Skip to main content
sharethis

ป.ป.ช. มีมติ ไม่รับคำร้องคดี กล่าวหาองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทุจริตต่อหน้าที่คดียึดทรัพย์ “ทักษิณ” ระบุเป็นดุลพินิจอิสระ-ไม่มีหลักฐานทุจริต

 

 

31 มี.ค. 53 - นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า ที่ประชุม ป.ป.ช.ได้พิจารณาการกล่าวหา องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จำนวน 9 คน ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ในคดียึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท ของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตามที่นายพิชา วิจิตรศิลป์ ประธานชมรมกฎหมายภิวัฒน์แห่งประเทศไทยยื่นเรื่องมา โดย ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่า การกล่าวหาของ นายพิชา เป็นเพียงการกล่าวอ้างว่า การวินิจฉัยคดีขององค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาฯ มีความแตกต่างไปจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยมิได้ระบุว่า องค์คณะผู้พิพากษาฯ มีพฤติการณ์กระทำผิดใดบ้าง

โดยเอกสารเผยแพร่ของสำนักงาน ป.ป.ช.ระบุว่า ตามที่ นายพิชา วิจิตรศิลป์ ประธานชมรมกฎหมายภิวัฒน์แห่งประเทศไทยและเครือข่าย ได้มีหนังสือกล่าวหา องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาจำนวน 9 คนในคดีดังกล่าวว่า ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในการพิจารณาพิพากษาคดียึดทรัพย์จำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท กล่าวคือได้พิจารณาพิพากษาในกรณีที่อัยการสูงสุด กล่าวหา พ.ต.ท. ทักษิณว่า ทำให้รัฐเสียหายในการแปลงค่าสัมปทานเป็นค่าภาษีสรรพสามิต ทั้งที่เป็นการซ้ำซ้อนและแตกต่างไปจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ได้ตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายถึงสองครั้งแล้วว่า รัฐไม่เสียหาย ซึ่งองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ จำนวน 9 คน จะต้องปฏิบัติในการทำคำพิพากษาโดยผูกพันตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีอำนาจตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายอีกต่อไป ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 216 วรรคห้า

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาหนังสือกล่าวหาของ นายพิชา ข้างต้นแล้ว ปรากฏว่า นายพิชา วิจิตรศิลป์แล้ว นายพิชาเพียงแต่กล่าวอ้างว่า การกระทำขององค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ทั้ง 9 คนเป็นการซ้ำซ้อนและแตกต่างไปจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ อันเป็นการเบี่ยงเบน บิดเบือนการบังคับใช้กฎหมายโดยมิชอบธรรม การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปโดยจงใจและมีเจตนาฝ่าฝืนบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ . อันเป็นการทำลายหลักนิติธรรมของประเทศ โดยมิได้ระบุว่า องค์คณะผู้พิพากษาดังกล่าวมีพฤติการณ์แห่งการกระทำผิดตามข้อกล่าวหาประการใด บ้าง อันจะถือได้ว่าเป็นการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา 84 ประกอบมาตรา 85 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะต้องดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไป

คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงได้ขอเชิญให้ นายพิชา ผู้กล่าวหามาพบเพื่อขอทราบว่า มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานใดสนับสนุนข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีกหรือไม่ แต่ก็ได้รับแจ้งว่า ไม่มีข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานอื่นใดเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่ได้ยื่นคำกล่าวหาไว้แล้ว

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า การพิจารณาพิพากษาคดี พ.ต.ท. ทักษิณรํ่ารวยผิดปกติ ขององค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาฯงทั้ง 9 คน ในประเด็นที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้รัฐเสียหายในการแปลงค่าสัมปทานเป็นค่าภาษีสรรพสามิตนั้นเป็นดุลพินิจ โดยอิสระของผู้พิพากษาในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีทัทั้งปวงตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 197 บัญญัติรองรับไว้

ดังนั้น ตราบใดที่ไม่มีการกล่าวอ้างโดยมีข้อ กล่าวหาและพฤติการณ์แห่งการกระทำผิดตามข้อกล่าวหาที่ชัดเจน พร้อมพยานหลักฐานหรืออ้างพยานหลักฐานว่า การกระทำดังกล่าวเป็นทั้งทัง้ เก้าคน เป็นการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ที่อยู่ในอำนาจของคณะกรรมการป.ป.ช. ที่จะดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไปได้ ที่ประชุมจึงมีมติไม่รับคำกล่าวหานี้ไว้พิจารณา

 

ที่มาข่าวเรียบเรียงจาก:  มติชนออนไลน์, ไทยรัฐออนไลน์

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net