาคารออมสิน สาขาเมืองนราธิวาส แรงระเบิดส่งผลให้อาคารและตู้ ATM ได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ จุดที่ 2 บริเวณกระถางต้นไม้หน้าร้านเสริมสวย เลขที่ 66/2 ถนนวรคามพิพิธ หลังธนาคารออมสิน ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ จุดที่ 3 ระเบิดถูกนำไปซุกซ่อนไว้ในตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทยข้างสำนักงานเทศบาลเมืองนราธิวาสมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน

ต่อมาได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นอีก จำนวน 1 จุด บริเวณหน้าตู้ ATM ของธนาคารออมสิน สาขาตันหยงมัส อ.ระแงะ ทำให้ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 1 คน จากการตรวจสอบพบว่า เป็นระเบิดแสวงเครื่อง ใส่ไว้ในกระป๋องเครื่องดื่มน้ำอัดลม หนัก 1 กก. จุดชนวนด้วยการปลุกจากนาฬิกาข้อมือแบบดิจิตอล และอีก 1 จุด ห่างจากที่เกิดเหตุธนาคารออมสินประมาณ 500 เมตร พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดวางไว้ที่บริเวณหน้าตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทย สาขาตันหยงมัส อีกจำนวน 1 ลูก เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบ และทำลายได้ ตรวจสอบพบเป็นระเบิดชนิดเดียวกัน คือใส่ไว้ในกระป๋องน้ำอัดลมและจุดชนวนด้วยการปลุกจากนาฬิกาข้อมือแบบดิจิตอล

จากนั้น ที่พื้นที่ จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบวัตถุต้องสงสัย จำนวน 2 จุด โดยจุดที่ 1 เมื่อเวลา 07.45 น. บริเวณหน้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาสุไหงโก-ลก เขตเทศบาลสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส จากการตรวจสอบเป็นระเบิดแสวงเครื่อง จุดชนวนด้วยนาฬิกาตั้งเวลา น้ำหนักประมาณ 1 ก.ก. เจ้าหน้าที่ได้ทำการยิงทำลายได้ และจุดที่ 2 เวลา 07.45 น. บริเวณหน้าธนาคารกรุงเทพ สาขาสุไหงโก-ลก เขตเทศบาลสุไหงโก-ลก จากการตรวจสอบเป็นระเบิดแสวงเครื่องจุดชนวนด้วยนาฬิกาตั้งเวลาเจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้ไว้ได้

จากเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นการกระทำของผู้ก่อเหตุรุนแรง ที่มุ่งทำลายระบบการเงิน การธนาคารพร้อมกันหลายจุด โดยหวังให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการต่อเนื่อง 3 วัน เมื่อเปิดทำการวันแรกจะมีประชาชนใช้บริการที่ธนาคารจำนวนมาก และเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการสร้างสถานการณ์ป่วนเมืองใน กรุงเทพมหานครแต่อย่างใด

ประกอบกับในห้วงเวลาที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติงานเชิงรุกมากขึ้น โดยการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ และได้เกิดการปะทะกับผู้ก่อเหตุหลายครั้ง ทำให้ผู้ก่อเหตุระเบิดระดับแกนนำปฏิบัติการเสียชีวิต จึงอาจเป็นไปได้ว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุพยายามก่อเหตุระเบิดเพื่อหวังแก้แค้น พร้อมกับแสดงศักยภาพของกลุ่มตน แม้ว่าแกนนำคนสำคัญจะได้เสียชีวิตไปแล้วก็ตาม

โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้ากล่าวด้วยว่า เป็นที่น่าสังเกตอีกว่า นับแต่วันที่ 16 ก.พ.53 ซึ่งภายหลังคณะรัฐมนตรีรับทราบผลการทดสอบเครื่องตรวจมวลสารระยะไกล (จีที 200) ได้มีการก่อเหตุระเบิดมาแล้ว 27 ครั้ง เฉลี่ยวันละประมาณเกือบ 2 ครั้ง แยกเป็นเหตุระเบิด 17 ครั้ง และสามารถเก็บกู้ทำลายได้ 10 ครั้ง ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น 48 ราย แยกเป็นทหาร 25 นาย ตำรวจ 3 นาย และประชาชนทั่วไป 20 ราย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net