ถ้อยคำทั้งหลายที่จะบรรยายต่อไปนี้เก็บความมาจากการชุมนุมของคนเสื้อแดงบนถนนราชดำเนิน..
“เรามาพร้อมกับข่าวที่ว่าจะนำน้ำมันเบนซินคนละขวดลิโพมาเผาบ้านเผาเมือง ตามมาด้วยข่าวเอาขี้เอาปาร้ามาทำบ้านเมืองเลอะเทอะ ..แต่ท้ายสุดในวันที่เราทำสงครามสัญลักษณ์ เลือดแห่งความเจ็บปวดของเราต่างหากที่ถูกดูดออกมา เอามาหลั่งชโลมแผ่นดินสองมาตรฐานแห่งนี้ แต่ก็ยังมิวายถูกพวกท่านดูถูกว่าเป็นเลือดหมูเลือดหมา เลือดวัวเลือดควาย”
“กรุงเทพเคยถูกบล็อกไม่ให้น้ำท่วมด้วยการทำให้จังหวัดอื่นน้ำท่วมแทนเพื่อปกป้องถิ่นอภิสิทธิ์ชน แต่การมาของเราก็ยังมิวายถูกทำให้ไร้ค่าด้วยเหตุผลเรื่องรถติดและความไม่สะดวกสบายในการเดินทาง”
“เรายังไม่ได้ทำความรุนแรงอะไร แต่บรรดาเหล่านักสันติวิธีกลับป้ายสีด้วยวิธีการสอนสั่งเสมือนว่าหากไม่มีคำเตือนจากท่านเราก็จะใช้วิธีรุนแรงเสมอ”
“แน่นอนว่าเรามาด้วยความโกรธแค้น อยากจะระเบิดความรุนแรงเพื่อระบายสิ่งที่เราถูกกระทำด้วยความอยุติธรรมมาครั้งแล้วครั้งเล่า ..แต่ด้วยมโนสำนึกในการควบคุมตนเอง และความอดกลั้นของเพื่อนข้างๆ เราในการชุมนุมก็ยังไม่แสดงความรุนแรง รวมถึงแกนนำที่ถึงแม้จะปราศรัยมีสีสันดุเดือด แต่ท้ายสุดก็ยังนำขบวนไปสู่ทางสันติวิธี”
“จากคนที่รวยที่สุด จากคนที่เคยเป็นนายก ขณะนี้ทักษิณกลับกลายเป็นเพื่อนร่วมชะตากรรมกับพวกเรา พวกท่านยังหาว่าเราถูกทักษิณจ้างมา แต่สิ่งที่ทำให้เรายังคงรักทักษิณ ก็เพราะทักษิณกลายเป็น “เพื่อน” ในระดับเดียวกับสามัญชนอย่างเรา ไม่เหมือนอภิสิทธิ์ชนที่ไม่มีวันจะลงมาเป็นเพื่อนกับพวกเรา”
“เรากลับบ้านพักเอาแรงสลับหมุนเวียนกันมา แต่พวกท่านก็ได้แต่ยิ้มเยาะถากถางในเรื่องปริมาณ”
“เราตากแดดตากฝน หอบข้าวนึ่งข้าวเหนียวปลาร้าปลาส้มปลาจ่อมมาเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ด้วยถ้อยคำมักง่ายคลาสสิคที่ฝังหัวของพวกท่าน ที่ใช้มาเป็นอาวุธโจมตีคนจนทุกยุคทุกสมัย ..ท่านยังคงตราหน้าว่าพวกเราถูกจ้างมา”
“เราต้องจำใจกันเพื่อนร่วมอุดมการณ์บางส่วนออกไป เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกล่าวหาที่พวกท่านป้ายสี และเพื่อรักษาขบวนใหญ่”
“เราโคตรจะอดกลั้น.. ถึงแม้พวกคุณกำลังยั่วยุและผลักให้เรารุนแรง ถอดศักดิ์ศรีกลับบ้านพร้อมน้ำตาแบบตอนเมษาเลือด”
.. แต่ขณะนี้พวกเรากำลังปกป้อง ‘ศักดิ์ศรีความเป็นคน’ ด้วยวิธี ‘สันติอหิงสา’ บนถนนราชดำเนินอยู่.
ปล. ส่วนกระเป๋าตังค์ท่านนักข่าวที่หาย พวกเราพร้อมจะรวมเงินกันคนละบาทสองบาทเพื่อชดใช้คืน