Skip to main content
sharethis

รสนาอัดคนเสื้อแดงใช้ 'อนาริยะคุกคาม' รัฐบาลต้องใช้กฎหมายเข้มงวดฉับพลัน แต่ไม่ความรุนแรง กล่าวหา นปช. กระทืบคนไม่รับสติ๊กเกอร์ยุบสภา คำนูณเสนอให้จินตนาการ และทหารล้อมสภาทำให้ระบอบรัฐสภาเดินหน้าได้

รสนากล่าวหา นปช. กระทืบคนไม่รับสติ๊กเกอร์ยุบสภา
เมื่อเวลา 22.35 น. วานนี้ (25 มี.ค.) เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ เผยแพร่ข่าวพาดหัวว่า “3 ส.ว.สุดทนพฤติกรรมไพร่แดง อัด“อนาริยะคุกคาม” จี้นายกฯใช้ กม.เข้ม ปล่อยไว้หวั่นบานปลาย” เผยแพร่คำพูดของ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. ซึ่งกล่าวว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ผ่านมามีการพูดถึงคำว่าสันติวิธี หรือคำว่า “อารยะขัดขืน” แต่ ในทางปฏิบัติจริงกลับเป็นลักษณะของการคุกคาม โดยสิ่งที่เราเห็นอยู่ในหลายวันนี้ ความจริงมันเป็น “อนาริยะคุกคาม”

ไม่ว่าจะเป็นการปาอุจจาระใส่บ้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หรือการเอาเลือดไปเท ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่เคยมีใครกล้าพูดตรงๆ ว่าการเอาเลือดไปเทบ้านนายกฯ เป็นการคุกคามและละเมิดสิทธิ เพราะว่าบ้านของนายกฯไม่ได้สร้างจากภาษีประชาชน ดังนั้นไม่มีสิทธิที่จะทำแบบนั้น แต่เวลานี้ทุกคนไม่ว่าจะเป็น กรรมการสิทธิมนุษยชน และ สมาชิกรัฐสภา หลายคนต่างชื่นชมว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงเป็นการชุมนุมแบบสันติวิธี แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่ใช่ หรือแม้แต่การนำสติ๊กเกอร์ “ยุบสภา” ไปแจก พอมีคนไม่รับก็มีการใช้กำลัง ตบตีผู้หญิง ไล่กระทืบกัน แล้วบอกว่าเป็นการกระทำของแดงปลอม

หากเป็นแบบนี้ส่วนตัวเชื่อว่าประชาชนจะสับสน และเกิดความหวาดกลัว และทำให้ไม่กล้าพูดอะไรมาก เพราะกลัวจะถูกขีดรถ ทุบรถ และกลัวตามไปถึงบ้าน สภาพแบบนี้ถือว่าเป็น “อนาริยะคุกคาม” ในด้านหนึ่งสิ่งที่อยู่บนดินเรียกว่า “สันติวิธี” แต่จะมีกระบวนการใต้ดินยิงอาวุธสงครามถือว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก เพราะนี่คือความไม่ปกติของบ้านเมือง ดังนั้น เราต้องพูดกันอย่างตรงไปตรงมามากกว่าการทำทีว่าสิ่งที่เป็นอยู่มีแต่สันติวิธี เพราะหากจำกันได้คนอิรักที่เอารองเท้าปาใส่ จอร์จ บุช อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ติดคุก 3 ปี แต่คนที่เอาอุจจาระปาบ้านนายกฯกลับติดคุกแค่ 5 วัน เห็นได้วิธีการแบบนี้ว่าต้นทุนในการทำผิดต่ำมาก ทุกคนก็จะเอาอุจจาระ และปฏิกูลอื่นๆ ไปขว้างปาบ้าง เพราะต้นทุนต่ำมาก หรือแม้แต่คนที่ไปกระทืบคนแต่ตำรวจก็ไม่จับและบอกให้เลิกแล้วกันไป หากเป็นแบบนี้ต้องจัดการตำรวจด้วย
 

แนะรัฐบาลใช้กฎหมายเด็ดขาด ฉับพลัน ทันเวลา แต่ไม่ใช้ความรุนแรง
สิ่งเหล่านี้ทำให้บ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป ดังนั้น รัฐบาลต้องมีการใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด ฉับพลัน ทันเวลา แต่ไม่ใช้ความรุนแรง โดยใช้กฎหมายที่มีอยู่ในเชิงรุกในการจัดการกับคนที่ทำผิดกฎหมาย เชื่อว่าบ้านเมืองจะดีขึ้น แต่หากไม่กล้าทำโดยอ้างว่าเรื่องจะบานปลาย รุนแรง สิ่งเหล่านั้นต่างหากที่ทำให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลาย ดังนั้น สภาพนี้ทำให้ผู้คนอยู่ในภาวะไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน รวมถึงตนเองด้วยที่จะต้องระวังตัวตลอดว่าจะถูกคุกคามหรือไม่ เพราะสมัยวันที่ 7 ต.ค. 2551 ที่มีการสลายการชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตนเองเดินอยู่ในสภาแม้แต่ในห้องประชุมสภาแท้ๆ ยังโดนตีนตบไล่ อีกทั้งเดินไปไหนไปกินน้ำก็โดน ส.ส.ผู้ชายด่าว่า “เอาสรอดให้มันกิน” โดนด่าว่าหน้าทุเรศ คิดว่าถ้าไม่เป็นผู้หญิงคงโดนตบหรือโดนชกหน้าไปแล้ว สภาพแบบนี้ไม่มีใครรับได้ เพราะบ้านเมืองเราอยู่กับความเป็นพรรคพวกมากเกินไป ถ้าใครเห็นต่างถือว่าเป็นศัตรูไปเลย ปากบอกว่าเคารพความแตกต่าง แต่พอใครเห็นต่างกลับโดนกระทืบ แบบนี้ถือว่าไม่ไหวแน่ น.ส.รสนาระบุ
 

 ส.ว.ประสารชี้การชุมนุม นปช. คุกคามประชาชน
เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ ยังรายงานต่อไปว่า นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.กล่าวว่า การชุมนุมของ นปช.ที่ผ่านมาได้คุกคามประชาชนมากไปแล้ว และจากนี้ไปแทนที่คู่ขัดแย้งจะเป็นรัฐบาลก็ถือเชื่อว่าคู่ขัดแย้งของคนเสื้อ แดงจะเป็นประชาชนในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เพราะขณะนี้จะมีการประชุมสมัชชารัฐสภาแห่งชาติ (ไอพียู) มีการตอบรับการประชุมกว่า132 ประเทศ มีผู้เข้าร่วมกว่า 2,000คน หวังว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะไม่ซ้ำรอยอาเซียนซัมมิตที่พัทยา การป้องกันรัฐสภาที่เข้มงวดเข้มแข็งเป็นการสรุปบทเรียนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการล้มประชุมอาเซียนซัมมิต การทุบรถนายกฯ เพราะทุกวันนี้ก็มีความรุนแรงเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะการยิงเอ็ม 79 ในที่ต่างๆ และคงจะเกิดขึ้นอีกเรื่อยๆ

“ถ้าเขาไม่แสดงอาการคุกคามให้ปรากฏก่อนหน้านี้ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีสิ่งขวางกั้นที่สภา แต่แกนนำคนเสื้อแดงได้แสดงเจตจำนงไว้แล้ว ว่าไม่ว่านายกฯ ไปที่ไหนก็จะตามไปที่นั่นและมันก็เกิดขึ้นแล้วทุกวัน ดังนั้นเชื่อว่าสังคมจะได้เห็นภาพร่วมกันระหว่างความไม่สะดวกเล็กๆน้อยในการ เดินทางกับชีวิตคณะรัฐมนตรีทั้ง ส.ส. ทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาล เพราะถ้าระเบิดเอ็ม 79 ลงมา ก็คงบาดเจ็บกันหมด” นายประสาร กล่าว
 

คำนูณเสนอให้จินตนการว่าทหารล้อมสภาทำให้ระบอบรัฐสภาเดินหน้าได้
นายคำนูณ สิทธิสมาน กล่าวว่า เรื่องการใช้กำลังทหารคุ้มครองรัฐสภาเป็นเรื่องของจินตภาพ ที่มุมหนึ่งมีการมองว่าการที่ทหารมาอยู่กับสภาเป็นการไม่สมควร โดยเป็นการซ้ำรอยจินตภาพว่า ทหารเป็นปฏิปักษ์กับประชาธิปไตย โดยเฉพาะในรอบ 2-3ปีมานี้ ที่มีเงื่อนไขให้เกิดการรัฐประหารได้มาก แต่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ปฏิเสธมาตลอดจนหลายคนหาว่าอ่อนแอ

ดังนั้นหากเราลองกลับหรือพลิกจินตภาพ โดยมองว่า พี่น้อง ทหาร ตำรวจที่มาทำงานตรงนี้มาปกป้องเพราะเขาต้องการให้ระบบรัฐสภาเดินหน้าต่อไป ได้ คิดเสียว่าเขาเป็นเสมือนหน่วยรักษาความปลอดภัยก็จะเกิดอีกมุมมองหนึ่ง แต่เวลานี้เรายังติดอยู่ที่จินตภาพเดิมใช่หรือไม่ว่าทหารคือ เผด็จการ ทหารคือผู้ที่จะรัฐประหาร

ทำไมเราไม่พลิกจินตภาพหรือกระบวนทัศน์ใหม่ว่า ทหารคือรั้ว ทหารคือเครื่องมือในการพิทักษ์ปกป้องระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ป้องกันไม่ให้คนเข้ามาเปลี่ยนแปลงโค่นล้มเปลี่ยนแปลงเป็นระบอบประชาธิปไตย อย่างอื่น ทำไมเราไม่มองว่าทหาร ตำรวจที่มาเหมือนฝ่ายรักษาความปลอดภัยให้ระบอบรัฐสภาเดินหน้าต่อไปได้ ถ้าเราสามารถพลิกจินตภาพแบบนี้ได้ เราจะไม่มีความรู้สึกเลยว่าทหารมาคุกคามฝ่ายนิติบัญญัติ ตรงกันข้ามเราจะรู้สึกว่าเพราะฝ่ายนิติบัญญัติมีศักดิ์ศรีทำให้กำลังทหาร ซึ่งมีศักดิ์ศรีเช่นกัน จึงยอมเหนื่อยยากมาเป็นรั้วให้ฝ่ายนิติบัญญัติทำงานและใช้เวลาทุกนาทีอย่าง มีค่า อยากให้ทุกคนมองแบบนี้มากกว่า รายงานจากเอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ระบุ
 

พบรสนาใช้ข้อมูลคาดเคลื่อนแถลงข่าว สื่อนิยมรัฐบาลนำไปขยายความ
อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบ พบว่า น.ส.รสนา ให้ข้อมูลคาดเคลื่อนว่าคนเสื้อแดงไล่กระทืบคนที่ไม่รับสติ๊กเกอร์ “ยุบสภา” เนื่องจากคลิปที่ถูกเผยแพร่และมีการพูดถึงดังกล่าว ที่จริงเป็นคลิปที่โหลดไว้ในเว็บไซต์ยูทิวป์ตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2552 โดยภาพที่ปรากฏเป็นภาพชายหญิงคู่หนึ่งกับคนสวมเสื้อแดงความจริงวันนี้เดินเข้ามาเผชิญหน้าและเกิดทำร้ายร่างกายกันระยะหนึ่ง ก่อนที่คนที่มาด้วยกันทั้งสองฝ่ายจะช่วยกันห้าม โดยไม่มีฉากแจกสติ๊กเกอร์แต่อย่างใด (ดูคลิปที่นี่)

ขณะที่รายการข่าว “News hour” ของสถานีเอเอสทีวี ช่วงเวลา 17.50 น. วันที่ 24 มี.ค. ที่ดำเนินรายการโดยนายเติมศักดิ์ จารุปราณ ในช่วงหนึ่งที่คนเสื้อแดงไปแจกสติ๊กเกอร์ยุบสภา ได้มีการ์ด นปช. ไปทำร้ายชายหญิงคู่หนึ่ง ที่ไม่เห็นด้วย โดยนายเติมศักดิ์ได้เปิดคลิปดังกล่าวให้ดู และระบุว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นในย่านสะพานลอย ถ.เพชรบุรี ขณะที่ผู้ประกาศข่าวหญิงที่ดำเนินรายการคู่กัน พูดว่า “ไพร่หมาหมู่” นอกจากนี้ในรายการทางสถานีโทรทัศน์ สทท. หรือ NBT ที่มีนายแทนคุณ จิตต์อิสระเป็นพิธีกร ก็นำคลิปดังกล่าวไปเผยแพร่และอ้างคล้ายนายเติมศักดิ์ด้วย

ขณะที่ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. กล่าวระหว่างแถลงข่าวกับผู้สื่อข่าวเย็นวานนี้ (25 มี.ค.) ว่าคลิปดังกล่าวเผยแพร่มาตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีก่อน และคลิปดูไม่ชอบมาพากลเหมือนการจัดฉาก เพราะมีการตั้งกล้องรอไว้ก่อนที่จะมีเหตุกระทืบดังกล่าว

สำหรับ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ซึ่งเป็น ส.ว.เลือกตั้ง กทม. เมื่อปี 2551 หลังพันธมิตรฯ ยึดทำเนียบรัฐบาลได้แล้วในวันที่ 26 ส.ค. 51 ได้ร่วมกับกลุ่ม 40 ส.ว. ไปให้กำลังใจกลุ่มพันธมิตรฯ ในที่ชุมนุม และไปเยี่ยมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุยึดสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ต่อมาเมื่อ 2 ก.ย. 51 ได้ร่วมกับกลุ่ม 40 ส.ว. ออกแถลงการณ์จี้นายกรัฐมนตรีลาออก หรือยุบสภา ขอให้พรรคร่วมกดดันให้นายสมัครลาออก หรือปลดนายสมัครออก

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net