Skip to main content
sharethis
2 เม.ย.53   เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย และคณะกรรมการองค์กรพัฒนาเอกชนด้านเอดส์(กพอ.) ออกจดหมายเรียกร้องอย่าบิดเบือนข้อเท็จจริงเรื่องเอชไอวี/เอดส์ เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ระบุ ไม่สบายใจการให้ข่าวว่าเลือดที่นำไปเทมีเชื้อและอาจทำให้เกิดการติดต่อจะสร้างความกังวล และหวาดระแวงไม่อยากอยู่ใกล้คนติดเชื้อ ทั้งที่ข้อเท็จจริงเอชไอวี/เอดส์ ไม่สามารถติดจากการเทเลือด ทั้งชี้ว่าเป็นเรื่องปกติที่อาจพบเชื้อดังกล่าว เนื่องจากในประเทศไทยมีอัตราผู้ติดเชื้อเอชไอวี 1 คน ต่อประชากร 60 คน พร้อมเชิญชวนให้ใช้โอกาสนี้ไปตรวจเลือดและเผยแพร่ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเอชไอวี/เอดส์
 
 


เครือข่ายคนทำงานด้านเอชไอวี/เอดส์ เรียกร้อง
อย่าบิดเบือนข้อเท็จจริงเรื่องเอชไอวี/เอดส์ เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง
 
 
จากกรณีที่มีการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มนปช. และได้มีการหยิบยกเรื่องการนำเลือดที่ได้จากการบริจาคของกลุ่มผู้มาร่วมชุมนุมไปเทตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อเป็นประท้วงรัฐบาล โดยมีการกล่าวอ้างว่า เลือดที่นำไปเทนั้น ได้มีการเก็บตัวอย่างและนำไปตรวจและพบว่าเลือดดังกล่าวมีเชื้อเอชไอวี ไวรัสตับอักเสบบี และไวรัสตับอักเสบซี จะทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อและจะทำให้มีคนติดเชื้อจากการกระทำดังกล่าว รวมทั้งเกรงว่าการที่มีคนที่ติดเชื้อทั้ง 3 โรคดังกล่าวมาอยู่รวมกันจำนวนมากอาจทำให้เกิดการแพร่เชื้อได้
 
คนทำงานด้านการรณรงค์เรื่องการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี และการเข้าถึงการรักษาของผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี มีความไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่งต่อการนำเสนอข้อมูลดังกล่าว เพราะการกล่าวอ้างเช่นนั้น จะทำให้เกิดความเข้าใจผิด ในเรื่องช่องทางการติดต่อของเชื้อทั้งสามชนิด จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสื่อสารให้ประชาชน มีความเข้าใจข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อจะไม่เกิดผลกระทบตามมา
 
ประเทศไทยมีอัตราการติดเชื้อเอชไอวีในกลุ่มประชากรทั่วไปเกือบ 1% หมายความว่า ทุกหกสิบคน จะมีหนึ่งคนในนั้นที่อาจจะติดเชื้อเอชไอวี ดังนั้น จึงไม่แปลก และมีโอกาสเป็นไปได้ที่จะพบผู้ติดเชื้อเอชไวอีในกลุ่มคนที่มาชุมนุม
 
การที่มีผู้ออกมาพูดว่า การเทเลือดประท้วงจะทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อ ทั้ง 3 โรค ซึ่งจะสร้างความเข้าใจผิด เกิดความกลัว กังวลเกินกว่าความเป็นจริง และอาจจะส่งผลให้เกิดการหวาดระแวง ไม่อยากอยู่ใกล้คนที่มีเชื้อเอชไอวี เพราะข้อเท็จจริงคือ ไม่มีโอกาสที่จะติดเชื้อจากเลือดที่นำมาเท เพราะว่าผิวหนังคนเราเป็นด่านสำคัญที่จะป้องกันเชื้อโรคไม่ให้เข้าสู่ร่างกายได้อยู่แล้ว โอกาสที่จะติดเชื้อได้ต้องมีช่องที่เฉพาะเจาะจง เช่น การร่วมเพศโดยไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัย หรือการใช้เข็มฉีดยาเสพติดร่วมกัน
  
คนทั่วไปมักกังวลกับการติดเชื้อในช่องทางที่ไม่มีโอกาสเกิดขึ้นจริง แต่ช่องทางหลัก คือการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ คนมักจะไม่ได้คิดถึง ทั้งที่คนส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อเอชไอวี ติดจากช่องทางนี้ ขณะนี้มีคนจำนวนมากที่อาจมีเชื้อในตัวอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ตัว เพราะไม่คิดว่าตัวเองมีความเสี่ยง และไม่เคยตรวจเลือด
 
ถ้ามีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ป้องกัน หรือการใช้เข็มฉีดยาเสพติดร่วมกับผู้อื่น เท่ากับว่าเป็นคนที่มีโอกาสเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อเอชไอวี ดังนั้นจึงอยากใช้โอกาสนี้ ชวนให้ไปรับบริการตรวจค้นหาการติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งปัจจุบัน มีบริการการให้คำปรึกษาและตรวจเลือดหาการติดเชื้อเอชไอวี ในทุกโรงพยาบาลของรัฐและเอกชน ที่อยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ คนไทยทุกคนไม่ว่าจะใช้สิทธิประกันสังคม สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สิทธิข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจสามารถไปรับบริการได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และหากพบว่าติดเชื้อเอชไอวี จะได้รับการรักษาที่ทันท่วงที ไม่ต้องรอให้ป่วย ขณะเดียวกัน หากพบว่าไม่ติดเชื้อเอชไอวีก็จะได้หาทางป้องกันตัวเองให้ไม่ต้องติดเชื้อเอชไอวีตลอดไป สนใจขอรับคำปรึกษาเรื่องเอดส์ได้ที่ มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ 02 -372 2222, มูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ 02- 171 5135
 
เราขอเรียกร้องให้ทุกฝ่าย อย่าบิดเบือนข้อเท็จจริง และใช้การสร้างความหวาดกลัว มาเป็นเครื่องมือในทางการเมือง
 
 
 
เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย
คณะกรรมการองค์กรพัฒนาเอกชนด้านเอดส์(กพอ.)
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net