ใบตองแห้งออนไลน์: ก้าวให้พ้นทักษิณ?

 
 
แหม มันช่างดรามาอะไรปานนั้น รถพอร์ชลูกผู้ดีขับชนม็อบไพร่แดง ก่อนหน้านั้นเราก็ได้เห็นม็อบชาวกรุงเสื้อสีชมพู รุมยำคนเสื้อแดง แสดงความถ่อยเถื่อนอย่างเสมอภาค
 
ภาพข่าวรอยเตอร์ก็ช่างเน้นเหลือเกิน เห็นภาพไพร่แดงไปยืนอยู่หน้าศูนย์การค้า แหล่งรวมสินค้าหรูแพงระยับสำหรับผู้มีระดับโดยเฉพาะ เสื้อแดงหน้าตายังกะผู้ร้ายหนังไทย คนเหนือคนอีสานไม่มีดั้ง ไปยืนอยู่หน้าป้ายโฆษณาอาร์มานี
 
ไอเดียใครหนอ ที่ให้มาม็อบปิดราชประสงค์ ภาพที่ออกมาช่างต่างกับปิดอนุสาวรีย์ลิบลับ
 
เปล่า ไม่ได้เชียร์นะครับ ตั้งแต่เช้าวันเสาร์พอรู้ว่าม็อบไปปิดราชประสงค์ ผมก็โทรหาคนในฝ่ายเสื้อแดงที่รู้จัก ว่าเฮ้ย ทำไมทำอย่างนั้น นี่มันน้องๆ ปิดสาวรีย์ชัยเลยนะเพ่
 
แต่ตกบ่ายจนถึงค่ำ ผมเริ่มรู้สึกว่า ไอ้ที่ผมคิดว่า “เสียการเมือง” น่ะ มันคงไม่มีประโยชน์แล้ว รัฐบาลประกาศให้ม็อบสลายตัวตอนสามทุ่มก็แล้ว ห้าทุ่มก็แล้ว ผมเฉยๆ เพราะมันเป็นอะไรที่ม็อบเขาคงคิดกันไว้แล้ว
 
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ว่างั้นเถอะ ผมเลยมานั่งเขียนตอนดึก ด้วยตระหนักว่าไม่ว่าจะมีการสลายม็อบหรือมาร์คยุบสภา ก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่ เพราะสังคมไทยเราแบ่งฝ่ายแตกแยกโกรธเกลียดกันจนแทบจะเกลียดมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
 
รัฐสลายม็อบ จับแกนนำ เสื้อแดงก็ไม่แพ้ มีแต่จะกระจายกันลุกฮือต่อต้านไปทั่ว ข้อเรียกร้องยุบสภา ก็เป็นข้อเรียกร้องขั้นต่ำสุดของเสื้อแดงจริงๆ เพราะมวลชนส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการแค่ยุบสภา แต่ต้องการชัยชนะ “โค่นอำมาตย์”
 
ในทัศนะผม ผมยังรู้สึกว่าเสื้อแดงไม่ควรไปปิดราชประสงค์ เพราะ “เสียการเมือง” แต่สงสัยว่าผมจะเป็นเสียงส่วนน้อย (หรือไม่ก็มีพลังเงียบฉี่ หนีไปฉี่) เพราะดูไปดูมา เสียงส่วนใหญ่แตกเป็น 2 ข้างคือ พวกเสื้อแดงที่เอาไงเอากัน กับพวกตรงข้ามที่เห็นว่าเสื้อแดงทำอะไรก็ผิดอยู่ดี แทบไม่มีใครหรอกที่จะมานั่งมองว่าอะไรควรไม่ควร เหมาะไม่เหมาะ จริงไหม (เพราะพวกตรงข้ามก็ยึดทำเนียบยึดสนามบินมาทั้งนั้น)
 
4 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก สังคมไทยเราใกล้จะเหมือนภาคใต้เข้าไปทุกที แม้ยังไม่เกิดความรุนแรงถึงขั้นไล่ฆ่ากัน แต่ก็คล้ายในแง่ของการเอาชนะด้วยกำลัง ไม่แยแสสนใจว่าจะเสียการเมืองเสียคะแนนในสายตาชาวบ้าน
 
เพราะมันแตกแยกจนไม่เหลือชาวบ้านที่ไหนให้หาคะแนนแล้ว นอกจากพวกพลังเงียบแบบดูละครหลังข่าวไปวันๆ หรือเล่นพนันบอลพรีเมียร์ลีก
 
แกนนำเสื้อแดงก็คงตระหนักเช่นนี้ ถึงได้กล้าๆ ยึดราชประสงค์ ตลอดเวลาที่เคลื่อนไหวมา 3 สัปดาห์ มันพิสูจน์แล้วว่าใครเป็นพวก ใครไม่ใช่พวก ใครเอาแต่ดูหนังเกาหลี
 
แล้วมันก็เป็นความแตกแยกทางชนชั้นที่ชัดเจนสุดๆ ผมดูภาพม็อบเสื้อแดงเคลื่อนขบวนไปตามถนน วันแรกที่ไปราบ 11 ผ่านหน้า ร.พ.รามา คนที่ออกมาเชียร์คือผู้ช่วยพยาบาล พนักงานเข็นรถ ผ่านไซต์ก่อสร้าง คนงานก็ชูผ้าแดงเป็นแถว ผ่านตรงไหนเป็นมี รปภ. แม่บ้าน คนขับรถ (มีบางคนเขาชมนะว่าเสื้อแดงรู้จักเลือกเส้นทาง คือเอาเส้นที่มันผ่านตลาดๆ ไว้ก่อน)
 
แน่นอน มีคนชั้นกลางไม่น้อยที่เชียร์เสื้อแดง แต่ภาพคนชั้นกลางอีกฝ่ายชัดเจนกว่า โดยเฉพาะสื่อ นักวิชาการ ผู้มีชื่อเสียงทางสังคม ที่เป็นตัวแทนของคนชั้นกลางกระแสหลัก
 
อ.เกษียร เตชะพีระ ให้คำจำกัดความ “ระบอบทักษิณ” ไว้ ไม่ได้มีความหมายด้านเดียวเป็นอะไรที่เลวร้าย เหมือนที่ พธม.เอาคำนี้มาใช้ แต่มีความหมายชัดเจนในเชิงรัฐศาสตร์ ว่าคือการก้าวขึ้นมามีอำนาจของทุนใหม่ผู้ได้อานิสงส์จากโลกาภิวัตน์ โดยมีฐานเสียงจากคนจนคนรากหญ้าผู้ล้มละลายจากโลกาภิวัตน์
 
ไม่ว่าคนชั้นกลางคนกรุงจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม พวกเขามาแล้ว และจะมาเคาะประตูบ้านคุณ - เกษียรพูดไว้ตั้งแต่ 2 ปีก่อน
 
ถามว่าคนกรุงคนชั้นกลางเสื้อเหลืองเสื้อชมพูจะอยู่กันอย่างไร ถ้ายาม แม่บ้าน คนขับรถที่ออฟฟิศ แท็กซี่ แมงกะไซค์ หยิบเสื้อแดงมาใส่กันหมด โอเค เมืองไทยเราคงไม่ถึงขั้นนั้น แต่ถ้ายังปลุกความเกลียดชังกันอยู่ละก็ไม่แน่
 
เราจะออกจากสถานการณ์นี้ได้อย่างไร ผมมองว่ามี 2 ทางเท่านั้นคือ ถ้าผู้มีอำนาจที่แท้จริงในสังคมไทยมองเห็นปัญหา และกลับมาแก้ไขความผิดพลาด เราก็จะกลับไปสู่สันติ แต่ถ้าเขามองไม่เห็น สังคมไทยก็จะไปสู่สงครามกลางเมือง เพราะคนเสื้อแดงวันนี้ไม่ยอมแล้ว เขาพร้อมที่จะแตกหัก คุณปราบ เขาก็จะกลับไปเปิดการต่อสู้ในต่างจังหวัด แล้วประเทศนี้ก็จะมี “เขตปลดปล่อย” หรือ “ฐานที่มั่น” ที่เป็นนามธรรมอยู่ทั่วทุกหัวระแหง
 
หลังสงกรานต์ปีที่แล้ว เมื่อได้เห็นคนเสื้อแดงคลั่งแค้นต่อสู้กับทหารที่มีอาวุธครบมืออย่างไม่พรั่นพรึง หลายฝ่าย ตั้งแต่ TDRI ไปถึงพันธมิตร เริ่มออกมาพูดถึง “ความเป็นธรรมในสังคม” เริ่มยอมรับว่ารัฐบาลทักษิณให้ประโยชน์กับคนจนคนชนบท แต่ไม่ใช่ แค่นั้นยังไม่พอครับ เพราะมันไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ไปทำอย่างเดียวกันหรือต่อให้ไปทำดีกว่า แล้วคนเสื้อแดงจะยอมสยบ
 
ปัญหาความเป็นธรรมมันไม่ได้หมายความแค่ความยากจน หรือการเอารัดเอาเปรียบกันที่มีสูงมากในสังคมไทย แต่มันยังหมายถึงความยุติธรรมและความเสมอภาค
 
เสมอภาค ที่หมายความว่า คนกรุงคนชั้นกลางต้องยอมรับคะแนนเสียงของคนชนบทที่เขาเลือกรัฐบาลเข้ามา ไม่ใช่ทำตัวเป็น “ผู้ดีขี้โกง” คือแพ้แล้ว มองไม่เห็นทางเอาชนะในการเลือกตั้ง ก็หันไปหวังพึ่งรัฐประหาร พึ่งตุลาการภิวัตน์ ยุบพรรคครั้งหนึ่งก็แล้ว มันยังชนะ โชคดีที่วางกลไกไว้ในรัฐธรรมนูญหน้าแหลมฟันดำ เลยยุบพรรคได้อีกครั้ง แล้วไปตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร
 
ต้องถาม “ผู้ดี” ทั้งหลายว่าลองเอาใจเขาใส่ใจเราบ้าง เป็นคุณคุณจะรู้สึกอย่างไร แต่ส่วนใหญ่ไม่รู้สึก เพราะมองแต่ว่าไอ้พวก ส.ส.กเฬวรากซื้อเสียงเข้ามา ชาวบ้านจน เครียด กินเหล้า ใครให้เงินก็เลือก ไม่มีความผูกพันอะไร
 
นี่คือทัศนะฝังหัวของคนชั้นกลาง ตั้งแต่มวลชนพันธมิตรไปถึงตุลาการ ต่างมองไม่เห็นว่าคนชนบทเขาตื่นตัวตระหนักในสิทธิและอำนาจของเขาแล้ว ยังคิดว่า “ราษฎรยังโง่อยู่”
 
ผมเคยนั่งคุยนอกรอบกับตุลาการท่านหนึ่ง ไม่บอกหรอกว่าเป็นตุลาการคดียุบพรรคหรือไม่ แต่ถามว่า (สมมติท่านเป็น) ถ้า ปชป.ทำผิดแบบเดียวกันท่านจะยุบไหม ท่านลังเล แล้วก็บอกว่าคงไม่ เพราะ ปชป.เป็นสถาบัน ถือว่าเป็นของสมาชิกจำนวนมากไม่ใช่แค่เป็นของหัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ไม่ทราบป่านนี้ท่านจะรู้หรือยังว่าท่านคิดผิด เพราะพรรคที่ยุบไป 2 ครั้งแล้วยังไม่ตาย มันพิสูจน์แล้วว่าเป็นสถาบัน เป็นพรรคของมวลชน
 
อ.เกษียรเพิ่งเขียนว่า สังคมไทยจะต้องสรุปบทเรียน เลิกแก้ปัญหาด้วยการเดินทางลัด พึ่ง “อำนาจพิเศษ” แต่แก้ปัญหาไปในระบอบ “ประชาธิปไตยปกติ” รู้จักอดทนในการเดินเส้นทางประชาธิปไตย
 
นั่นแหละคือทางออก แต่ปัญหาก็คือครั้งนี้มัน “พิเศษ” ยิ่งกว่าครั้งไหน
 
เพราะความกลัวที่ทักษิณเป็นนายกฯ จากการเลือกตั้งที่มีคะแนนนิยมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย แถมยังมีเงินมากมายมหาศาล มีพวกพ้อง มีสมอง มีเล่ห์เหลี่ยม มีเล่ห์ร้าย และนิสัยไม่ยอมใคร
 
การกำจัดทักษิณด้วยอำนาจพิเศษ จึงยิ่ง “พิเศษ” กว่าใคร เพราะไม่เคยมีครั้งไหนที่ใช้ทั้งอำนาจปืนรถถัง และอำนาจตุลาการ ลงมาจัดการปัญหาการเมืองอย่างโจ่งแจ้งชัดเจนขนาดนี้
 
แต่ผลก็คือมันยิ่งสร้างความแตกแยก เพราะคนเสื้อแดง คนนิยมทักษิณ หรือแม้แต่คนฝ่าย 2 ไม่เอา ก็เห็นว่ามันเกิดความยุติธรรม 2 มาตรฐานกับทักษิณและพรรคไทยรักไทย ในขณะที่คนกรุงคนชั้นกลางส่วนใหญ่ ถูกปลุกให้เกลียดชังทักษิณยิ่งกว่าปีศาจ จนจะทำอย่างไรก็ได้ เพื่อกำจัดศัตรูของชาติผู้ชั่วร้าย
 
ปชป. พันธมิตร สื่อ นักวิชาการ มักโจมตีว่าเสื้อแดงสู้เพื่อทักษิณ พวกที่เคยเป็นฝ่ายก้าวหน้าก็เรียกร้องให้ “ก้าวให้พ้นทักษิณ” แต่มันเป็นจริงไปไม่ได้ ตราบใดที่คนเสื้อแดงยังเห็นว่าทักษิณไม่ได้รับความยุติธรรม และแม้แต่คนที่เห็นว่าทักษิณไม่ชอบธรรม อย่างผม ก็ยังเห็นว่าทักษิณไม่ได้รับความยุติธรรม
 
คนเสื้อแดงสู้เพื่อทักษิณ จริงๆ ครับ ไม่เห็นมีอะไรที่ต้องไม่ยอมรับ เพราะการสู้เพื่อทักษิณ แม้นัยหนึ่งหมายถึงการอยากให้ทักษิณกลับมามีอำนาจ (ซึ่งผมคงไม่เอาด้วย) แต่อีกนัยหนึ่งมันก็คือ สู้เพื่อความยุติธรรม
 
แก้รัฐธรรมนูญเพื่อทักษิณ นี่ยิ่งจริงเข้าไปใหญ่ ก็เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ร่างมาเพื่อกำจัดทักษิณ จนผิดเพี้ยนบิดเบือนไปจากหลักการประชาธิปไตย แทนที่จะเป็นเส้นตรงก็กลายเป็นเส้นซิกแซ็ก ถ้าจะกลับไปสู่หลักการประชาธิปไตย ก็ต้องลบเส้นซิกแซ็กออกให้หมด
 
ฉะนั้นที่เรียกร้องว่า “ก้าวให้พ้นทักษิณ” จริงๆ แล้วก็คือพวกคุณต่างหากที่ก้าวไม่พ้น จนกลายเป็นการสร้างความชอบธรรมให้ทักษิณ ผลักไสคนให้เห็นอกเห็นใจทักษิณ ทำลายรัฐบาลที่เขาเลือกมาจนเขาต้องสู้ร่วมกับทักษิณ
 
ซ้ำร้ายกว่านั้น การพันธนาการทักษิณด้วยอำนาจตุลาการ ก็เท่ากับบีบให้แตกหัก ซึ่งเป็นดาบสองคม “อำนาจพิเศษ” อาจจะชนะก็ได้ แต่แลกมาด้วยความแหลกยับของประเทศ หรือถ้าแพ้ ก็ยิ่งไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
 
ผมเองยังเชื่อว่าในฝ่ายอำมาตย์ ผู้มีอำนาจ คนชั้นกลาง พันธมิตร ยังมีคนดีๆ ที่รักชาติบ้านเมืองด้วยความจริงใจอยู่ไม่น้อย นี่คือประเด็นที่อยากฝากให้คิดว่า
 
ตราบใดที่คุณไม่หาทางคืนความยุติธรรมให้ทักษิณ แล้วปล่อยทักษิณไปที่ชอบๆ (อยากไปลงทุนทำเหมืองเพชรก็ไป) ตราบนั้นสังคมไทยก็ไม่สงบ
 
ตราบใดที่คุณยังไม่เลิกใช้วิธีการ “ผู้ดีขี้โกง” แย่งอำนาจจากคนจนคนชนบท ตราบนั้นสังคมไทยก็ไม่สงบ
 
ตราบใดที่คุณไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ต่อคะแนนเสียงของคนชนบทที่ตั้งรัฐบาล เราก็ไม่มีวันเข้าสู่เส้นทาง “ประชาธิปไตยปกติ” ซึ่งไม่ได้หมายความว่าให้งอมืองอเท้าเป็นฝ่ายแพ้ แต่เท่าที่เห็นและเป็นอยู่ คุณมีพลังเพียงพอที่จะตรวจสอบถ่วงดุลความไม่ชอบธรรม-และสามารถชักนำให้คนชนบทเห็นด้วยได้ ถ้าใช้เหตุผลไม่ใช่ใช้อารมณ์ปลุกความเกลียดชัง
 
ถ้าไม่ยอมรับกันอย่างนี้ ก็มีแต่แตกหักล้มกระดานกันเท่านั้น อยากเสี่ยงลองดู
 
                                                                        ใบตองแห้ง
                                                                        3 เม.ย.53
 
ป.ล.ตอนรัฐประหารใหม่ๆ ผมคัดค้านรัฐประหาร บอกว่าถ้ามีการเลือกตั้ง ทักษิณก็เป็นนายกฯไม่ได้ ถ้าขืนจะเป็น พันธมิตรก็ต้องออกมาคัดค้านต่อ และต้องเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมือง มีผู้อ่านรายหนึ่งเขียนมาว่า เขาต้องทำมาหากิน จะให้เขามาประท้วงอยู่ตลอดได้ไง รัฐประหารกำจัดทักษิณได้นี่แหละดีที่สุดแล้ว ผมจำไม่ได้ว่าใครเพราะเป็นขาจร แต่ 3 ปีผ่านไป หมอนั่นน่าจะหวนกลับไปอ่านที่ตัวเองเขียน เพราะ 193 วันก็แล้ว 3 ปีก็แล้ว ยังไม่จบเสียที
...................................                                    

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท