แถลงการณ์ ฉบับที่ 1 เครือข่ายเร่งรัดการแก้ไขปัญหาสิทธิชุมชน ชี้รัฐบาล เจรจา นปช.ไม่มองปัญหาคนจน จวกแก้ปัญหาการเมืองด้วยการยุบสภาทำกระบวนการแก้ปัญหาเดิมหยุดชะงัก ย้ำหากจะยุบสภาต้องแก้ปัญหาคนจนก่อน
วันนี้ (31 มี.ค.53) เครือข่ายองค์กรชุมชนต่างๆ ในนามเครือข่ายเร่งรัดการแก้ไขปัญหาสิทธิชุมชน ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 แสดงเห็นต่อการเจรจาของรัฐบาลและแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เพื่อหาทางออกปัญหาวิกฤติการของประเทศว่า ทุกฝ่ายยังไม่ได้มีการหยิบยกปัญหาของชาวบ้านคนจน และชุมชนขึ้นมาถกเถียงเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขอย่างแท้จริง อีกทั้งข้อเสนอให้มีการยุบสภาอาจทำให้การแก้ปัญหาของเครือข่ายชุมชนต่างๆ ต้องหยุดชะงักไปได้
แถลงการณ์เครือข่ายเร่งรัดการแก้ไขปัญหาสิทธิชุมชนระบุด้วยว่า รัฐบาลและทุกฝ่ายควรคำนึงถึงการแก้ปัญหาคนจนโดยมีการวางแนวทางแก้ปัญหาของชุมชนอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรมก่อนการยุบสภา โดยมีข้อเสนอดังนี้
แถลงการณ์ ฉบับที่ 1 ของ เครือข่ายเร่งรัดการแก้ไขปัญหาสิทธิชุมชน ตามที่รัฐบาลมีการเจรจาหาทางออกในการแก้ปัญหาวิกฤตของประเทศ กับ กลุ่มแนวร่วมประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแห่งชาติ หรือ นปช. และมีข้อเสนอให้ยุบสภา เพื่อให้เกิดการเลือกตั้งใหม่ตามระบอบประชาธิปไตยนั้น เครือข่ายชุมชนฯ เห็นว่าทุกฝ่ายยังไม่ได้มีการหยิบยกปัญหาของชาวบ้านคนจน และชุมชนขึ้นมาถกเถียงเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขอย่างแท้จริง การเจรจาเป็นไปในแนวทางเพื่อแย่งชิงอำนาจทางการเมืองส่วนบนเท่านั้น ซึ่งได้แก้ปัญหาในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง จึงเป็นการตอกย้ำว่าเป็นการเมืองที่ไม่ได้สนใจแก้ปัญหาคนจนอย่างแท้จริง คน จนเหล่านั้นมีทั้งในกลุ่มเสื้อแดง เสื้อเหลือง และกลุ่มที่ไม่สังกัดสีใดๆ และผ่านมากลุ่มคนจนต่างๆ ได้พยายามเสนอ/ผลักดันการแก้ปัญหากับทุกๆ รัฐบาลมาโดยตลอดแต่ยังไม่ได้รับการตอบสนองเท่าที่ควร ในรัฐบาลนี้ก็เช่นกัน เครือข่ายองค์กรชุมชนต่างๆ จากทั่วประเทศได้ผลักดันเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา และ รัฐบาลมีการตั้งคณะกรรมการ/กลไกในการแก้ปัญหาแล้ว อาทิเช่น คณะกรรมการ 4 ฝ่ายเพื่อแก้ปัญหามาบตาพุด คณะกรรมการแก้ปัญหาของเครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง (คปสม.) คณะกรรมการแก้ไขปัญหาของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย อนุกรรมการแก้ปัญหาคนไร้สัญชาติ อนุกรรมการแก้ปัญหาผลกระทบจากการสัมปทานแร่ทองคำ ฯลฯ ซึ่งหากมีการยุบสภาการแก้ปัญหาของเครือข่ายชุมชนต่างๆ ต้องหยุดชะงักไปด้วย ดังนั้น รัฐบาลและทุกฝ่ายควรคำนึงถึงการแก้ปัญหาคนจน/คนชายขอบ โดยมีการวางแนวทางแก้ปัญหาของชุมชนอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม ก่อนการยุบสภา จึงมีข้อเสนอ ดังนี้ 1.กรณีปัญหามาบตาพุด เรื่องการจัดทำแผนลดและขจัดมลพิษ การผลักดันกลไกตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 วรรค 2 อย่างตรงตามเจตนารมณ์ 2.วางแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าอย่างมีส่วนร่วมของประชาชน 3.เร่งรัดผลักดันผ่านพระราชบัญญัติสัญชาติว่าด้วยการคืนสัญชาติไทยให้คนไทยพลัดถิ่น ซึ่งอยู่ในสภานิติบัญญัติลำดับที่ 108 เพราะกลุ่มคนเหล่านี้เป็นคนไทยที่ถูกละเมิดสิทธิมายาวนาน 4.เร่งรัดการแก้ปัญหาที่ดิน ซึ่งอยู่ในกระบวนการแก้ไขปัญหาแบบมีส่วนร่วมของชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ 1) ประกาศใช้ระเบียบ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องโฉนดชุมชน และรับรองพื้นที่นำร่องเพื่อการแก้ปัญหาที่ดิน จำนวน 76 แห่ง 2) เร่งรัดการพิสูจน์สิทธิที่ดินซึ่งชุมชนร้องเรียนว่าออกเอกสารมิชอบจำนวน 10 แห่ง 3) เร่งรัดการจัดทำแผนที่ 1: 4000 เพื่อกันป่าออกจากชุมชน ในพื้นที่ซึ่งอยู่ระหว่างการทำงานร่วมกันระหว่างชุมชนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวน 5.รัฐบาลประกาศเขตพื้นที่วัฒนธรรมพิเศษของชาวเลในอันดามัน ให้ครอบคลุมทั้งที่อยู่อาศัย พื้นที่ทำกิน พื้นที่ ศักดิ์สิทธิ์เพื่อประกอบพิธีกรรมและสุสาน 6.รัฐบาลประกาศยุติการให้สัมปทานและการขยายโรงงานการทำเหมืองแร่ทอง ในจังหวัดพิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ 7.รัฐบาลยุติการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.แร่ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของกฤษฎีกา เพราะขัดต่อหลักรัฐธรรมนูญ และสิทธิชุมชน 8.ยกเลิกนโยบายการสร้างเขื่อนแม่น้ำโขง 9.ยกเลิกการอนุญาตขุดลอกตะกอนลุ่มน้ำตะกั่วป่า จังหวัดพังงา เพราะกระทบต่อวิถีชีวิตชุมชน 10.กระทรวง มหาดไทยยุตินโยบายการย้ายที่ทำการอำเภอสามชุก เพราะขาดกระบวนการศึกษาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสามชุกตลาดร้อยปี และขาดการมีส่วนร่วมของชุมชน 11.ขอให้รัฐบาลยุติแผนพัฒนาภาคใต้ตามข้อเสนอของสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งจะมีการสร้างโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมาก อันจะกระทบต่อวิถีชีวิตชุมชนและสิ่งแวดล้อม 12.เสนอให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการสำรวจและขึ้นทะเบียนปัญหาของชุมชนที่ครอบคลุมทั้งปัญหา ที่ดิน ทรัพยากร และปัญหาคนชายขอบ
เครือข่ายเร่งรัดการแก้ไขปัญหาสิทธิชุมชน 1. เครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก วันที่ 31 มีนาคม 2553
|
ที่มา: ทีวีไทยเน็ตเวิร์ก
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)