เวลาไปต่างแดนแล้วอยากรู้ว่าประเทศนั้นเป็นยังไง วิธีเร็วๆ เบื้องต้นคือเปิดทีวีดู ทั้งประเภทรายการ หมวดโฆษณา สังเกตดีๆว่า ต่างถิ่นก็ผิดกัน บางทีคนละเรื่องไปเลย ทีวีอเมริกันมีโฆษณาหลักไม่กี่หมวด คือรถ ประกัน ยาแก้ปวด หัวใจ และเบาหวาน ทนายความ และฟาสต์ฟูด ส่วนใหญ่เป็นฮาร์ดเซลล์ คือไม่อ้อมแอ้ม บอกราคาตัวโตๆ เสียงดังๆ เข้าไว้ ส่วนโฆษณายาจั้กกะแร้ขาว ผิวขาว หาดูได้ที่ประเทศไทยที่เดียวเท่านั้น
อีกสื่อที่รับประกันความรู้ว่า ประเทศนั้นกำลังมีวิกฤตเรื่องอะไร คือโฆษณา campaign ครั้งแรกที่เห็นเหลียงเฉาเหว่ยในโฆษณารณรงค์ให้คนขายของในฮ่องกงพูดจาไพเราะกับลูกค้าก็ขำกิ๊ก เพราะเปิดมาเฮียแกโดนเจ๊ที่เคานท์เตอร์ตวาดจนวางของลงไม่กล้าซื้อ คล้ายกับที่ตัวเองเพิ่งโดนมา ซึ่งทำให้อุ่นใจได้ว่า ตัวเรามิได้ผิดปกติแต่อย่างใด แต่คนฮ่องกงเขาเป็นเช่นนั้นเองตะหาก ในแง่มุมนี้ ตัว campaign มิได้สามารถทำการแก้ปัญหาใดๆ เพียงแต่บอกสังคมทางกว้างว่า ค่านิยมแบบใดที่เราแสวงหา
สามวันนี้ ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนถูกป้อนสันติวิธีทุกคลิกที่เปิดเข้าหน้าข่าว จนคิดว่าต้องผิดปกติแน่ๆ ที่คนไทยเกิดรักสันติขึ้นมาอย่างเหลือล้นจนต้องเวียนเทียนส่งต่อใส่ปากคนอื่น ข้าพเจ้าคิดว่า มันเป็นสันติที่แหม่งๆ ชอบกล ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าตำราที่ได้รับการพิสูจน์จากประสบการณ์ว่า การใดที่รณรงค์กันอยู่อย่างเข้มข้น นั่นหมายความว่า ที่แห่งนั้นขาดแคลนสิ่งที่กล่าวถึงนั้นในขั้นวิกฤตินั่นเอง
แต่สันติวิธีมิใช่ทรัพยากรอันมีจำกัดที่ต้องหามาครอบครอง และไม่เคยมีใครต้องพูดถึงมันเวลาที่มีมันอยู่แล้ว ดังนี้แล้วข้อสังเกตจึงตกแก่ผู้พูด และนัยยะแห่งสารข้างหลังความโหยหาต้องการสันติ
ประการแรก อาการขออยู่ข้างความถูกต้อง เพราะอยู่ข้างนี้ถูกชัวร์ แต่ก็เป็นดังเช่น campaign คือไม่ส่งผลให้ได้มาซึ่งสันติด้วยตัวของมันเองแต่อย่างใด หากไม่ทำความเข้าใจเหตุแห่งการ “ไม่สันติ” ที่พึงเกิดขึ้นได้ พูดอีกอย่างคือ เป็นอาการไร้เดียงสาทางการเมืองอันแก้ไขได้ ถ้าไม่ได้เป็นคนเย็นชาทางสังคมหรือมัวเมาจนเกินไป ที่จริงแล้ว อาการนี้น่าจะเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่สุด ที่บริโภคอุปกรณ์แห่งสันติชั่วคราวผ่านทางเสื้อยืด และ avatar สันติวิธีในรูปแบบต่างๆ เช่น เฟซบุ๊ค
ประการที่สอง อาการขออยู่ข้างตรงข้ามกับพวกที่กำลังเดินขบวน นัยหนึ่งอาจเป็นความหวาดกลัวในใจตัวเอง ที่ไม่อาจยอมรับว่าอยากต่อต้านผู้ชุมนุมต่างความคิด เพราะจะเป็นท่าทีที่ไม่สันติเอาเสียเลย จึงบอกผ่านว่า การเดินขบวนเคลื่อนไหวนี้เป็นเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรง (แบบเดียวกับที่รัฐบาลพูด) หรือไม่สันติ ส่วนสันตินั้นอยู่ข้างตน และรอให้ผู้หลงผิดกลับใจ หรือได้แสดงอาการเมตตาต่อผู้หลงผิดตามมาตรฐานชนชั้นที่เหนือกว่าของฝ่ายที่มีคุณธรรม
หยุดเรียกร้องสันติวิธี
- หากการออกมาเรียกร้องนั้นยิ่งทำให้มันขาดแคลนน้อยลงไปอีก ด้วยว่าเป็นการเอาสันติวิธีมาอยู่ข้างตัว หรือเป็นเจ้าของมัน การผลิตเสื้อ โลโก้ และ campaign สันติวิธีใดๆ มาสวมใส่ มิได้ช่วยให้สันติแพร่ขยาย หากแต่จะลดแนวร่วมลงด้วยเหตุว่า ถ้าผู้สวมใส่นั้นสนับสนุนหรือสวมเสื้อสีอื่นมาก่อน มันจะกลายเป็นสันติที่น่าหวาดระแวงทันที
- หากการออกมาเรียกร้องสันติวิธี หมายถึงการกดทับอีกฝ่ายไม่ให้พูดหรือแสดงความเห็นในสิ่งที่คิดอย่างตรงไปตรงมา หรือนัยยะที่ว่า การเรียกร้องให้ยุบสภา หมายถึงการทำลายภาวะปกติ ทำลายสันติและความสงบ พึงนึกถึงตัวเองว่า หากภายภาคหน้าท่านต้องการเรียกร้องความเป็นธรรม ท่านจะอึดอัดเพียงใดที่มีคนมาบอกให้ท่านหุบปากเสียพร้อมข้อกล่าวหาเป็นผู้ไม่รักสันติ
- หากต้องการยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามผู้ชุมนุม จงออกมายืนอย่างสง่าผ่าเผย ไม่ใช่เรื่องผิดปกติใดๆ ที่สังคมจะมีคนที่มีความเห็นต่างกันอยู่ด้วยกัน แม้ว่าจะเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ เพราะนี่คือความจริงที่ต้องเลิกหลอกกันเสียทีว่า สังคมไทยนั้นไม่มีวุฒิภาวะพอจะยอมรับมันได้
ส่วนเพลงปลุกใจเช่น ‘รักกันไว้เถิด’ ในทีวี (ช่อง11) นั้น มิได้ช่วยให้ข้าพเจ้ารู้สึกรักเพื่อนมนุษย์ชาวไทยเพิ่มขึ้นเลย แต่ไพล่ไปนึกถึงบรรยากาศช่วงก่อนและหลังประกาศคณะปฏิวัติเสียมากกว่า ให้อารมณ์เตรียมพร้อมว่า มันจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอีกครั้งยังไงยังงั้น ไม่สันติเอาเสียเลย...ให้ตายสิ!
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)