‘เครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง’ ออกแถลงการณ์เรื่อง ร่วมพลิกวิกฤตเป็นโอกาสโดยการสร้างพลังใหม่ทางการเมือง และอีกฉบับจาก ‘สภาธรรมาภิบาล’ หยุดทำร้ายประเทศไทย! ทุกขั้วอำนาจ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
0 0 0
แถลงการณ์
เครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง (คปสม.)
เรื่อง ร่วมพลิกวิกฤตเป็นโอกาสโดยการสร้างพลังใหม่ทางการเมือง
วันที่ 13 มีนาคม 2553
ตามที่กลุ่มเครือข่ายประชาชนจะมีการชุมนุมทางการเมือง ในวันที่ 14 มีนาคม 2553 ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว มีแนวโน้มว่าจะมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากและอาจเกิดความยุ่งยากในการจัดการทั้งฝ่ายผู้เข้าร่วมชุมนุมและการดูแลความสงบของภาครัฐ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสังคมในทุก ๆ ด้าน ทั้ง ยังไม่มีท่าทีว่าจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธีของทุกฝ่ายดังที่ทราบอยู่แล้วนั้น
ดังนั้นเครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง(คปสม.) ไม่ประสงค์ให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย และอาจลุกลามนำไปสู่ความรุนแรงเกิดความแตกแยกร้าวลึก ส่งผลกระทบต่อความสงบสุขและระบอบประชาธิปไตย จึงมีทัศนะท่าทีและจุดยืนพร้อมทั้งเรียกร้องมายังผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายตลอดจนประชาชนผู้รักชาติรักประชาธิปไตย ดังต่อไปนี้
1.เครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง(คปสม.) ขอสนับสนุนการชุมนุมทางการเมืองโดยสงบและปราศจากอาวุธ อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ
2.เครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง(คปสม.)เรียกร้องให้เครือข่ายประชาชนและทุกฝ่ายในสังคม ใช้โอกาสในการเรียนรู้และทำความเข้าใจสังคมไทยและระบอบประชาธิปไตยที่มีความหลากหลายอย่างแท้จริง
3.เครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง(คปสม.)ขอคัดค้านการใช้อำนาจจากฝ่ายรัฐ ที่นำไปสู่การลิดรอนสิทธิและเสรีภาพของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม และขอคัดค้านการทำรัฐประหารยึดอำนาจหรือล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
4.เครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง(คปสม.) ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเดินหน้าการแก้ปัญหาของคนจนทั่วประเทศ โดยเน้นการสร้างความเป็นธรรมทางสังคมอย่างเท่าเทียม
จึงขอเรียกร้องมายังกลุ่มต่าง ๆ ภาครัฐและประชาชนผู้รักประชาธิปไตย ร่วมกัน
พลิกวิกฤตที่จะเกิดขึ้นไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่และการสร้างโอกาสการเรียนรู้ เพื่อให้เกิดทิศทางใหม่ทางการเมือง โดยการร่วมกันสร้างการเมืองภาคพลเมืองให้เข้มแข็ง เป็นการเมืองที่มั่นคงของประชาชนหมู่มาก เป็นพลังใหม่ของการสร้างระบอบประชาธิปไตยที่มั่นคง เพื่อสร้างสังคมที่เป็นธรรมร่วมกัน
เครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง(คปสม.
วันที่ 13 มีนาคม 2553
0 0 0
แถลงการณ์ สภาธรรมาภิบาล
หยุดทำร้ายประเทศไทย! ทุกขั้วอำนาจ
13 มี.ค. 2553
1 ขอร้องอย่าทำร้ายประชาชน อย่าเอาชีวิตประชาชน อนาคตของประเทศมาเป็นเดิมพันในการแก่งแย่งอำนาจ
2 มีปัญหาขั้วอำนาจ ท่านใช้วิธีทางสภา อย่าใช้ชีวิตและเลือดเนื้อประชาชน และอนาคตประเทศไทยเป็นเดิมพัน หยุดใช้ชีวิตเลือดเนื้อประชาชนเป็นเหยื่อแห่งเกมส์แย่งอำนาจ
3 ในอดีตที่ผ่านมาประชาธิปไตยไม่ได้เกิดขึ้นจริงในการเลือกตั้งทุกยุคทุกสมัย หากเกณฑ์เลือกตั้งเหมือนเดิม ตรวจสอบไม่ได้ ไม่ได้สนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ ประชาชนถูกปล้นอำนาจ เพราะเกณฑ์การเลือกตั้งมีช่องว่างให้คนทุนหนาพวกเยอะ ผู้มีอิทธิพล เข้ามาได้มากกว่าคนดี ไม่ได้ส่งเสริมคนดีเข้ามามีอำนาจ แต่ส่งเสริม คนมีทุนมากพวกเยอะ เข้ามามีอำนาจ
ทางออกของประเทศ
1ต้องมีทีวีฟรีทีวีหนึ่งช่องให้ประชาชนเพื่อให้ข้อมูลประชาธิปไตย และข่าวสารอื่นๆ ที่ถูกต้องแก่ประชาชน ไม่ใช่เป็นสื่อของรัฐบาลทุกยุค แต่ประชาชนถูกมอมเมา
2 ต้องมีกรอบธรรมาภิบาลทุกหน่วยงานของรัฐ
3ต้องมีความเสมอภาคในการบังคับใช้กฎหมาย มีคณะลูกขุนในการไต่สวน
4 องค์กรอิสระ และกระบวนการยุติธรรม ต้องมีคุณธรรม ความเที่ยงตรง ไม่ได้เข้าข้างใคร แต่งตั้งโดยประชาชนทั้งประเทศ
5 การศึกษาให้ประชาชนมีความรักชาติ เสียสละ รักประชาชน พัฒนาคนให้มีศักยภาพ ไม่ใช่ป็นเหยื่อของธุรกิจ
6 ต้องแก้ไขเกณฑ์การเลือกตั้ง ไห้ประชาชนร่วมตรวจสอบมีงบประมาณสนับสนุน มีการลงชื่อในบัตรเลือกตั้งเพื่อป้องกันการโกงคะแนน
7 มีรัฐบาลเงาหรือสภาประชาชน ร่วมติดตาม เสนอแนะ นโยบายทุกรัฐบาล
8 ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำมัน ก๊าซ ทอง แร่ธาตุต่างๆ ของประเทศ ต้องจัดสรร อย่างเป็นธรรมไม่ใช่เป็นของนายทุนหรือนักการเมือง หรือชนชั้นปกครอง ได้ประโยชน์ แต่ประชาชนทั่วไปต้องจ่ายราคาแพงเพื่อให้ได้มา
thai9lee@gmail.com,kamolpar@yahoo.com
ชมรมพลังสตรีไทยสร้างชาติ
เครือข่ายพ่อแม่เยาวชนเพื่อการปฏิรูปการศึกษา
สมาคมเครือข่ายผู้ปกครองแห่งชาติ
ชมรมพิทักษ์แผ่นดินไทย
ชมรมคนพิการพัฒนาตนเองคลองเตย
เครือข่ายอนุรักษ์พลังงานเพื่อประชาชน
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)