พระสงฆ์กับการเมืองสีเทา

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
อาจารย์ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ กล่าวทางทีวีช่อง 11 ช่วงโหมโรงการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดง “14 มีนา” ว่า “สันติวิธีก็เป็นเหมือนสิ่งอื่นๆ คือ มันเป็นสีเทา สันติวิธีสีขาวบริสุทธิ์อาจไม่มีจริง”
 
คำพูดดังกล่าวชวนให้เรามองโลกตามความเป็นจริง เพื่อที่จะเรียนรู้ร่วมกันว่า เราจะเผชิญหรือจัดการกับกับโลกแห่งความเป็นจริงที่อะไรๆก็ “สีเทา” นี้ได้อย่างไร
 
โดยเฉพาะความเป็นจริงของความขัดแย้งทางการเมืองที่รัฐประหารก็สีเทา การต้านรัฐประหารก็สีเทา ยุทธศาสตร์และยุทธวิธีในการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยของเสื้อเหลือง-เสื้อแดงก็สีเทา!
 
ผู้เขียนได้รับทุนวิจัยจากศูนย์พุทธศาสน์ศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ทำโครงการวิจัยชื่อ “ความคิดทางจริยธรรมกับการเลือกฝ่ายทางการเมืองของพระสงฆ์ในสังคมไทยปัจจุบัน” (ใช้เวลา 1 ปี) ฉะนั้น ในการชุมนุม “14 มีนา” ที่มีพระสงฆ์มาร่วมมากเป็นพิเศษ ผู้เขียนจึงไม่พลาดโอกาสที่จะไปเก็บข้อมูล
 
จากการได้พูดคุยกับพระสงฆ์ที่มาชุมนุมโดยตรง ทำให้ผู้เขียนได้เห็นภาพการชุมนุมของพระสงฆ์ในแง่มุมที่ต่างออกไปจากที่เห็นทางสื่อมวลชนว่า พระสงฆ์ที่มาชุมนุมนั้นมีที่มาที่ไปที่ชัดเจน มีทั้งพระนักศึกษามหาวิทยาลัยสงฆ์ พระสังฆาธิการ พระลูกวัด สังกัดวัดในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดทุกภาคของประเทศ ท่านเหล่านี้มีการติดตามข้อมูลข่าวสารทางการเมือง มีความคิด ความเชื่อ หรืออุดมการณ์ร่วมกันบางอย่าง จนทำให้ตัดสินใจออกมาร่วมชุมนุมทางการเมือง
 
มีความคิดเห็นบางอย่างจากการเก็บข้อมูล สัมภาษณ์ และคุยนอกรอบกับพระสงฆ์ โดยเฉพาะที่สัมภาษณ์ พระมหาโชว์ ทัสสนีโย แกนนำสำคัญ และพระสังฆาธิการระดับผู้บริหารมหาวิทยาลัยสงฆ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ที่ยืนยันว่าท่านไม่เลือกอยู่ข้างสีเหลืองหรือสีแดง ซึ่งผู้เขียนเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ จึงขอนำมาเล่าบางส่วนนอกเหนือจากข้อมูลอื่นๆที่นำไปใช้ในงานวิจัย
 
เช่น ถ้าตั้งคำถามว่า ในสภาพการเมืองสีเทาเช่นนี้ ทำไมพระสงฆ์บางส่วนจึงตัดสินใจเลือกข้างแทนที่จะเป็นกลาง หรือแสดงบทบาทเพียงเฉพาะการเรียกร้องสันติวิธีแบบที่ พระไพศาล วิสาโล และเครือข่ายของท่านทำ เรื่องนี้พระมหาโชว์ตอบว่า
 
“เกณฑ์ที่ใช้ตัดสินว่า พระควรจะเลือกฝ่ายใดมันมีอยู่สามเกณฑ์ คือธรรมะ กฎหมาย ความยุติธรรม ทั้งสามอย่างนี้ ธรรมะสำคัญที่สุด เพราะธรรมะในที่นี้คือ ธรรมาธิปไตย หรือการยึดถือความถูกต้องเป็นใหญ่ กฎหมาย ความยุติธรรมก็ต้องอยู่บนธรรมหรือความถูกต้อง
 
จากเกณฑ์ดังกล่าวนี้ เมื่อพิจารณาเป้าหมายและการกระทำโดยภาพรวมของแต่ละฝ่ายแล้วพบว่า ฝ่ายไหนมีเป้าหมายและการกระทำโดยรวมๆ ใกล้เคียงกับหลักธรรมะ กฎหมาย และความยุติธรรมมากกว่า พระสงฆ์ก็ควรจะเลือกฝ่ายนั้น
 
อาตมาเห็นว่า เรื่องรัฐประหาร สองมาตรฐาน ม็อบยึดทำเนียบ ยึดสนามบินสุวรรณภูมิ หรือการที่ศาลมีบทบาทแทรกแซงอำนาจฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ การแต่งตั้งองค์กรอิสระตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรม 2550 นั้น โดยรวมๆแล้วมันขัดกับหลักธรรมะ และความยุติธรรมมากกว่า อาตมาจึงไม่เลือกฝ่ายนั้น แต่ถ้าฝ่ายเสื้อแดงทำเหมือนฝ่ายนั้นทำ อาตมาก็ต้องออกมาคัดค้านฝ่ายเสื้อแดงเช่นกัน
 
อาตมาไม่คิดว่า การที่พระสงฆ์ออกมาชุมนุมเราจะถูกคุณทักษิณ หรือแกนนำคนเสื้อแดงใช้เป็นเครื่องมือ ไม่มีใครจูงจมูกหรือสั่งให้หันซ้ายหันขวาได้ สมัยรัฐบาลคุณทักษิณพระก็ออกมาคัดค้านหลายเรื่อง มีบางเรื่องพระก็ไม่ชอบคุณทักษิณ แต่การออกมาเคลื่อนไหวร่วมกับคนเสื้อแดงเราได้ช่างน้ำหนักแล้วว่า มันเป็นทางเลือกเฉพาะหน้าที่จำเป็นต้องทำ เพื่อให้บ้านเมืองกลับมายึดหลักธรรมะ กฎหมาย และความยุติธรรม ถ้ายังเอารัฐประหาร อำนาจเหนือกฎหมาย สองมาตรฐานกันอยู่บ้านเมืองจะไม่มีวันสงบสุข
 
การที่พระออกมาชุมนุม มันอาจช่วยเตือนสติ ช่วยให้เกิดสันติวิธี คณะสงฆ์ที่ร่วมชุมนุมมีมติร่วมกันว่า ถ้าหากมีการใช้กำลังหรือใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม พระสงฆ์ทั้งหมดจะเสียสละออกไปนั่งขวางทหารตำรวจไม่ให้ใช้ความรุนแรงกับประชาชนที่มาชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย
 
ส่วนพระสังฆาธิการระดับผู้บริหารของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัยท่านหนึ่ง ให้ความเห็นว่า
 
“อาตมาไม่เลือกที่จะอยู่ข้างสีใดสีหนึ่ง จะว่าเป็นกลางก็คงอธิบายยากว่าหมายถึงอะไร เอาเป็นว่าอาตมามองว่าทั้งสองสีมีทั้งด้านที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและมีทั้งด้านที่ทำลายอยู่ด้วยเช่นกัน ในด้านที่เป็นประโยชน์ เช่น การต่อต้านคอร์รัปชัน และต้านรัฐประหาร การให้ข้อมูลแก่สังคมในเรื่องการโกงของนักการเมือง และการแทรกแซงการเมืองของอำมาตย์ การใช้สองมาตรฐาน เป็นต้น อาตมาก็เห็นด้วย ส่วนด้านที่ทำลาย เช่นการสร้างความแตกแยก ไม่เคารพกฎหมาย ไม่รู้แพ้รู้ชนะรู้อภัย ทำลายความสงบของบ้านเมือง เศรษฐกิจเสียหาย อาตมาไม่เห็นด้วย
 
และไม่เห็นด้วยที่พระสงฆ์เราจะออกมาชุมนุมสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ถ้าจะออกมาก็ควรจะออกมาเรียกร้องสันติวิธีแบบพระไพศาล (วิสาโล) และยิ่งบอกว่าถ้าทหารตำรวจใช้กำลังสลายการชุมนุมแล้วพระที่ออกมาชุมนุมจะไปนั่งขวาง อาตมายิ่งไม่เห็นด้วย
 
ถ้าถึงขั้นใช้ความรุนแรงต่อกัน ควรจะเป็นหน้าที่ขององค์กรสงฆ์เช่นมหาเถรสมาต้องออกมาขอร้อง ขอบิณฑบาตกับรัฐบาลหรือทั้งสองฝ่ายไม่ให้ใช้ความรุนแรงต่อกัน
 
จะว่าไปแล้วสถาบันสำคัญของบ้านเมือง เช่น สถาบันทางศาสนา เป็นต้น เมื่อเห็นประชาชนทั้งสองฝ่ายทะเลาะกัน เราที่เป็นเหมือนพ่อแม่ไม่ควรเข้าข้างหรือให้ท้ายลูกคนใดคนหนึ่ง ควรให้สติแนะนำตักเตือนทั้งสองฝ่ายให้เลิกทะเลาะกัน ให้ใช้เหตุใช้ผลในการแก้ปัญหาร่วมกัน เพราะต่างก็เป็นคนไทยด้วยกัน ถ้าใช้สติและมีเหตุผลก็น่าจะหาทางออกที่ดีร่วมกันได้
 
นี่เป็นเพียงบางความเห็นของพระสงฆ์ที่เลือกข้างและไม่ได้เลือกข้างทางการเมือง สังคมอาจถามได้ว่าเป็นกิจของสงฆ์หรือไม่? (ประเด็นนี้อาจใช้พื้นที่มากพอสมควรในการถกเถียง) หรือจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นดังกล่าวมาก็ตาม
 
แต่ก็ควรมองให้เห็นความเป็นจริงว่า พระสงฆ์นั้นนอกจากท่านจะมีความเป็น “มนุษย์” เสมอภาคกับเรา และเป็น “พระ” ที่มีภาระรับผิดชอบที่ต้องปฏิบัติตามวินัยของสงฆ์แล้ว ท่านยังมีสถานะเป็น “พลเมืองแห่งรัฐ” ที่มีการดำเนินชีวิตที่เป็นจริงซึ่งหนีไม่พ้นผลกระทบจากสถานการณ์ทางสังคมการเมืองที่เป็นอยู่
 
ฉะนั้น เสียงสะท้อนของพระสงฆ์ส่วนหนึ่ง จึงเป็นเสียงที่สังคมควรรับฟังด้วยเช่นกัน เหมือนกับเสียงของชาวบ้านรากหญ้าจำนวนมากที่ออกมาชุมนุม เขามีปัญหาอะไร มีความคิดเห็น มีอุดมการณ์อย่างไร ต้องการความเป็นธรรม ต้องการประชาธิปไตยด้วยเหตุผลอะไร สื่อกระแสหลักและสื่อของรัฐก็ควรสะท้อน “เสียง” ของพวกเขาอย่างตรงไปตรงมาด้วยเช่นกัน
 
สื่อ นักวิชาการ อำมาตย์ รัฐบาล ควรเรียนรู้ที่จะรับฟัง เคารพความคิดเห็น และการตัดสินใจของประชาชนมากกว่าที่จะ “ผูกขาด” การคิดแทน ตัดสินใจแทนประชาชนอย่างที่เคยเป็นมา
 
เพราะในสภาวะความขัดแย้งทางความคิดที่ขยายไปทั่วทุกอณูของสังคมเช่นนี้ มีแต่เสียงของประชาชนทั้งประเทศเท่านั้น ที่มีความ “ชอบธรรม” ที่สุดในการตัดสินอนาคตของตนเอง!

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท