Skip to main content
sharethis

รัฐบาล - ศอ.รส. จะใช้แนวทางการเจรจาขอคืนพื้นผิวจราจรสี่แยกราชประสงค์ สาทิตย์ยันยังไม่ประกาศ พรก.ฉุกเฉินตอนนี้ ลั่นไม่ต้องการให้จับคนกรุงเป็นตัวประกัน

เว็บไซต์ศูนย์สื่อทำเนียบรัฐบาล รายงานว่า ช่วงเย็นวันนี้ (3 เม.ย.) ที่แหล่งสมาคมนายทหาร กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ พันเอก สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงท่าทีของรัฐบาลและ ศอ.รส. ภายหลังมีเหตุการณ์กลุ่มผู้ชุมนุมนปช. เคลื่อนขบวนไปปิดสี่แยกราชประสงค์ และไปรวมตัวกันที่หน้าสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที

โดยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลและ ศอ.รส. ได้ติดตามสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มนปช. ที่เกิดขึ้นมาโดยลำดับ โดยเฉพาะสถานการณ์ในวันนี้ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ประกาศว่าจะมีการเคลื่อนขบวนกลุ่มผู้ชุมนุม ทั้งนี้ ศอ.รส. ได้แถลงข่าวในช่วงค่ำที่ผ่านมาว่าทางกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้มีการแจ้งเส้นทางการในเคลื่อนที่ล่วงหน้า จึงเกิดปัญหาทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีปัญหาอย่างมากในการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ซึ่งหลังจากที่ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พบว่ากลุ่มผู้ชุมนุมได้แยกการเคลื่อนขบวนออกเป็น 2 สาย คือ สายที่ 1 ใช้รถเคลื่อนขบวนไปทางถนนวิภาวดีรังสิต ขณะนี้อยู่ที่บริเวณหน้าสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 หรือเอ็นบีที และสายที่ 2 การเคลื่อนขบวนของกลุ่มผู้ชุมนุมไปปิดบริเวณสี่แยกราชประสงค์ที่เป็นส่วนที่มีผลกระทบมากที่สุด โดยเป็นการปิดการจราจรทั้ง 4 ด้านของสี่แยกราชประสงค์ ซึ่งรัฐบาลและศอ.รส. มีความเป็นห่วงสถานการณ์บริเวณนี้เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากบริเวณโดยรอบสี่แยกราชประสงค์มีโรงพยาบาลเช่น โรงพยาบาลตำรวจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ที่มีผู้ป่วยพักอยู่ และผู้ที่ต้องเดินทางไปพบแพทย์ตามที่นัดหมายไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งการที่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่แจ้งเส้นทางการเคลื่อนขบวนก่อนล่วงหน้า ย่อมมีผลกระทบต่อผู้ป่วยและบุคลากรของโรงพยาบาล ขณะเดียวกันแยกราชประสงค์ยังเป็นย่านศูนย์การค้าที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติและประชาชนที่จับจ่ายใช้สอยเป็นปกติในช่วงวันหยุด และส่งผลกระทบต่อนักเรียนที่เรียนพิเศษในบริเวณนั้น รวมทั้งผู้ที่สัญจรไป-มาในกรุงเทพฯ ก็ประสบความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า การไปปิดแยกราชประสงค์แล้วเกิดผลกระทบต่อสาธารณะในลักษณะนี้ รัฐบาลมองว่าน่าจะเป็นการชุมนุมที่ไม่เข้าข่ายเป็นการชุมนุมโดยสงบ ซึ่งได้รับการคุ้มครองตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ แต่รัฐบาลก็เคารพต่อเสียงของประชาชน ซึ่งเรียกร้องตลอดมาว่าในการดูแลการชุมนุมในครั้งนี้ ประชาชนไม่ประสงค์ที่จะทำให้เกิดการเผชิญหน้า การโต้แย้งกัน ความขัดแย้งซึ่งอาจจะนำไปสู่ความรุนแรงได้ ฉะนั้นสิ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเป็นความห่วงใยของประชาชนจำนวนมากที่ได้โทรศัพท์มาสอบถามว่ารัฐบาลดำเนินการอะไรไปบ้าง ก็ต้องเรียนว่าจากที่ได้ติดตามสถานการณ์ได้ประเมินผลกระทบโดยเห็นผลกระทบอย่างชัดเจน ที่ขณะนี้รถโดยสารประจำทางหยุดวิ่งไปแล้ว 16 เส้นทาง ซึ่งขณะนี้รัฐบาลโดยศอ.รสได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเจรจาขอคืนผิวการจราจรบางส่วนจากกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่ต้องการสัญจรไป-มา ให้ผู้ป่วยที่จะต้องไปโรงพยาบาลในบริเวณใกล้เคียง รวมถึงให้การบริการรถสาธารณะสามารถที่จะเดินรถตามเส้นทางปกติได้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว รัฐบาลเกรงว่าถ้าหากมีการปิดสี่แยกราชประสงค์ยืดเยื้อข้ามคืนไปจนกระทั่งถึงวันพรุ่งนี้ ผลกระทบจะเกิดขึ้นอย่างมากมายมหาศาล เพราะเป็นการปิดสี่แยกใจกลางกรุงเทพมหานครที่มีผลกระทบอย่างหนักกับประชาชน ความจริงก่อนหน้านี้ เรื่องการมาชุมนุมที่แยกราชประสงค์ กลุ่มผู้ชุมนุมได้เคยประกาศมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยรัฐบาลก็พยายามที่จะส่งสัญญาณว่าไม่อยากให้เกิดผลกระทบต่อสาธารณะขนาดใหญ่ แม้เราจะทราบโดยฝ่ายข่าวกรองว่าทางฝ่ายอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ให้สัญญาณแกนนำในการดำเนินการในครั้งนี้ ว่าให้ดำเนินการโดยไม่ต้องคำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน และสอดคล้องกับที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. ได้ประกาศบนเวทีว่า การจราจรติดขัดเป็นเรื่องเล็ก แต่รัฐบาลเห็นว่าการจราจรติดขัดเป็นเรื่องใหญ่ โดยในชั้นแรกจึงจะใช้วิธีการในการเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมก่อน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการอยู่แล้วตลอดเวลา

"เรามีความเชื่อว่าถ้าทางกลุ่มผู้ชุมนุมเห็นแก่ความเดือดร้อนของพี่น้องในกรุงเทพฯ นักท่องเที่ยว และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้ใช้บริการโรงพยาบาล และบริการรถสาธารณะ ก็น่าที่จะต้องคืนพื้นผิวจราจรบางส่วนให้กับผู้ที่ต้องการสัญจรไปมาบนถนน การเจรจาจะยังคงดำเนินต่อไป พร้อม ๆ กับการรักษาความปลอดภัยในบริเวณที่มีการชุมนุมอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้มีการกระทบกระทั่ง หรือมีการสร้างสถานการณ์ใด ๆ ของฝ่ายอื่นเกิดขึ้น รัฐบาลและศอ.รส. จะติดตามสถานการณ์โดยใกล้ชิดและมีการประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา รวมทั้งจะได้เตรียมกำหนดมาตรการอื่น ๆ ถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการในโอกาสต่อ ๆ ไปด้วย แต่เบื้องต้นคิดว่าการเจรจาน่าจะทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมได้เล็งเห็นว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลกระทบที่มากมายมหาศาลจริง ๆ ฉะนั้นการเจรจาจะยังคงดำเนินการต่อไป" รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว

พร้อมกันนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขณะนี้นายกรัฐมนตรี ได้หารือกับฝ่ายความมั่นคง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อยู่ที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ติดตามสถานการณ์ด้วยความเป็นห่วง และประสานงานกับศอ.รส. อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา จึงขอให้พี่น้องประชาชนเกิดความมั่นใจว่า รัฐบาลรับทราบทุกข์ยากความเดือดร้อนของประชาชน และพยายามหาทางคลี่คลายสถานการณ์ที่คำนึงถึงการไม่มีการเผชิญหน้า หลีกเลี่ยงความขัดแย้ง หรือโอกาสที่จะเกิดความรุนแรง โดยจะคงเดินแนวทางการเจรจาให้กลุ่มผู้ชุมคืนพื้นผิวการจราจร

ด้านโฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กล่าวว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมาศอ.รส. ได้มอบภารกิจให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยได้รับแจ้งเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาว่า ชุดเจรจาของกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 กับกองบังคับการตำรวจจราจรได้เจรจากับเวทีปราศรัยเคลื่อนที่ที่หน้าสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีได้สำเร็จเรียบร้อยแล้ว โดยจะมีการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มผู้ชุมนุมอีกระยะหนึ่ง คาดว่าภายในเวลา 1 ชั่วโมงครึ่งถึง 2 ชั่วโมงจะสามารถเคลียร์พื้นที่การจราจรบริเวณด้านหน้าสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีได้เป็นปกติ ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมจะทยอยไปเข้าร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณแยกราชประสงค์

“ศอ.รส.มีความมั่นใจว่าการเจรจาเพื่อขอพื้นที่บางส่วนของแยกราชประสงค์น่าจะสำเร็จภายในวันนี้ เพราะพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ผู้ชุมนุมอยู่นานไม่ได้ และไม่ใช่พื้นที่ตั้งถาวร โดยปกติส่วนใหญ่แล้วพื้นที่ที่ผู้ชุมนุมจะอยู่ต้องมีความสะดวกสบาย สามารถจะควบคุมเส้นทางเข้า-ออกได้เป็นอย่างดี ซึ่งคือพื้นที่บริเวณสะพานผ่านฟ้า เพราะฉะนั้นด้วยความไม่เหมาะสมของพื้นที่ เราเชื่อมั่นว่าผู้ชุมนุมคงจะอยู่สักระยะหนึ่ง คิดว่าเย็นนี้น่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น” โฆษก ศอ.รส.กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า บริเวณพื้นที่ทั้งหมดของแยกราชประสงค์จะต้องเคลียร์ให้หมดก่อนวันจันทร์ที่จะถึงนี้หรือไม่ โฆษก ศอ.รส. กล่าวว่า คงไม่สามารถที่จะยืนยันอย่างนั้นได้ว่าจะหมดเมื่อไหร่ แต่เราเชื่อมั่นว่าด้วยความไม่เหมาะสมของพื้นที่ที่ผู้ชุมนุมจะอยู่ จะเป็นตัวบีบบังคับเอง ขณะเดียวกันก็ยังเชื่อมั่นว่าจากการเจรจาของแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมที่บอกว่าจะชุมนุมยืดเยื้อ ถ้าจะชุมนุมยืดเยื้อก็จะต้องหาที่ที่เหมาะสมสำหรับการชุมนุม เราจึงมีความรู้สึกว่าด้วยปัจจัยต่างๆ ที่ประกอบกันน่าจะสามารถทำให้เย็นวันนี้คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า การชุมนุมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายในการชุมนุมไม่สงบตามที่ศาลปกครองเคยมีคำพิพากษาแล้วหรือยัง โฆษก ศอ.รส. กล่าวว่า เข้าข่ายแน่นอน เพียงแต่ว่า ณ ขณะนี้รัฐบาลได้มอบหมายให้ทาง ศอ.รส.พยายามที่จะดำเนินการไปตามขั้นตอน เริ่มต้นตั้งแต่การเจรจาก่อน

นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลมีการดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอนจากเบาไปสู่มาตรการที่เข้มข้นตามลำดับ แต่เราจะยืนยันเจตนารมณ์ในเบื้องต้นว่าการชุมนุมดังกล่าวที่ไปปิดล้อมสถานที่ที่เป็นสถานที่สำคัญของประเทศ และของกรุงเทพฯ นั้นทำไม่ได้ และเป็นเรื่องที่อาจจะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย การสะท้อนเจตนารมณ์ตรงนี้กำลังทำกันอยู่ ซึ่งเราจะยืนยันอย่างหนักแน่นและชัดเจนว่าเราต้องการให้มีการพูดคุยในการผ่อนปรนในการหาทางแก้ไขผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับบริเวณเหล่านั้น ซึ่งมีทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล โรงแรม หลายแห่ง สถานที่ประกอบการ สถานทูต ที่พักของชาวต่างชาติ วัด และสถานที่อื่น ๆ ในบริเวณนั้น เพราะฉะนั้น เราจะยืนยันในเบื้องต้นถึงเจตนารมณ์ว่าบริเวณเหล่านี้จะต้องมีการบริหารจัดการร่วมกัน จะต้องมีการผ่อนปรนจะต้องมีการเปิดพื้นที่เข้าสู่บริเวณสำคัญ ๆ หลายแห่ง เข้าใจว่าขณะนี้เรื่องของโรงพยาบาลได้มีการเปิดพื้นที่ไปบ้างแล้วได้มีการปรับระบบในการเข้าถึงโรงพยาบาลและสถานที่สำคัญหลายแห่ง

รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขั้นตอนต่อไปคือการกำหนดจุดร่วมว่าจะเปิดพื้นที่อื่น ๆ ได้เมื่อไหร่อย่างไร พร้อม ๆ กับการดูแลความปลอดภัยของคนที่เข้ามาชุมนุมในบริเวณนี้ และดูแลกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งขณะนี้มีอยู่พอสมควรที่ไม่ต้องการให้มีการปิดบริเวณเหล่านั้นให้ไม่ให้เกิดการเผชิญหน้า โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปในพื้นที่เพื่อดูแลความเรียบร้อยตรงนี้แล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นหลักในการปฏิบัติ นอกจากนั้นเราจะได้มีการกำหนดการในการแก้ไขปัญหาร่วมกันต่อไป ซึ่งยังมีเวลาอยู่ ขณะเดียวกันก็ขอให้ประชาชนอดทนและหลีกเลี่ยงไม่เข้าสู่บริเวณแยกราชประสงค์ที่มีการชุมนุม และพยายามที่จะเปิดพื้นที่ให้กับเจ้าหน้าที่ทำงานโดยสะดวก และขณะนี้ผู้ประกอบการหลายแห่งได้ปิดทำการแล้วเพื่อให้เกิดความร่วมมือเพื่อไม่ให้คนเดินทางเข้าไปในพื้นที่มากเกินความจำเป็น อย่างไรก็ตาม มาตรการเหล่านี้เราได้ประสานงานกันมาตั้งแต่เราได้ทราบว่ามีการเข้าไปในพื้นที่ ใช้เวลาหลายชั่วโมง แต่เราได้ยืนยันว่าจะทำตามขั้นตอนเหล่านี้ แต่วัตถุประสงค์หลักคือเราจะต้องให้มีการเปิดพื้นที่สำคัญ ๆ เพื่อที่จะให้มีการดำเนินกิจการต่าง ๆ ตามปกติ ทั้งนี้ การเปิดพื้นที่ต้องใช้เวลาและต้องทำความเข้าใจร่วมกัน

“เราจะสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนทั้งประเทศ และของคนกรุงเทพมหานครส่วนใหญ่ว่าไม่ต้องการให้มีการชุมนุม โดยการละเมิดกฎหมาย หรือกฎเกณฑ์ ทำความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น ขณะเดียวกันก็จะสะท้อนว่าการชุมนุมเป็นสิทธิและทำได้อยู่ภายใต้บริบทในกรอบของกฎหมาย ผมเข้าใจว่าวันนี้ในช่วงเย็นคงจะมีความคืบหน้าตามลำดับ แต่คงต้องใช้เวลา ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดเวลาชัดเจนว่าขั้นตอนกระบวนการเหล่านี้จะเป็นอย่างไร แต่ผลกระทบที่ตามมาก็มีหลาย นอกจากจะเรื่องของสภาพบรรยากาศทางการเมือง เรื่องของการค้าธุรกิจ สิ่งหนึ่งที่มีผลกระทบชัดเจนคือ การเจรจาระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายนปช. ทางนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้พูดคุยกันบ้างแล้วว่า จริง ๆ แล้วเราไม่อยากให้มีการทำอะไรที่ละเมิดกฎกติกาหรือกฎเกณฑ์ในช่วงนี้ เพื่อรักษาบรรยากาศที่ดี เพื่อที่จะให้การพูดคุยเจรจาดำเนินการต่อไปได้ แต่ในขณะนี้เมื่อมีการละเมิดกฎกติกาและมีการชุมนุมในลักษณะที่กระทบกระเทือนต่อสิทธิของผู้อื่น การเจรจาระหว่างรัฐบาลกับทางกลุ่มนปช.คงจะต้องมีผลกระทบตามไปด้วย เพราะฉะนั้น จึงขอเรียกร้องให้ทางกลุ่ม นปช.เข้ามาร่วมมือกัน สุดท้ายคือเรื่องของกลุ่มคนที่อาจจะฉวยโอกาสเข้ามาสร้างสถานการณ์ เราก็เรียกร้องให้ทางกลุ่มนปช. โดยเฉพาะการ์ด นปช. มาร่วมมือในการจัดระบบ จัดระเบียบ ดูแลความปลอดภัยให้กับผู้ที่มาชุมนุมร่วมกับทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ ผลกระทบที่เกิดขึ้นถ้าหากว่าเราไม่สามารถจัดการร่วมกันได้ ประชาชนจะรู้สึกไม่มั่นคงไม่ปลอดภัย และภาระหนักจะตกอยู่กับรัฐบาล อันนี้ชัดเจนว่าเป็นผลประโยชน์ร่วมกันและรัฐบาลต้องดูแลรับผิดชอบ” รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ศอ.รส.มีการวิเคราะห์หรือไม่ว่าการชุมนุมของกลุ่มผู้ชุมนุม มีความต้องการให้ถึงจุดที่จะให้รัฐบาลใช้ความรุนแรง รัฐมนตรีประจำสำนักนายรัฐมนตรีกล่าวว่า เป้าหมายของกลุ่มผู้ชุมชัดเจน แต่การดำเนินการไปสู่เป้าหมายก็ควรจะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์สาธารณะ หรือผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนด้วย ก่อนหน้านี้รัฐบาลก็พยายามเปิดท่าทีในการเจรจามาโดยตลอด และเป็นการเจรจาบนพื้นฐานที่ต้องการแสวงหาทางออกให้กับวิกฤตการณ์ในขณะนี้ นายกรัฐมนตรีก็ไม่เคยปิดกั้นหนทางการเจรจา แต่ขณะนี้เมื่อการชุมนุมยกระดับขึ้นมา และมีการประกาศในแนวทางต่าง ๆ ซึ่งศอ.รส. ได้ประเมินและแถลงไปแล้วเมื่อคืนนี้ว่าเป็นแนวทางที่มีความก้าวร้าวและรุนแรงมากขึ้น ก็จะมีผลกระทบต่อสังคมมาก ทั้งนี้ รัฐบาลยืนหยัดในแนวทางที่ต้องการการเจรจา ขณะเดียวกันก็ต้องป้องกันผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสังคมไปด้วย โดยจะต้องไม่ให้มีการกระทบกระทั่งถึงขั้นที่จะต้องมีโอกาสที่จะเกิดความรุนแรง การประคับประคองสถานการณ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่รัฐบาลต้องพยายามที่จะดำเนินการในการดูแลสถานการณ์ขณะนี้โดยคำนึงถึงประชาชนด้วย คิดว่ากลุ่มผู้ชุมนุมไม่ควรใช้วิธีการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์โดยไม่คำนึงถึงวิธีการ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นผลกระทบจะเลวร้าย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ความเดือดร้อนตรงนี้อาจจะตีกลับมาสู่รัฐบาลเอง ถ้าประชาชนมองว่ารัฐบาลไม่ทำอะไร ปล่อยให้ประชาชนต้องเดือดร้อน รัฐมนตรีประจำสำนักนายรัฐมนตรีกล่าวว่า อันนี้คือสิ่งที่รัฐบาลต้องมาแถลงว่า รัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์โดยใกล้ชิด และมีมาตรการในการลงไปแก้ไขปัญหาเป็นระดับขั้น ในขั้นนี้คิดว่าการเจรจาเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง และเป็นหนทางที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าหรือความขัดแย้งกันได้

ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อกฎหมายขณะนี้ที่รัฐบาลจะสามารถนำมาใช้ดำเนินการได้ และถ้าการชุมนุมยืดเยื้อออกไป จะมีการบังคับใช้ข้อกฎหมายใด รัฐมนตรีประจำสำนักนาย รัฐมนตรีกล่าวว่า ขณะนี้มีอยู่หลายกฎหมายที่ดำเนินการได้ และมีมาตรการที่เตรียมการด้านกฎหมาย ที่จะต้องดำเนินการกันต่อไป ขั้นนี้คิดว่าขั้นนี้เป็นขั้นตอนการเจรจาไปก่อน แล้วประเมิน ส่วนจะต้องดำเนินมาตรการทางกฎหมาย จะไปศาลหรือไม่อย่างไร จะแถลงให้ทราบโดยลำดับต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังไม่ข้ามไปถึงการประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉินใช่หรือไม่ รัฐมนตรีประจำสำนักนายรัฐมนตรีกล่าวว่า ยังครับ ต้องประเมิน ขณะนี้ศอ.รส.ทำงานประเมินเหตุการณ์ตลอด เพราะเหตุการณ์มีการพัฒนาไปเร็ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองแนวโน้มการเจรจาจะมีความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน รัฐมนตรีประจำสำนักนายรัฐมนตรีกล่าวว่า อยู่ในขั้นดำเนินการ พยายามทำกันอยู่เต็มที่แล้วในขณะนี้ พยายามเจรจาเพื่อเปิดพื้นที่พื้นผิวการเจรจาบางส่วน เข้าใจว่าความเดือดร้อนของประชาชน เพราะเรื่องการปิดถนนมีผลกระทบมาก ซึ่งเรื่องการเจรจาจะต้องใช้เวลา

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลมีการขีดเส้นให้กลุ่มผู้ชุมนุมให้เคลียร์พื้นที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์หรือไม่ รัฐมนตรีประจำสำนักนายรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ได้ขีดเส้น คงเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการเจรจากันไป เพราะเมื่อผู้ชุมนุมไปปิดการจราจรแล้วมีผลกระทบ หากกลุ่มผู้ชุมนุมคืนพื้นผิวจราจรบางส่วน สามารถเดินรถบางส่วนได้ ก็จะผ่อนคลายสถานการณ์ไปได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ากลุ่มผู้ชุมนุมยังไม่คืนพื้นที่ ยังคงยึดพื้นที่ทั้งหมด จะดำเนินการอย่างไร รัฐมนตรีประจำสำนักนายรัฐมนตรีกล่าวว่า คงยังไม่ตอบถึงพรุ่งนี้ ต้องประเมินสถานการณ์กันตลอดเวลาเป็นชั่วโมงต่อชั่วโมง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ณ ขณะนี้รัฐบาลทำอะไรบ้างนอกจากการประเมินสถานการณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายรัฐมนตรีกล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ตลอดเวลาคือติดตามมอบหมายเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ลงไป ดูแลความปลอดภัยสาธารณะ การสร้างสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นจากบางฝ่ายที่ต้องการทำให้สถานการณ์รุนแรง การเจรจาให้คืนพื้นผิวจราจรต่างๆ การอำนวยความสะดวกการจราจรบริเวณโดยรอบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ความเดือดร้อนที่เป็นอยู่ในขณะนี้จะเป็นเหตุผลให้รัฐบาลต้องจำยอมยุบสภาหรือไม่ รัฐมนตรีประจำสำนักนายรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องนี้คงไม่ใช่เงื่อนไข สิ่งที่เราเป็นห่วงมากคือความพยายามที่จะเร่งเร้าการชุมนุมของบรรดาแกนนำ ซึ่งมีแนวโน้มที่รุนแรงขึ้น และออกห่างไปจากแนวทางสันติ อหิงสา ที่ใช้มาโดยตลอด เพราะถ้าเป็นแนวทางสันติ อหิงสา ก็ไม่ควรที่จะก่อความเดือดร้อนให้กับประชาชนมากขนาดนี้ อย่างไรก็ตามเหตุนี้คงไม่ใช่เป็นเหตุที่กดดันทำให้รัฐบาลจะต้องตัดสินใจในการที่จะยุบสภาหรือไม่ เหตุผลเรื่องการยุบสภาคงเป็นคนละประเด็นกันกับเรื่องที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ก่อความเดือดร้อนขณะนี้ หน้าที่รัฐบาลคือต้องปัดเป่าความเดือดร้อนนี้ก่อน โดยใช้ทุกมาตรการเท่าที่มีอยู่ในขณะนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า แกนนำบางคนได้ประกาศชัดเจนที่แยกราชประสงค์ว่าจะบีบคอให้นายกรัฐมนตรียุบสภาภายใน 15 วัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายรัฐมนตรีกล่าวว่า คงไม่ใช่เรื่องที่จะบีบคอหรือไม่บีบคอ ความจริงเรื่องการยุบสภามีการเจรจากันไปแล้ว 2 ครั้ง และทางกลุ่มผู้ชุมนุมก็ปฏิเสธการเจรจา แล้วยกระดับไปสู่การปิดถนนสร้างความเดือดร้อน กรณีเรื่องยุบสภาสามารถดำเนินการต่อได้ด้วยการเปิดการเจรจาครั้งที่ 3 ซึ่งรัฐบาลพร้อมอยู่แล้ว แต่ในเวลานี้ทางแกนนำพยายามเร่งเร้าสถานการณ์ นำไปสู่การชุมนุมที่มีความเดือดร้อนกับพี่น้องประชาชนมากขึ้น และนำประชาชนผู้ร่วมชุมนุมไปสู่ความเสี่ยงบนท้องถนนมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางตำรวจนครบาลประเมินว่ากลุ่ม นปช. จะปิดแยกราชประสงค์ 2 - 3 วัน รัฐบาลจะปล่อยให้สถานการณ์ไปถึงขนาดนั้นหรือไม่ รัฐมนตรีประจำสำนักนายรัฐมนตรีกล่าวว่า เข้าใจว่าเป็นการประเมินจากที่แกนนำผู้ชุมนุมพูดบนเวที รัฐบาลก็ต้องคลี่คลายปัญหานี้โดยเร็วที่สุด แต่ที่เราไม่อยากขีดเส้นเวลาลงไปเพราะว่าการดำเนินการลักษณะการเจรจาในความเห็นที่ไม่ตรงกันนี้ การไปขีดเส้นเวลาจะกลายเป็นสภาพที่ทำให้เป็นเงื่อนไขทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งขึ้นได้ การเจรจาจะเป็นขั้นตอนไป ขณะนี้เราทำงานกันอย่างหนัก รู้ว่าประชาชนเดือดร้อนมาก และแรงกดดันทั้งหมดขณะนี้ก็อยู่ที่รัฐบาลที่จะต้องคลี่คลายปัญหานี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ศอ.รส.ทำงานแบบตั้งรับเกินไปหรือไม่ แล้วบอกให้ประชาชนอดทน รัฐมนตรีประจำสำนักนายรัฐมนตรีกล่าวว่า หน้าที่ของรัฐบาลคือจะต้องคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้น ต้องยอมรับว่ากลุ่มผู้ชุมนุมมีการเคลื่อนไหวที่ไม่มีการประกาศล่วงหน้า ถ้าจะถามว่าตั้งรับเกินไปหรือไม่ก็ต้องบอกว่างานเชิงรุกบางอย่างก็เป็นการสร้างความเข้าใจกับสังคมด้วย ส่วนการสร้างความเข้าใจกับผู้ชุมนุมนั้น การไปพูดคุยเจรจา การขอร้อง การที่จะชี้แนะไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้น หรือการประสานงานซึ่งเป็นการทำงานเชิงรุกของฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ทำอยู่ตลอดเวลา

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายวันก่อนหน้านี้กลุ่มผู้ชุมนุมก็บอกแล้วว่าจะไปแยกราชประสงค์ ได้สะท้อนว่า ศอ.รส. ไม่มีแผนที่จะรองรับคำประกาศนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายรัฐมนตรีกล่าวว่า เราคงไม่อาจที่จะปิดกั้นไม่ให้เขาเดินทางไปแยกราชประสงค์ได้ การประกาศไปแยกราชประสงค์ขณะนั้นเราก็ได้ติดตามสถานการณ์โดยตลอด ซึ่งการไปแยกราชประสงค์วันนี้กลุ่มผู้ชุมนุมเองก็ไม่ได้แจ้งกับผู้ชุมนุมล่วงหน้า และกำหนดเป้าหมายเมื่อช่วงเช้านี้ หน้าที่ของรัฐบาลคือเมื่อเขาประกาศที่จะเดินไป เราก็มีหน้าที่ต้องดูแลประโยชน์ของสาธารณะก่อนเป็นอันดับแรก

ผู้สื่อข่าวถามว่า มาตรการที่จะเขยิบสูงขึ้นกว่าการเจรจาคืออะไร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นขั้นตอนตามปกติ เป็นมาตรการทางกฎหมายต่าง ๆ ที่จะใช้ได้ เป็นกระบวนการที่จะต้องเดินไปสู่กระบวนการทางศาล แต่ที่ยังไม่พูดไปเพราะจะต้องประเมินความคืบหน้ามาตรการการเจรจาก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า นปช. เล็งเห็นผลอยู่แล้วว่าการทำอย่างนี้จะทำให้เกิดความเดือดร้อน และกดดันให้รัฐบาลยุบสภา รัฐบาลจะเอาอะไรไปเจรจากับเขา ในเมื่อเขาต้องการให้เดือดร้อน รัฐมนตรีประจำสำนักนายรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องบอกเขาว่าสิ่งที่เขาทำคือจับสังคมกรุงเทพฯ เอาคนกรุงเทพฯ เอาประชาชน เป็นตัวประกัน รัฐบาลมีแนวทางอยู่แล้วว่าเราไม่ต้องการให้การจับคนกรุงเทพฯ เป็นตัวประกันนี้เกิดขึ้น ฉะนั้นสิ่งที่เราจะต้องคลี่คลายคือทำให้ระบบสาธารณะมีความคล่องตัวในการเดินทาง การบริการต่าง ๆ ที่ประชาชนต้องใช้ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน สามารถดำเนินการไปได้ "หลักใหญ่ใจความอยู่ตรงที่สังคมเองไม่อยากให้เกิดความขัดแย้ง ไม่อยากให้เกิดการเผชิญหน้า จึงต้องใช้วิธีการที่จะต้องคำนึงถึงเงื่อนไขในข้อนี้ด้วย"

นอกจากนี้มีรายงานเพิ่มเติมว่า ทางรัฐบาลและ ศอ.รส. ให้เวลาผู้ชุมนุมออกจากแยกราชประสงค์ภายในเวลา 21.00 น. และจะมีการแถลงข่าวอีกครั้งในเวลา 21.00 น.

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net