ญาติผู้เสียหายเตรียมเข้าฟังการพิจารณาคดีที่ศาลจังหวัดทหารบก ค่ายอิงคยุทธบริหาร ปัตตานี ในนัดแรกของการสอบปากคำคดีอัยการยื่นฟ้องทหารฐานทำร้ายร่างกายชาวบ้านสองคนวันจันทร์ที่ 22 มีนาคมนี้ นับเป็นคดีแรกของการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ทำร้ายร่างกายชาวบ้านที่จะมีการพิจารณากันในศาลทหาร

คดีนี้อัยการศาลทหารได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องสิบเอกขวัญชัย สีนิล เจ้าหน้าที่ทหารจากกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 5 ในฐานะทำร้ายร่างกายชาวบ้านสองคน หนึ่งในนั้นคือนายมะเซาฟี แขวงปู วัยยี่สิบปี กับเด็กชายอาดีล สาแม อายุสิบสามปี โดยในคำฟ้องของอัยการระบุว่า เมื่อวันที่ 11 พค. 2552 อันเป็นเวลาที่อยู่ระหว่างการประกาศใช้กฎอัยการศึก สิบเอกขวัญชัย ได้ใช้กำลังทำร้ายบุคคลทั้งสองด้วยการตบและเตะด้วยของมีคมจนทำให้ทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บ

ก่อนหน้านี้มีบันทึกของสหพันธ์นิสิตนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ลงตีพิมพ์ในเวบไซต์ “ประชาไท” ระบุรายละเอียดของเหตุการณ์ว่า วันเกิดเหตุสิบเอกขวัญชัยซึ่งขณะเกิดเหตุทำงานอยู่กับหน่วยเฉพาะกิจยะลา 11 พร้อมทหารอีกสี่นายได้ตั้งด่านลอยอยู่ที่ตำบลท่าสาป อ.เมือง ยะลา ในช่วงเวลาประมาณสองทุ่มได้สั่งให้มอเตอร์ไซค์ที่มีนายมะเซาฟีและ ดช.อาดีลขับขี่มาด้วยกันให้หยุดเพื่อตรวจค้น หลังจากนั้นผู้เสียหายทั้งสองระบุกับผู้บันทึกจากสหพันธ์นิสิตนักศึกษาว่า มีอาการมึนเมา ได้ถูกสิบเอกชวัญชัยเรียกไปนั่งที่ม้านั่งในสวนริมน้ำแม่น้ำปัตตานี โดยให้นั่งที่บนราวรั้วริมแม่น้ำก่อนจะเตะ เหยียบและทุบด้วยพานท้ายปืนตลอดจนด่าทออย่างหยาบคาย ต่อมาถูกสั่งให้เดินไปยังบริเวณแม่น้ำและข่มขู่ว่าจะยิงเอาศพทิ้งในแม่น้ำ ต่อมาทั้งสองได้แยกกันหลบหนีด้วยการกระโดดลงริมน้ำหลบซ่อนอยู่ในพงหญ้านานนับชั่วโมงจนแน่ใจว่าเจ้าหน้าที่กลุ่มนั้นจากไปแล้วจึงได้ขึ้นจากน้ำกลับบ้าน นอกจากนี้ยังมีรายงานระบุด้วยว่า หลังจากที่มีการฟ้องร้องแล้วนั้น ได้มีเจ้าหน้าที่ไปเยี่ยมเยียนครอบครัวผู้เสียหายบ่อยครั้งทั้งนี้เพื่อกดดันให้ยอมประนีประนอม

สำหรับการพิจารณาคดีหนนี้ นับเป็นครั้งแรกที่มีการนำเจ้าหน้าที่ทหารซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจตามกฏอัยการศึกขึ้นศาลในข้อหาทำร้ายร่างกาย