ทำไมรัฐบาลจึงควรยุบสภาภายใน 3 เดือน คำชี้แจงจากเครือข่ายสันติประชาธรรม

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

อนุสนธิจากจดหมายเปิดผนึกของเครือข่ายสันติประชาธรรม อันประกอบด้วยนักวิชาการและประชาชนกว่า 250 คน ถึงนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และแกนนำ นปช. เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ได้มีผู้ตั้งคำถามอย่างกว้างขวางว่า อะไรคือเหตุผลรองรับของการเสนอให้รัฐบาลประกาศยุบสภาภายใน 3 เดือน ทางเครือข่ายฯ จึงใคร่ชี้แจงเพิ่มเติมเพื่อสร้างความเข้าใจแก่ทั้งฝ่ายรัฐบาล นปช. และประชาชนทั่วไป ดังนี้

1.     การยุบสภาเป็นหนทางที่เหมาะสมที่สุดในภาวะที่บ้านเมืองกำลังเผชิญกับทางตัน รัฐบาลไม่สามารถบริหารประเทศต่อไปได้ การเผชิญหน้าระหว่างกองกำลังของรัฐและมวลชนเสื้อแดงอาจกลายเป็นเงื่อนไขไปสู่การปะทะและปราบปรามผู้ชุมนุม และเปิดโอกาสให้การรัฐประหารได้ในที่สุด จริงอยู่ แม้ว่าการยุบสภาจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาทุกประการในสังคมได้ เพราะหลายปัญหาเป็นปัญหาความเหลื่อมล้ำและความอยุติธรรมในสังคม เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ต้องใช้เวลายาวนาน แต่รัฐบาลย่อมมีหน้าที่แก้ไขวิกฤติการณ์ที่สังคมกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ นอกจากนี้ การยุบสภาคือการดึงเอาการแก้ไขปัญหาการเมืองกลับเข้าไปสู่กลไกในระบอบประชาธิปไตย  และแม้ว่าการยุบสภาจะไม่สามารถรับประกันความสงบทางการเมืองหลังเลือกตั้งได้   แต่มันเป็นวิถีทางที่จำเป็นและชอบธรรมสำหรับปัจจุบัน ประการสำคัญ ณ วันนี้ นายกฯ อภิสิทธิ์ ก็ได้ยอมรับว่าจะต้องมีการยุบสภาแล้ว เพียงแต่ยังไม่สามารถตกลงเรื่องเวลากับทางฝ่าย นปช. ได้เท่านั้น

2.     เงื่อนไข 3 เดือนเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับรัฐบาลที่จะแก้ไขปัญหาและผลักดันนโยบายเศรษฐกิจที่เร่งด่วน เช่น  กรณีมาบตาพุด และการจัดสรรงบเงินกู้ 4 แสนล้าน เป็นต้น เพื่อทำให้เศรษฐกิจสามารถเดินหน้าไปได้ แม้ว่าจะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมืองก็ตาม

3.     ทางเครือข่ายเห็นว่าก่อนการยุบสภา ทั้งฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน และแกนนำ นปช. ควรมีเวลาทำสัญญาประชาคมในเรื่องกติกาการเลือกตั้ง ที่เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายสามารถหาเสียงเลือกตั้งในทุกพื้นที่ได้อย่างเสรี รวมทั้งการยอมรับผลการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลตามวิถีทางของระบอบรัฐสภา

4.     พรรคการเมืองต่าง ๆ ควรมีเวลาจัดเตรียมนโยบายสำหรับการหาเสียงเลือกตั้งเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจทางการเมือง อนึ่ง หลังประกาศยุบสภา รัฐบาลยังมีเวลาจัดการเลือกตั้งอีก 45-60 วัน จึงเท่ากับว่าพรรคการเมืองมีเวลาเตรียมตัวถึง 5 เดือน ซึ่งนับว่าเหมาะสม เพราะในสภาพปัจจุบัน พรรคการเมืองจะต้องเสนอนโยบายที่เป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง ว่าตนจะแก้ไขวิกฤติการเมืองและเศรษฐกิจที่สังคมกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันอย่างไร  

5.     การทำประชามติว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ เป็นการสูญเสียงบประมาณโดยไม่เกิดประโยชน์ ประการสำคัญ ไม่มีหลักประกันว่า หลังการลงประชามติ พรรคการเมืองจะสามารถตกลงแก้ไขรัฐธรรมนูญได้จริง หากจะมีการทำประชามติจะต้องทำหลังจากแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นแล้วต่างหาก เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ว่ามาตราที่ถูกแก้ไข มีเนื้อหาสาระอะไร ประชาชนไม่ควรลงมติในเรื่องที่ขาดความชัดเจน  ฉะนั้น การแก้รัฐธรรมนูญควรเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง

ท้ายนี้ เครือข่ายสันติประชาธรรมยังยืนยันในความเหมาะสมของช่วงเวลา 3 เดือน  จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีความยืดหยุ่นและเจตจำนงในการเจรจามากกว่าที่ผ่านมา

 

                                                                                                       ด้วยความห่วงใยต่อสังคม

                                                                                                       เครือข่ายสันติประชาธรรม

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท