Skip to main content
sharethis
'กรมจัดหางาน'เปิดรับสมัครคัดเลือกไปแดนโสม3พันคน
เดลินิวส์ (22 มี.ค. 53)
- นางพรรณวดี พลอยทับทิม จัดหางานจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า กรมการจัดหางานจะเปิดรับสมัครสอบความสามารถภาษาเกาหลี เพื่อสมัครไปทำงานสาธารณรัฐเกาหลี ตามระบบการจ้างแรงงานต่างชาติ ครั้งที่ 7 และเพื่อจัดส่งข้อมูลให้นายจ้างสาธารณรัฐเกาหลี คัดเลือกไปทำงานตามระบบการจ้างแรงงานต่างชาติ ในประเภทกิจการงานอุตสาหกรรมจำนวน 3,000 คน รับสมัครทั้งเพศชายและเพศหญิง อายุ 18-39 ปีบริบูรณ์ จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 หรือเทียบเท่าขึ้นไปสุขภาพแข็งแรง ไม่เป็นโรคต้องห้ามตามที่ทางการเกาหลีกำหนด มีความประพฤติดี และไม่มีประวัติอาชญากรรม เป็นบุคคลซึ่งไม่ถูกห้ามเดินทางออกนอกประเทศและไม่มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด
ผู้ต้องการสมัครงานในครั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดนครราชสีมา, อุดรธานี, สกลนคร, ลำปาง, กำแพงเพชร และสำนักงานบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ อาคารประกันสังคมเขตพื้นที่ 3 ภายในบริเวณกระทรวงแรงงาน ถนนมิตรไมตรีดินแดง กรุงเทพฯ หรือโทร. 0-5311-2742-6 ต่อ 19-20
แถลงการณ์กรณีนายมณี สิงห์เมืองพล แรงงานไทยในอิสราเอลเสียชีวิต
กระทรวงการต่างประเทศ (
22 มี.ค. 53) - 1. กระทรวงการต่างประเทศขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อครอบครัวของนายมณี สิงห์เมืองพล ในการสูญเสียครั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้สั่งการให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟประสานความช่วยเหลือกับทางการอิสราเอลในการจัดส่งศพกลับประเทศไทย และได้ประสานกับสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยในการขอรับเงินชดเชยการเสียชีวิตแล้ว
2. กระทรวงการต่างประเทศมีความห่วงใยต่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยของแรงงานไทยในอิสราเอลโดยเฉพาะที่ทำงานบริเวณใกล้เคียงฉนวนกาซ่า ฉะนั้น ขอให้แรงงานไทยเพิ่มความระมัดระวังในการทำงานและการดำรงชีวิต พร้อมทั้งปฎิบัติตามคำเตือนภัยของทางการอิสราเอลอย่างเคร่งครัด หากเกิดเหตุโจมตีหรือเหตุการณ์ฉุกเฉินอื่นๆ
3. กระทรวงการต่างประเทศขอแนะนำให้แรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในโมซาฟ Netiv Ha’ asara ติดต่อและประสานกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ในกรณีที่แรงงานไทยประสงค์จะขอย้ายออกมาทำงานนอกโมซาฟดังกล่าว และเพื่อประโยชน์ในการเตรียมความพร้อม หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินในอนาคต สามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ โทร 09-954 8412, 09- 954 8413, 03- 609 2915 หรือ 03 - 695 8984   
4. กระทรวงการต่างประเทศได้สั่งการให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประสานงานกับทางการอิสราเอลเพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดแล้ว เพื่อประชาสัมพันธ์ให้แรงงานไทยในอิสราเอลได้ทราบต่อไป
 
ดันตั้งกองทุนรักษาคนไร้สถานะเข้าครม.สปสช.ชี้ไม่ไฟเขียวจ่ายเงินให้รพ.ไม่ได้
ASTV ผู้จัดการรายวัน (23 มี.ค. 53) -
นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าได้พิจารณาตัวเลขงบประมาณที่เหมาะสมในการตั้งกองทุนบริการสาธารณสุขเพื่อประชาชนที่รอการพิสูจน์สถานะบุคคล เพื่อป้องกันควบคุมโรคชายแดนในแรงงานต่างด้าวที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนใน 30 จังหวัดที่มีปัญหา จำนวน 131 ล้านบาทซึ่งได้เสนอต่อที่ประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) แล้ว โดยหลักการสำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นผู้ตั้งงบประมาณสำหรับกองทุนก่อนจะมีการนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ส่วนกองทุนดังกล่าวจะเป็นกองทุนผูกผันที่ต้องเสนอของบประมาณทุกปีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล
นพ.มานิตกล่าวต่อว่า กรมควบคุมโรคจะเป็นผู้บริหารจัดการกองทุนภายใต้งบฯ จากสปสช. โดยประสานงานกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชายแดนที่เป็นเป้าหมาย ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคจะเป็นผู้กำหนดกรอบและแนวทางการดำเนินงาน ส่งงบประมาณสนับสนุน ติดตามกำกับการดำเนินงานและการใช้งบประมาณตามแผน และสนับสนุนด้านวิชาการแก่จังหวัดรวมถึงจัดกิจกรรมต่างๆ โดยพิจารณาโรคที่เป็นปัญหาสาธารณสุขและมีการระบาดในพื้นที่
"พื้นที่ชายแดนในแต่ละส่วนไม่เหมือนกันหากเป็นชายแดนฝั่งกัมพูชามีการระบาดของโรคมาลาเรีย และหากเป็นชายแดนฝั่งประเทศพม่าต้องเฝ้าระวังโรคเท้าช้างอย่างเข้มข้น แม้ว่าในประเทศไทยจะไม่พบแล้วแต่ในพม่ามีผู้ป่วยโรคนี้จำนวนมาก" นพ.มานิตกล่าว
นพ.วรวิทย์ ตันติวัฒนทรัพย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุ้มผาง อ.อุ้มผาง จ.ตาก กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนในการตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาลและกองทุนป้องกันควบคุมโรคชายแดนว่าใครเป็นเจ้าภาพระหว่างกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) และ สปสช. อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้เนื่องจากเหตุการณ์ทางการเมืองทำให้ไม่แน่ใจว่า การให้สิทธิรักษาพยาบาลกลุ่มคนไร้สถานะจะได้รับการพิจารณาหรือไม่แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่สามารถรอได้ ดังนั้น จึงวอนของบประมาณส่วนใดลงมาช่วยเหลือเบื้องต้นก่อน
ด้าน นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ตามมติบอร์ดสปสช.ที่เห็นชอบให้สิทธิด้านการรักษากลุ่มคนรอพิสูจน์สถานะบุคคลจำนวน 457,409 คน ยังไม่ผ่าน ครม.ตามที่กำหนดไว้ที่จะเริ่มให้สิทธิรักษาพยาบาลคนกลุ่มนี้ในวันที่ 1 เม.ย. ก็จำเป็นต้องเลื่อนออกไป โดยไม่สามารถให้เงินช่วยเหลือโรงพยาบาลที่มีปัญหาสภาพคล่องหรือติดหนี้ได้เนื่องจากถือเป็นการผิดกฎหมาย พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 อย่างไรก็ตามในการแก้ไขปัญหาขณะนี้มีงบประมาณอื่นๆเช่น งบค่าตอบแทนบุคลากรสาธารณสุขอำเภอจึงน่าจะสามารถนำไปใช้หมุนเวียนแก้ปัญหาได้
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 มีนาคมจะมีการนำเรื่องการจัดตั้งกองทุนบริการสาธารณสุขฯ ให้กับโรงพยาบาลในถิ่นทุรกันดารโดยเฉพาะบริเวณชายแดน ซึ่งคนกลุ่มนี้มีประมาณ 4.7 แสนคน ใช้งบประมาณ 472 ล้านบาท ซึ่งเคยได้รับสิทธิการรักษาพยาบาลอยู่แล้วเข้าหารือในที่ประชุม ครม.ด้วย
ร้อง "บีโอไอ" คลายกฎใช้แรงงานต่างด้าว
เว็บไซต์ไทยรัฐ (
23 มี.ค. 53) - นางพิรมล เจริญเผ่า รองอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก ในฐานะประธานกลุ่มสินค้าแฟชั่น เปิดเผยภายหลังการหารือกับผู้ประกอบการสินค้ากลุ่มแฟชั่น สิ่งทอ ว่า ผู้ประกอบการเรียกร้องให้กรมเร่งหารือกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพื่อผ่อนปรนกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมรวมถึงการใช้แรงงานต่างด้าว เพราะอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ มีระเบียบห้ามใช้แรงงานต่างด้าว ซึ่งกรมเตรียมประสานไปยังกระทรวงอุตสาหกรรม ต้นสังกัดของบีโอไอ เพ่อหาทางออกร่วมกันเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ จะหารือกับกระทรวงแรงงาน เพื่อลดขั้นตอนและค่าใช้จ่ายในการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าว ที่มีต้นทุนสูงและใช้เวลานานหลายเดือน ถือเป็นอุปสรรค และเป็นภาระต้นทุนอย่างมาก
"ขณะนี้หลายอุตสาหกรรมมีแผนย้ายฐานผลิตไปยังประเทศอื่น โดยเฉพาะอินโดนีเซีย เพราะมีต้นทุนการผลิต และต้นทุนแรงงานถูกกว่าไทยมาก รวมถึงยังให้สิทธิพิเศษด้านภาษีในการส่งออกอีกด้วย กรมจะหารือกับบีโอไอเรื่องส่งเสริมการลงทุนในประเทศอาเซียนด้วย ซึ่งเป็นการใช้สิทธิประโยชน์จากเขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟต้า) ตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ ที่จะช่วยผลักดันมูลค่าการส่งออกของไทย"
กาญจนบุรีตกงานอีก 2-3 แสน หลังธุรกิจโรงแรมทรุด
เว็บไซต์คมชัดลึก (
23 มี.ค. 53) - แรงงานตามโรงแรม จ.กาญจนบุรี เตรียมตกงานอีก 2-3 แสนคน เพราะธุรกิจโรงแรมไม่มีแขก หลังรัฐทำจดหมายเวียนห้ามหน่วยงานราชการจัดสัมมนานอกสถานที่ ประจวบกับสถานการณ์ทางการเมือง ลูกค้าขอยกเลิกจองเดือนเมษายนว่างเปล่า ไม่มีแขกพัก ซ้ำร้าย อบต.ยังเรียกเก็บภาษีเพิ่ม
นายยุทการ มากพันธุ์ เจ้าของโรงแรมคำแสด อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ยอมรับว่า ขณะนี้หลายโรงแรมใน จ.กาญจนบุรี เริ่มประสบปัญหาหลังจากเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2552 รัฐบาลมีหนังสือเวียนถึงทุกหน่วยงานราชการทั่วประเทศ เพื่อขอความร่วมมืองดการจัดงานสัมมนาต่างจังหวัด ส่งผลให้โรงแรมที่มีลูกค้าหลักเป็นข้าราชการถูกยกเลิกการจัดงานทั้งหมด ทำให้โรงแรมไม่มีรายได้ ผนวกกับการเมืองไม่นิ่ง ทำให้ลูกค้าชาวต่างชาติไม่มั่นใจ ยกเลิกการจองห้องพักที่เคยจองล่วงหน้าด้วยเช่นกัน ซึ่งปัญหาดังกล่าวส่งผลให้แรงงานใน จ.กาญจนบุรีต้องตกงานอีก 2-3 แสนคน
โรงแรมคำแสดนั้น ลูกค้า 80 เปอร์เซ็นต์เป็นหน่วยงานราชการ ที่มาใช้บริการสัมมนาหรือจัดงานต่างๆ หลังจากมีจดหมายเวียนดังที่กล่าวมา ลูกค้าก็ยกเลิกการจัดงานาทั้งหมดพร้อมกันนั้น ลูกค้าชาวต่างชาติที่จองล่วงหน้าก็ยกเลิกการจองทั้งหมดด้วย เนื่องจากไม่แน่ใจสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ ปรากฏว่าตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา ไม่มีลูกค้าเข้าพักที่โรงแรมเลยสักห้องเดียว ทั้งที่ในช่วงนี้เป็นช่วงที่เคยมีนักท่องเที่ยวเข้ามาพัก และใช้บริการมาก
โรงแรมมีขนาด 100 ห้องพัก มีพนักงานทั้งหมด 200 คน ในยามปกติมีค่าใช้จ่ายเป็นเงินเดือนพนักงาน 1.5 ล้านบาทต่อเดือน ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหา เพราะมีแขกพักโรงแรมมาตลอด แต่ระยะนี้เริ่มมีแขกน้อยลง และเริ่มไม่มีเลยในเดือนหน้า บอกได้เลยว่า มีปัญหาแน่นอน เพราะแต่ละเดือนมีค่าใช้จ่ายรออยู่ แต่ไม่มีรายได้เข้า แม้จะพยายามประคองตัวไว้ เพื่อไม่ให้มีปัญหา แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าไม่ไหวสุดท้ายก็ต้องปลดพนักงานออก
"นี่ไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับที่โรงแรมผมที่เดียว แต่หลายโรงแรมที่นี่มีปัญหาคล้ายกัน ถ้าลูกค้าราชการหายไป หลายโรงแรมที่นี่ก็อาจจะตาย และผลกระทบที่ตามมาคือ พนักงานตกงาน คาดว่าเฉพาะที่กาญจนบุรีที่เดียวไม่ต่ำกว่า 3 แสนคน"
นายยุทการกล่าวเพิ่มอีกว่า ขณะที่ลูกค้าหดหาย โรงแรมไม่มีรายได้ ทางองค์การบริหารส่วนตำบล หรือ อบต. ก็มาเรียกเก็บภาษีโรงเรือนเพิ่มด้วย จึงส่งผลร้ายหนักขึ้นไปอีกจากที่เคยเสียปีละประมาณ 8 หมื่นบาท แต่ปีนี้ถูกเรียกเก็บ 1.5 แสนบาท เป็นตัวเลขที่สูง เนื่องจากโรงแรมว่างเปล่าไม่มีลูกค้าพัก รายได้ก็ไม่มี หากเรื่องนี้ไม่ไดรับการแก้ไขอย่างจริงจัง จดหมายเวียนให้งดสัมมนานอกสถานที่ยังไม่ยกเลิก ปัญหาคนตกงานจากธุรกิจโรงแรมอาจจะมีเพิ่มขึ้นและลุกลามไปทั่วประเทศ
คนงานฮือประท้วงผู้จัดการ บ.ไทยบัวหลวงฯ เบี้ยวค่าจ้าง
โพสต์ทูเดย์ (24 มี.ค. 53) -
คนงานก่อสร้างกว่า 40 คน ชุมนุมประท้วงที่ด้านหน้าไซด์งานก่อสร้าง ภายในบริเวณโรงพยาบาลน่าน เพื่อเรียกร้องให้ผู้จัดการบริษัท ไทยบัวหลวงก่อสร้าง จำกัด เบิกจ่ายเงินค่าแรงที่ค้างจ่าย ซึ่งมีการเลื่อนนัดการจ่ายเงินค่าแรงมาตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา ทำให้คนงานได้รับความเดือดร้อน ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความตึงเครียด หลังจากที่กลุ่มคนงานและเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทฯ ได้โต้เถียงกันอย่างรุนแรง จนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองน่าน ต้องเข้าระงับเหตุและควบคุมสถานการณ์เพื่อป้องกันเหตุรุนแรง จนในที่สุดเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินได้หลบเข้าไปในสำนักงานชั่วคราวโดยไม่ ยอมออกมาเจรจาอีก สร้างความไม่พอใจให้คนงานทั้งหมด และได้เฝ้ารอด้านหน้าสำนักงานชั่วคราวเพื่อกดดันให้มีการนำเงินค่าแรงมาจ่าย
นอกจากนี้คนงานยังได้สอบถามถึงกรณีการถูกหักเงินรายได้ในแต่ละวัน ซึ่งจะถูกนายจ้างหักร้อยละ 3 ทุกครั้งที่มีการเบิกจ่าย แม้แต่ทำงานเพียงแค่วันเดียวก็ต้องถูกหักเงิน ทำให้รายได้ลดน้อยลงไปอีก รวมทั้งการทำงานเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ 8 ชั่วโมงต่อวัน แต่ที่ไซด์งานแห่งนี้ กำหนดให้คนงานต้องเข้างานตั้งแต่ 7.30 น. ถึงเวลา 17.00 น. ทำให้ต้องทำงานเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดครึ่งชั่วโมงโดยไม่ได้รับเงินค่าแรง เพิ่ม
นางสุพิณ อุปถัมภ์ อยู่บ้านเลขที่ 175 บ้านฟ้า ต.บ้านฟ้า อ.บ้านหลวง จ.น่าน หนึ่งในคนงานเปิดเผยว่า ทำงานมาแล้ว 17 วัน ได้ค่าแรงงานวันละ 155 บาท ยังไม่ได้เบิกเงินค่าแรงเลย เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทฯ ขอผัดผ่อนการเบิกจ่ายเงินมาตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค. ซึ่งเงินค่าแรงที่ตนจะเบิกได้มียอดเงินจำนวน 2,708 บาท แต่ก็ไม่สามารถเบิกได้ทำให้ได้รับความเดือดร้อน
เพราะต้องส่งเงินไปให้ลูกและครอบครัวที่อยู่ที่บ้านสำหรับเป็นค่าใช้จ่าย แต่เมื่อเบิกเงินค่าแรงไม่ได้ ก็ต้องหยิบยืมหาเงินจากทางอื่น ทำให้เป็นหนี้สินเพิ่มขึ้น และที่ต้องยอมทำงานที่ไซด์งานแห่งนี้ ทั้งที่ต้องถูกหักเงินรายได้ ซึ่งต่างจากที่รับจ้างขายแรงงานที่อื่นๆ ซึ่งไม่เคยถูกหักเงิน รวมทั้งต้องเข้างานก่อนกำหนดและไม่มีที่พักคนงาน ต้องจัดหาที่พักและอาหารการกินกันเอาเอง เนื่องจากเห็นว่าเป็นโครงการก่อสร้างระยะยาวหลายปี และใกล้บ้านเพราะอยู่ในจังหวัดน่าน จึงอยากทำงานที่นี่ ดีกว่าจะต้องไปเร่หางานก่อสร้างไปเรื่อยๆ แต่เมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้ ก็ตัดสินใจที่จะไม่ทำงานให้กับบริษัทนี้อีก และเตรียมไปหางานก่อสร้างแห่งใหม่ทำงานแทน
ทางด้านนายกัมปนาท อินประเสริฐศรี ผู้จัดการโครงการฯ ตัวแทนบริษัท ได้ออกมาเจรจากับคนงาน ยอมรับในความล่าช้าของการเบิกจ่ายเงิน ซึ่งเกิดจากทางผู้บริหารบริษัท คือนายเกรียงไกร บัวหลวง ให้เหตุผลว่าคนงานชุดนี้มีปัญหาในการทำงาน จึงต้องการมาจ่ายเงินค่าแรงและพบปะกับคนงานด้วยตนเอง โดยยืนยันว่าจะมีการจ่ายเงินค่าแรงให้กับคนงานทั้งหมด ในวันที่ 24 มีนาคม นี้อย่างแน่นอน
เวลาต่อมา นายประทีป ทรงลำยอง แรงงานจังหวัดน่าน ได้เข้าร่วมในการเจรจาและรับฟังปัญหาของคนงาน เพื่อหาข้อสรุปพร้อมทั้งได้ชี้แจง ว่า ประเด็นการหักเงินรายได้ 3% เป็นไปตามกฎหมายที่นายจ้างสามารถทำได้ แต่ต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษีให้กับลูกจ้าง เพื่อที่ลูกจ้างจะได้นำไปขอคืนจากกรมสรรพากรได้ แต่กรณีที่ลูกจ้างเป็นลูกจ้างรายวันค่าแรงขั้นต่ำและไม่มีสัญญาว่าจ้างการทำ งานระยะยาว นายจ้างอาจไม่หักภาษี ก็สามารถทำได้
อย่างไรก็ตาม ทางนายจ้างก็จะต้องถูกตรวจสอบการนำส่งเงินภาษีที่หักจากลูกจ้างไว้ ส่วนกรณีการให้คนงานเข้างานก่อนกำหนดเวลา ทางผู้จัดการโครงการฯ ยินดีที่จะจ่ายเงินชดเชยเป็นค่าล่วงเวลาให้กับคนงาน และยืนยันว่าวันที่ 24 มีนาคม จะจ่ายเงินค่าแรงที่ค้างให้กับคนงานทั้งหมด ทำให้กลุ่มคนงานพอใจและได้สลายการชุมนุมไป แต่อย่างไรก็ตามกลุ่มคนงานทั้งหมด ยืนยันที่จะลาออกจากการทำงานที่ไซด์งานก่อสร้างแห่งนี้ และจะกลับมาเพียงเพื่อรับเงินค่าแรงตามสิทธิ์ที่ควรจะได้เท่านั้น
สำหรับบริษัทไทยบัวหลวงก่อสร้าง จำกัด ได้รับช่วงงานก่อสร้างในส่วนฐานราก ในโครงการสร้างอาคารของโรงพยาบาลน่าน ซึ่งมี หจก.สกลนครไทยอีสาน เป็นผู้ประมูลงานก่อสร้างได้ โดยทางบริษัทไทยบัวหลวงก่อสร้าง ได้จัดหาคนงานส่วนหนึ่งมาจากจังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งเป็นคนงานของบริษัท อีกส่วนหนึ่งทางบริษัทจะเปิดรับสมัครคนงานที่หน้าไซด์งาน โดยจะเป็นคนงานในพื้นที่จังหวัดน่าน เช่นแรงงานจากอำเภอบ้านหลวง จากอำเภอภูเพียง อ.สันติสุข และ อ.นาหมื่น โดยจะได้รับค่าแรง คนงานชาย วันละ220 บาท คนงานหญิง วันละ 155 บาท ค่าทำงานล่วงเวลา คนงานชายได้ชั่วโมงละ 41 บาท และ คนงานหญิง ชั่วโมงละ 29 บาท
กระทรวงแรงงานทำโมเดลแก้ปัญหา ขาดแคลนแรงงานภาคอุตสาหกรรม
เว็บไซต์คมชัดลึก (
24 มี.ค. 53) - กระทรวงแรงงาน รุกแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน สร้างโมเดลตอบโจทย์ทั้งด้านความต้องการของสถานประกอบการในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ขาดแคลนแรงงานและการระดมศักยภาพของทุกส่วนในกระทรวงแรงงานมาช่วยแก้ปัญหา พร้อมเร่งสำรวจความต้องการจากสถานประกอบการและทุกภาคส่วนให้พร้อมในเชิงรุกเน้นลงพื้นที่หาข้อมูลเชิงประจักษ์ แบ่งโซนพื้นที่เพื่อให้การบริหารจัดการเป็นไปตามความต้องการอย่างแท้จริง
นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า การจัดทำโมเดลแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานนี้ควรนำผู้ที่ทำงานคลุกคลีอย่างใกล้ชิดในพื้นที่มาระดมความคิด เช่นจากนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อที่จะได้ทราบและสะท้อนปัญหาอย่างเป็นไปตามความเป็นจริง โดยการจัดหานัดพบแรงงานก็เป็นเครื่องมือหนึ่งที่มีประสิทธิภาพที่จะต้องจัดทำให้แพร่หลายไปทุกภูมิภาค โดยทุกคนต้องช่วยกันบอกกล่าวในลักษณะปากต่อปากให้แรงงานในพื้นที่ได้รับทราบและกระตือรือร้นเพื่อมองหาตำแหน่งงานที่เหมาะสมกับผู้หางานได้เป็นอย่างดี โดยที่ผู้ตรวจราชการทั้งระดับและกระทรวงจะต้องแบ่งโซนรับผิดชอบและต้องรู้ลึก รู้จริงในข้อมูลความต้องการแรงงานของกลุ่มอุตสาหกรรม และความต้องการแรงงานในประเภทใดๆ ของโซนของพื้นที่ของตนให้ชัดเจนเพื่อแจ้งเป็นข้อมูลให้สามารถใช้ชี้แจงต่อสาธารณได้ในทุกสถานการณ์ เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของภาคประกอบการอยู่ในขณะนี้
ได้มีการนำเสนอว่ากำลังแรงงานที่ได้ผ่านการอบรมฝึกทักษะฝีมือแล้วควรจะปรากฏบนเว็บไซต์ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่ออำนวยความสะดวกต่อผู้ประกอบการได้เข้ามาดูและเลือกได้ตรงตามความต้องการที่ผู้ประกอบการนั้นๆ ขาดแคลนโดยข้อมูลที่พบก็คือ ส่วนใหญ่ผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจะเป็นผู้ที่ตกงานมาก จึงควรช่วยรณรงค์สร้างทัศนคติใหม่ไม่เลือกงาน และอาจจะต้องหาพรีเซนเตอร์ที่ได้รับการยอมรับมาช่วยรณรงค์กระตุ้นให้เกิดค่านิยมตามนี้ด้วย
สำหรับรูปแบบหรือโมเดลดังกล่าวที่สำนักเศรษฐกิจแรงงานนำเสนอประกอบด้วยส่วนหลักๆ คือ ค้นหาความต้องการทั้งจากการสำรวจโดยตรงกับสถานประกอบการ การประชุมกับภาคส่วนใหญ่ๆ ได้แก่ สภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า พร้อมเจาะลึกลงในพื้นที่ ซึ่งทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคจะดำเนินไปในลักษณะเดียวกัน โดยในส่วนกลางจะเป็นคลังข้อมูลใหญ่ที่จะเห็นความต้องการอย่างชัดเจนกว่าพื้นที่ใด อุตสาหกรรมใดกำลังประสบปัญหาอยู่
สำหรับวิธีการแก้ไขปัญหานั้น ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานต่างจะทำหน้าที่ในการตอบสนองความต้องการด้านการแรงงานอย่างสอดประสานกัน อาทิ กรมพัฒนาฝีมือแรงงานจะเป็นผู้ฝึกผู้ถูกเลิกจ้าง ผู้เตรียมเข้าทำงานให้ตรงกับความต้องการที่แท้จริงของตลาดแรงงานขณะที่สำนักงานประกันสังคมจะประมวลข้อมูลของผู้ถูกเลิกจ้างให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ไปบริหารจัดการเพื่อนำคนเหล่านั้นกลับคืนสู่ตลาดงานได้โดยเร็วที่สุด
สหภาพฯค้านสรรหาผอ.องค์การค้า
เว็บไซต์เดลินิวส์ (
25 มี.ค. 53) - ตามที่คณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) มีมติให้มีการสรรหาผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค.คนใหม่ โดยจะประกาศรับสมัครระหว่างวันที่ 29 มี.ค-20 เม.ย. 2553 นั้น นายอนันต์ นุชเทศ ประธานสหภาพแรงงานองค์การค้าของคุรุสภา กล่าวว่า ตนเห็นว่าขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสรรหา ผอ.องค์การค้าฯตัวจริง และอยากตั้งข้อสังเกต ว่า ทำไมบอร์ด สกสค.จึงต้องรีบสรรหาผอ.องค์การค้าฯ เพราะตอนนี้
องค์การค้าฯยัง อยู่ระหว่างการแก้ไขฟื้นฟู โดยเฉพาะเรื่องโครงสร้าง ระเบียบข้อบังคับและหลักเกณฑ์ต่าง ๆ หากมีการ สรรหา ผอ.องค์การค้าฯคนใหม่แล้วก็เกรงว่าจะเหมือนที่ผ่านมา คือ ทำงานไม่มีเอกภาพ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาขององค์การค้าฯได้ ดังนั้นก็น่าจะให้ ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน รักษาการ ผอ.องค์การค้าฯไปก่อน เพราะตอนนี้แม้ว่าองค์การค้าฯจะไม่ได้รับงบประมาณจากรัฐบาล แต่ก็กำลังได้รับการเยียวยามาถูกทางแล้ว อย่างไรก็ตามหาก ดร. ชินภัทรอยู่ครบวาระในเดือน พ.ค.แล้วไม่ได้รักษาการผอ.องค์การค้าฯต่ออีกวาระหนึ่ง ก็อยากเสนอให้ รศ.ธงทอง จันทรางศุ เลขาธิการสภาการศึกษา มารักษาการแทน เพื่อให้ช่วยดูแลแก้ไขระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน หลังจากนั้นถ้าบอร์ด สกสค.จะสรรหาผอ.องค์การค้าฯตัวจริงทางสหภาพฯก็เห็นด้วย
นายอนันต์ กล่าวถึงกรณีองค์การค้าฯได้รับโควตาพิมพ์แบบเรียนปีนี้ ว่า องค์การค้าฯได้รับโควตาพิมพ์แบบเรียนเพิ่มขึ้นมากกว่าทุกปี และจะต้องเร่งพิมพ์ให้เสร็จก่อนเปิดเทอมซึ่งตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียง 2 เดือน ก็ต้องยอมรับว่าองค์การค้าฯคงไม่สามารถพิมพ์ได้ทัน จำเป็นต้องจ้างสำนักพิมพ์เอกชนช่วยพิมพ์ เนื่องจากแท่นพิมพ์ขององค์การค้าฯยังไม่ได้รับการปรับปรุงอย่างจริงจัง ดังนั้นเรื่องการฟื้นฟูองค์การค้าฯในอนาคต จะต้องมีการลงทุนเรื่องการหาเครื่องจักรมารองรับการพิมพ์แบบเรียน เพื่อไม่ให้เป็นที่ครหาและยังเป็นการป้องกันแบบเรียนเถื่อนด้วย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หวั่นวิตกขณะนี้ คือ เกรงว่าจะมีแบบเรียนออกมาจำหน่ายก่อนที่องค์การค้าฯจะพิมพ์แบบเรียนเสร็จ
พนง.นิคอนฯประท้วงขอสวัสดิการเพิ่ม
มติชน (
25 มี.ค. 53) - เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 24 มีนาคม คนงานประมาณ 1,000 คน ของบริษัท นิคอน(ประเทศไทย) จำกัด ในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ฐานการผลิตกล้อง เลนส์ พร้อมอุปกรณ์กล้อง รวมตัวกันที่ถนนภายในนิคมอุตสาหกรรมหน้าโรงงาน เพื่อขอเพิ่มสวัสดิการให้พนักงานทั้งหมดเกือบ 8,000 คน ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีการเจรจากันมาหลายครั้งแล้ว การเจรจาไม่เป็นผล เพราะไม่สามารถหาข้อตกลงกันได้อีกทั้งล่าสุดทางผู้บริหารโรงงานได้ไปขออำนาจศาลแรงงานบอกเลิกจ้างชั่วคราว พนักงานระดับแกนนำ 10 คน ที่เป็นคณะกรรมการลูกจ้างบริษัทนิคอน โดยคณะกรรมการทั้ง 10 คน ยังเป็นแกนนำของสหภาพแรงงานบริษัทนิคอนด้วย โดยไม่มีกำหนดเวลาว่าจะให้กลับเข้าทำงานได้เมื่อใดโดยการประท้วงเป็นไปอย่างสันติ ไม่มีการปิดทางเข้าออกโรงงาน
นายสามารถ สีดอกไม้ รองประธานสหภาพแรงงานบริษัทนิคอน กล่าวว่า เรียกร้องขอเพิ่มสวัสดิการแรงงานมีมาตลอดหลังจากเมื่อปลายปี 2551 บริษัทปลดพนักงานพร้อมกันจำนวนมากอ้างเศรษฐกิจไม่ดี และมาในช่วงต้นปี 2553 สหภาพแรงงานยื่นข้อเรียกร้องด้านสวัสดิการ 13 ข้อ เช่น ขอเพิ่มค่าครองชีพจาก 1,000 บาท/คน เป็น 1,300 บาท/คน ขอเพิ่มค่ากะจาก 50 บาท/คน เป็น80 บาท/คน หรือเงินโบนัส เดิมที่ปีล่าสุดเคยได้ 3.3 เดือน/ราย บริษัทพยายามปรับลดและชัดเจนว่าจะได้น้อยกว่า 3.3 เดือน/ราย
ล่าสุดยังไม่มีผู้บริหารของบริษัทคนใดเจรจากับคนงาน มีเพียงตัวแทนของสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จ.พระนครศรีอยุธยา ติดต่อแกนนำสหภาพแรงงาน เป็นคนกลางเจรจา
'นิคอน'เล็งฟ้องแพ่ง 126 ล.แกนนำม็อบขู่ผนึกเสื้อแดง
มติชน (
26 มี.ค. 53) - เมื่อวันที่ 25 มีนาคม พนักงานนับพันคนของบริษัท นิคอน (ประเทศไทย) จำกัด ที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นฐานการผลิตอุปกรณ์กล้องของบริษัทนิคอนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยังคงรวมตัวประท้วงผู้บริหารเป็นวันที่สองติดต่อกัน หลังยื่นข้อเรียกร้องด้านสวัสดิการจำนวน 13 ข้อ อาทิ ขอเพิ่มค่าครองชีพจาก1,000 บาท/คน เป็น 1,300 บาท/คน ในขณะที่ทางผู้บริหารโรงงานยังไม่แสดงเจตนาจะดำเนินการตามข้อเรียกร้องแต่อย่างใด
นายธงชัย สิทธิเดช ประธานสภาสหภาพแรงงานนิคอน กล่าวว่าหากวันนี้ผลการเจรจาระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง ที่ทางตัวแทนของกระทรวงแรงงานติดต่อมาว่าจะเป็นคนกลางประสานการเจรจายังไม่ได้ผล พวกตนก็ต้องยกระดับการประท้วงมากกว่านี้ โดยอาจจะไปร่วมชุมนุมกับ นปช.หรือคนเสื้อแดง ตามที่ส่งตัวแทนเข้ามาติดต่อและรับปากจะให้การช่วยเหลือพวกเรา ล่าสุดทราบว่าทางบริษัทเตรียมจะฟ้องทางแพ่งต่อแกนนำ 10 คน เป็นเงิน 126 ล้านบาท ฐานยุยงปลุกปั่นคนงานลุกขึ้นมาประท้วงจนบริษัทเสียหาย
 
รัฐเร่ง 9 มาตรการกู้วิกฤติขาดแรงงาน
เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (
26 มี.ค. 53) - สำนักงานการเศรษฐกิจแรงงาน เปิดแผนเร่งด่วน 10 เดือน แก้ขาดแคลนแรงงาน เดินเครื่อง 9 กิจกรรม เน้นเก็บข้อมูลตัวเลขแรงงานที่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ทำประชาสัมพันธ์เชิงรุก รายงานผลทุกเดือน
นายสุนันท์ โพธิ์ทอง ที่ปรึกษาวิชาการ ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการสำนักงานการเศรษฐกิจแรงงาน กล่าวว่า แผนการดำเนินงานในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในระยะเร่งด่วน ได้วางกรอบการทำงานเอาไว้เป็นระยะเวลา 10 เดือน ตั้งแต่เดือนมี.ค.-ธ.ค.2553 โดยมีทั้งหมด 9 กิจกรรม ได้แก่ 1.การหาข้อเท็จจริงเรื่องตัวเลขความต้องการแรงงาน และตัวเลขการขาดแคลนแรงงานที่ตั้งอยู่บนฐานความเป็นจริง โดยจะทำให้แล้วเสร็จภายในเดือนเม.ย.นี้ ส่วนกิจกรรมที่ 2 คือการจัดประชุมร่วมระหว่างกระทรวงแรงงานกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.), สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และกลุ่มอุตสาหกรรมที่ขาดแคลนแรงงาน มีเป้าหมายก็เพื่อต้องการตัวเลขแรงงานที่เป็นสถานการณ์จริง
จากนั้นกิจกรรมต่อมาคือ ทางผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงจะลงพื้นที่ไปพบปะกับผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดต่างๆ อาทิ ระยอง ชลบุรี อยุธยา เพื่อรับฟังปัญหาและความเดือดร้อนของสถานประกอบการในพื้นที่จริง โดยในเรื่องนี้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จะลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูลก่อน เนื่องจากมีบางสถานประกอบการแจ้งข้อมูลไม่ตรงตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง อาจจะทำให้ผู้บริหารได้รับข้อมูลที่คลาดเคลื่อนได้
ส่วนกิจกรรมที่ 4 ก็จะมีการจัดสัมมนาระดมความคิดเห็นของผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ภายในเดือนพ.ค. เพื่อประเมินสถานการณ์แรงงานทั้งหมดที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง ในขณะเดียวกัน กิจกรรมที่ 5 จะมีการตั้งคณะทำงานรับผิดชอบแผนเร่งด่วนในครั้งนี้ โดยมีระดับรองอธิบดีทุกกรม เป็นกรรมการ และมีสำนักเศรษฐกิจแรงงานเป็นเลขานุการ ที่จะคอยรวบรวมข้อมูลทั้งหมด
กิจกรรมที่ 6 ให้ผู้ตรวจราชการกระทรวง และกรมในสังกัด ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานทั่วประเทศ โดยเน้นเก็บข้อมูลตัวเลขการขาดแคลนแรงงาน กิจกรรมที่ 7 กระทรวงจะทำการประชาสัมพันธ์เชิงรุกอย่างเข้มข้นตลอดทั้ง 10 เดือน กิจกรรมที่ 8 จะมีการรายงานผลการดำเนินงานทุกเดือน และกิจกรรมที่ 9 ที่จะต้องดำเนินงานควบคู่กันไปตั้งแต่เริ่มต้น คือให้แรงงานจังหวัดทั่วประเทศสำรวจดีมานด์ ซัพพลายด้านแรงงานในจังหวัดตนเอง
“เราตระหนักถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงาน หลังจากที่มีหลายฝ่ายออกมาแสดงความกังวลเรื่องดังกล่าว โดยเฉพาะสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ที่ออกมาเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ความต้องการแรงงานในปีหน้ามีถึง 1 ล้านคน ในเมื่อเขาส่งสัญญาณมาอย่างนี้ เราในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง จำเป็นที่จะต้องตอบคำถามต่อสาธารณะให้ได้” นายสุนันท์ กล่าว
สิ่งทอไทยแนะรัฐเร่งปั้นแรงงาน รับการส่งออกขยายตัว
กรุงเทพธุรกิจ (
26 มี.ค. 53) - นายวิรัตน์ ตันเดชานุรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ เปิดเผยว่า สถานการณ์แรงงานในอุตสาหกรรมสิ่งทอของไทยยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการคาดการณ์ว่าปัจจุบันอุตสาหกรรมสิ่งทอมีความต้องการแรงงานอยู่กว่า 1 หมื่น ซึ่งไม่ได้ป้อนเข้าสู่ระบบอุตสาหกรรมดังกล่าวเลย โดยแม้แนวโน้มการส่งออกของไทยจะสดใสมากขึ้น ภาพรวมธุรกิจสิ่งทอจะสูงถึง 7,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่การขาดแคลนแรงงานถือเป็นอุปสรรค์ใหญ่ที่อาจส่งผลต่อการขยายตัวของภาคส่ง ออก
โดยเฉพาะแรงงานที่มีทักษะและวิศวกรสิ่งทอ รวมทั้งยังขาดแคลนนักเคมีสิ่งทอสำหรับทำงานในอุตสาหกรรมฟอกย้อม ขณะเดียวกันไทยยังขาดแคลนบุคลากรด้านดีไซน์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ผลิต สินค้าที่จะช่วยนำมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าสิ่งทอไทย ซึ่งสถาบันฯ สิ่งทอจึงได้ผลักดันให้เกิดการพัฒนานักออกแบบของไทย เช่น กิจกรรมการประกวด Young Designer Awards ในงาน GFT 2010 ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 1-4 กรกฎาคมนี้ ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา
นายสุกิจ คงปิยาจารย์ อุปนายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม กล่าวว่า ขณะนี้มีคำสั่งซื้อกลับเข้ามาที่ผู้ประกอบการไทยอย่างถล่มทลาย แต่ไทยยังประสบปัญหาจากข้อจำกัดที่แรงงานมีอยู่อย่างจำกัด หรือกำลังการผลิตยังเฉลี่ยแล้วอยู่ระดับเท่าเดิม เพราะโรงงานใหญ่ขยายกำลังการผลิต แต่โรงงานขนาดเล็กกลับปิดตัวลงจากพิษเศรษฐกิจ ดังนั้น หากพิจารณาเฉพาะเครื่องนุ่งห่มไทยแล้วปีนี้คาดว่าจะส่งออกได้ประมาณ 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากที่ภาพรวมการส่งออกสิ่งทอไทยทั้งหมดปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 7,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดที่ไทยจะต้องขยายตลาดให้มากขึ้นได้แก่ตลาดอาเซียนและเอเชีย ที่คาดว่าภายในอีก 5-10 ปีข้างหน้าจะกลายเป็นตลาดใหญ่ที่มีความสำคัญ มีปริมาณและมูลค่าสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้น แต่ไทยยังประสบปัญหาขาดแคลนนักออกแบบคุณภาพอีกเป็นจำนวนมาก จึงต้องเร่งสร้างบุคลากรในส่วนนี้
คนงานนิคอนร้องผู้ว่ากรุงเก่า เรียกร้องความเป็นธรรม
ข่าวสด (
27 มี.ค. 53) - เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 26 มี.ค พนักงานชายหญิงโรงงานผลิตของ บริษัท นิคอน (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งอยู่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นฐานการผลิตกล้องเลนส์ พร้อมอุปกรณ์กล้อง ของบริษัทนิคอนที่ใหญ่ที่สุดในโลก จำนวนกว่า 2,000 คน ได้รวมตัวกันเดินเท้า และขับขี่รถจยย.ออกเดินทางจากโรงงานที่ตั้งอยู่ในสวนอุตสาหกรรมโรจนะ เป็นระยะทางกว่า 10 ก.ม. มาปิดถนนโรจนะ หน้าบ้านพักนายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา ที่ตั้งอยู่กลางเกาะเมืองอยุธยา เขต ต.ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ส่งผลให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก พ.ต.อ.สมบัติ ชูชัยยะ ผกก. สภ.พระนครศรีอยุธยา นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรไปอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน โดยให้รถยนต์ไปใช้เส้นทางเลี่ยงเมือง
นายบุญเชิด เขียวขำ ที่ปรึกษาสภาลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทย และ นายธงชัย สิทธิเดช ประธานสภาสหภาพแรงงานนิคอน แกนนำได้เปิดเวทีปราศรัยโจมตีการทำงานที่ล่าช้าของภาครัฐที่ไม่สามารถช่วยเหลือคนงานได้และปราศรัยโจมตีผู้บริหารของบริษัท นิคอน (ประเทศไทย)จำกัด ซึ่งไม่สนใจที่จะลงมารับเรื่องร้องเรียนขอเพิ่มสวัสดิการจำนวน 13 ข้อ และชี้แจงประเด็นการพักงานแกนนำสหภาพแรงงานจำนวน 9 คน ทั้งนี้คนงานกว่า 2,000 คน เป็นตัวแทนคนงานทั้งหมดของบริษัทกว่า 8,000 คน ได้รวมตัวประท้วงที่หน้าโรงงานมาตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค.พร้อมยื่นข้อเสนอแต่พบว่าไม่ได้รับความสนใจจากผู้บริหารและภาครัฐ
นายธงชัย สิทธิเดช ประธานสภาสหภาพแรงงานนิคอน กล่าวว่า เราเคลื่อนพลแบบดาวกระจายปิดถนนประท้วงที่หน้าบ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อทวงถามถึงข้อเรียกร้องที่เคยมายื่นหนังสือเอาไว้ แต่ยังไม่มีความคืบหน้า ต่อไปเราจะเคลื่อนพลกลับที่ตั้งประท้วงหน้าโรงงานและจะประท้วงต่อเนื่องต่อไปทุกวันจนกว่าข้อเรียกร้องจะเป็นจริง และจะเคลื่อนพลดาวกระจายออกจากที่ตั้งแบบนี้ทุกวัน ไปตามสถานที่ราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ในการเรียกร้องขอให้ภาครัฐลงมาช่วยเหลือในการเจรจาหรือใช้อำนาจกฎหมายแรงงานช่วยเหลือคนงาน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net