Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2553 ที่ผ่านมา มีข่าวออกมาจากทางทหารพรานชุดที่ดูแลความเรียบร้อยบริเวณแค้มป์ผู้ลี้ภัยชั่วคราวบ้านหนองบัวว่า “เขาจะย้ายผู้ลี้ภัยที่บ้านหนองบัวไปยังแค้มป์ชั่วคราวที่บ้านอุสุทะในวันจันทร์ที่ 8 มีนาคมนี้” ข่าวลือนี้ทำให้ผู้ลี้ภัยจำนวน 29 ครอบครัว ย้ายหนีออกจากแค้มป์ไปในระหว่างวันที่ 5-8 มีนาคมที่ผ่านมา

หลังจากที่ชาวบ้านรอการตัดสินใจของฝ่ายต่างๆ ว่าจะคลี่คลายปัญหา “กดดันให้กลับบ้าน” มาเป็นเวลากว่าเดือน ข่าวลือจากทหารโดยที่ไม่มีการชี้แจงรายละเอียดว่า “เขา” ที่อ้างถึงนั้นคือใคร สร้างความวิตกกังวลให้กับผู้ลี้ภัยกลุ่มนี้เป็นอย่างมาก จนต้องย้ายออกไปยังหมู่บ้านกะเหรี่ยงไทยอื่นๆ และบางส่วนก็ข้ามกลับไปฝั่งพม่าเพื่อจะได้กลับย้อนกลับเข้ามาทางด้านอื่น

ก่อนหน้าที่จะมีข่าวลือนั้น มีผู้ลี้ภัยเหลืออยู่ในแค้มป์ 105 ครอบครัว จนต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ผู้ลี้ภัยที่เหลือเริ่มระส่ำระสาย และทยอยกันย้ายออกจากแค้มป์เป็นกลุ่ม ตั้งแต่วันที่ 5 ถึงบ่ายของวันที่ 8 มีนาคม มีผู้ทยอยออกไปนับรวมได้ 29 ครอบครัวกับ 1 คน และคาดว่าจะมีจำนวนคนที่ย้ายออกเพิ่มขึ้นอีก

ที่ผ่านมาในทุกวันที่ 1 ของเดือน องค์กร Thai Burma Border Consortium จะแจกอาหารปันส่วนของเดือนนั้น ๆ ครอบครัวที่จะย้ายออกจึงอยู่รอรับอาหาร เตรียมการเก็บข้าวของ และเริ่มย้ายออกในวันที่ 5 มีนาคม 6 ครอบครัว, วันที่ 6 มีนาคม 13 ครอบครัว, วันที่ 7 มีนาคม 7 ครอบครัว จนกระทั่งบ่ายวันที่ 8 มีนาคม อีก 3 ครอบครัว กับ 1 คน ก็ย้ายออกไปอีก รวมได้ 29 ครอบครัว 174 คน เกือบครึ่งเป็นเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ขวบ

ผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่ก็ย้ายไปอยู่กับญาติพี่น้องของตนในฝั่งไทย น้อยคนจะย้ายกลับไปฝั่งพม่า เนื่องจากกลับไปก็ยังไม่สามารถปลูกพืชเลี้ยงตัวเองได้ เพราะยังกังวลเรื่องกับระเบิดที่ถูกฝังอยู่ในไร่นา

ผู้ลี้ภัยหลายคนตั้งใจรั้งรอดูสถานการณ์อยู่ในฝั่งประเทศไทย และทหารที่มีหน้าที่รับผิดชอบก็เข้าใจดี การผลักดันให้กลับไม่ได้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่กล่าวอ้างว่าเพื่อลดปัญหาแรงงานเข้าเมืองผิดกฎหมายและการสวมบัตรประชาชน ดังที่ผู้บัญชาการทหารระดับสูงได้กล่าวไว้ เมื่อผู้ลี้ภัยกลุ่มนี้ยังอยู่ในประเทศไทย แต่ต้องใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆ ก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มความยากลำบากให้หน่วยงานที่ต้องคอยดูแลแน่นอน

มีผู้ให้ความเห็นว่าค่ายอุสุทะนั้นมีแหล่งน้ำเพียงพอและสะดวกกว่า อย่างไรก็ดีผู้ลี้ภัยจำนวนมากหวาดกลัวที่จะต้องย้ายไปที่นั่น เนื่องจากเกรงจะขาดการติดต่อกับโลกภายนอกอย่างคนที่อุสุทะ และไม่ไว้วางใจว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะปฏิบัติต่อตนอย่างไร อีกส่วนหนึ่งก็ไม่ต้องการย้ายไปไกลจากบ้านเดิมของตน

ข่าวลืออื่นๆ ที่ทหารพรานบอกกับผู้ลี้ภัย คือการจะย้ายผู้ลี้ภัยไปที่ค่ายนุโพ อ.อุ้มผาง จ.ตาก ซึ่งห่างไกลออกไปมาก หลายๆ คนหวาดกลัวว่าจะต้องถูกส่งไปไกลบ้านและหมดหนทางกลับบ้าน แต่เมื่อมีความพยายามจากแกนนำผู้ลี้ภัยและหน่วยงานต่างๆ ที่จะอธิบายว่า เหตุดังกล่าวไม่น่าเป็นจริง เพราะการขนส่งคนเป็นระยะไกลเช่นนั้นจะสิ้นเปลืองงบประมาณมาก

อีกประการหนึ่งทางศูนย์ข่าวข้ามพรมแดนได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวในพื้นที่เพิ่มขึ้นว่า ภายหลังการลงพื้นที่ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2553 แกนนำผู้ลี้ภัยรายหนึ่งถูกข่มขู่ไม่ให้อยู่ในพื้นที่อีกต่อไป เป็นคำถามที่ยังหาคำตอบไม่ได้จนบัดนี้ว่าเป็นเพราะอะไร?

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net