Skip to main content
sharethis

การชุมนุมใหญ่ครั้งนี้ มีการพูดบนเวทีคนเสื้อแดงครั้งแล้วครั้งเล่าว่า การต่อสู้ของคนเสื้อแดงก้าวพ้นทักษิณไปแล้ว คุณทักษิณมีสถานะเป็นสมาชิกคนหนึ่งของคนเสื้อแดง เขาเป็น “สัญลักษณ์”ของการต่อสู้เนื่องจากเป็นผู้นำรัฐบาลประชาธิปไตยที่ถูกทำรัฐประหาร และถูกกระบวนการรัฐประหารดำเนินคดีต่างๆอย่างไม่ยุติธรรม เขาและคนที่สนับสนุนเขามีสิทธิ์ที่จะต่อสู้เพื่อความยุติธรรม

แต่เหตุการณ์รุนแรงนองเลือดเมื่อ 10 เมษายน ที่มีคนเสื้อแดงและฝ่ายทหารเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่าการต่อสู้ดังกล่าว ไม่ได้ก้าวพ้นทักษิณจริง!

ฝ่ายเสื้อแดงก็ไม่ได้ก้าวพ้นทักษิณ ฝ่ายรัฐบาลก็ก้าวไม่พ้นทักษิณ ยกแรกของการเจรจาที่ทั้งสองฝ่ายบอกว่าต้องการให้  “ประเทศไทยชนะ” จึงเป็นแค่การหลอกลวงคนทั้งประเทศ!

ข้อพิสูจน์ว่าฝ่ายเสื้อแดงก้าวไม่พ้นทักษิณ คือ แกนนำฝ่ายเสื้อแดงเรียกร้องให้อภิสิทธิ์ลงมาเจรจา แต่เมื่อเปิดเวทีเจรจา แกนนำเสื้อแดงกลับไม่ได้เสนอ “ประเด็นเจรจา” แต่ไปยื่นคำขาดว่า “ต้องยุบสภาใน 15 วันเท่านั้น” ส่วนฝ่ายรัฐบาลเสนอประเด็นเจรจาเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ และการสร้างบรรยากาศของบ้านเมืองให้เอื้อต่อการเลือกตั้งอย่างเสรีและสงบสันติ ภายใต้เงื่อนเวลา 9 เดือน ซึ่งเป็นเงื่อนเวลาที่เปิดให้ต่อรองกันได้

การที่แกนนำฝ่ายเสื้อแดงไม่เสนอประเด็นเจรจา แต่ยื่นคำขาดเพียงอย่างเดียว ไม่สนใจเจรจาในประเด็นที่รัฐบาลเสนอ พร้อมกับประกาศเดินหน้าต่อในการยกระดับการชุมนุมเพื่อกดดันรัฐบาล ทำให้สังคมสงสัยได้ว่า แกนนำเสื้อแดงต้องการเร่งเกมให้จบเร็วตามคำสั่งของ “นายใหญ่” ใช่หรือไม่? จำเป็นต้องเร่งเกมให้จบเร็ว เนื่องจากมีการระดมทุนมหาศาลในการต่อสู้ครั้งนี้เพื่อหวังให้เกิดการแตกหักให้ได้ ใช่หรือไม่?

ไม่ว่าแกนนำเสื้อแดงจะมีเหตุผลอย่างไรในการเร่งเกมให้แตกหัก (อาจจะมีทั้งเหตุผลที่พูดได้และพูดไม่ได้ต่อสาธารณะ) แต่การเร่งเกมให้แตกหักย่อมเป็นสิ่งที่แกนนำคาดการณ์ล่วงหน้าได้ (อาจจะ 99.99 % ด้วยซ้ำ) ว่าอาจจะเกิดความรุนแรงนองเลือดขึ้นได้ ฉะนั้น การปฏิเสธการเจรจาและเร่งเกมกดดันแรงขึ้นแสดงให้เห็นว่า แกนนำเสื้อแดงไม่ได้ให้ความสำคัญกับ “ชีวิต”ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ที่มาร่วมชุมนุมเท่าที่ควรจะเป็น

มีทางออกที่ไม่ต้องสูญเสีย แต่แกนนำไม่ได้เลือกทางออกนั้น นี่เป็นสิ่งที่แกนนำ (และทักษิณ) ต้องรับผิดชอบทั้งต่อมโนธรรมของตนเอง ต่อชีวิตที่สูญเสียไป และต่อสังคมไทย!

ส่วนฝ่ายรัฐบาลก็ก้าวไม่พ้นทักษิณยิ่งกว่า เนื่องจากยังแก้ปัญหาบนทัศนะที่ว่า ชาวบ้านต่างจังหวัดถูกปลุกระดมด้วยข้อมูลที่บิดเบือน ด้วยการโฆษณาชวนเชื่อ ด้วยวาทกรรม “อำมาตย์-ไพร่” ชาวบ้านขาดการศึกษา ถูกจ้างมาชุมนุม ที่มาด้วยใจเป็นส่วนน้อย ถึงมาด้วยใจก็ยังไม่ใช่ด้วย “อุดมการณ์” จริงๆ แต่ถูกมอมเมา ถูกล้างสมอง ฯลฯ

ทัศนะเช่นนี้เป็นการมองชาวบ้านไม่เห็น “ตัวตน” ของชาวบ้านในฐานะที่เป็น “คน” หรือเป็น “มนุษย์ที่มีวิจารณญาณอิสระของตนเอง” เห็นชาวบ้านเป็นเพียง “เครื่องมือ” ฉะนั้น จึงมองไม่เห็น “วาระ” ที่แท้จริงของชาวบ้านที่ต้องการประชาธิปไตยที่เป็นอิสระจากอำนาจครอบงำของระบบศักดินาอำมาตยาธิปไตย ต้องการความเสมอภาคของ “1 คน = 1 เสียง” หรือต้องการประชาธิปไตยที่ประชาชนมีอำนาจอย่างแท้จริงในการตั้งรัฐบาล และกำกับตรวจสอบตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย และไม่ต้องการระบบสองมาตรฐาน

“วาระ” ดังกล่าวนี้เอง คือ “ความต้องการที่แท้จริง” ของชาวบ้าน แม้ว่าความต้องการดังกล่าวนี้อาจเกิดจากการปราศรัยชี้นำของแกนนำบนเวที แต่การชี้นำนั้นจะไม่มีความหมายเลย หรือจะทำให้ชาวบ้านเชื่อไม่ได้เลยหากไม่มีข้อเท็จจริงและเหตุผลรองรับที่น่าเชื่อถือพอ แน่นอนว่าคำพูดบนเวที หรือการนำเสนอทางสื่อของฝ่ายต่างๆนั้นมีทั้งจริงเท็จปนๆกันไป แต่ประเด็นหลักๆโดยเฉพาะประเด็นที่สะท้อนปัญหา “ความไม่เป็นประชาธิปไตย” และ “ความเหลื่อมล้ำ” นั้นต้องถือว่ามีข้อเท็จจริงและเหตุผลที่มีน้ำหนักยากที่จะปฏิเสธได้

การที่รัฐบาลมองไม่เห็น แกล้งมองข้าม หรือไม่ให้ความสำคัญที่เพียงพอกับ “วาระ” ดังกล่าวนั้น กลับไปให้น้ำหนักมากเกินไปกับทัศนะที่ว่าชาวบ้านเป็นเครื่องมือของทักษิณ ทำให้รัฐบาลแทนที่จะยอมประวิงเวลาต่อไปเพื่อให้เกิดการเจรจาให้ได้ (ทั้งที่เริ่มมีนักวิชาการและฝ่ายต่างๆเรียกร้องให้เปิดเจรจารอบ 3 มากขึ้นๆ) กลับประกาศ พรก.ฉุกเฉิน และปิดสื่อฝ่ายเสื้อแดง

ลำพังประกาศ พรก.ฉุกเฉินก็สร้างความตึงเครียดมากพอแล้ว แต่ยังปิดสื่อและปิดอย่างใช้ “สองมาตรฐาน” ด้วยการอ้างว่า สื่อเสื้อแดงบิดเบือนข้อเท็จจริงและปลุกเร้าความรุนแรง แต่ไม่ปิดสื่อฝ่ายเสื้อเหลืองที่บิดเบือนและปลุกเร้าให้เกลียดคนเสื้อแดงตลอดมา ซ้ำยังใช้สื่อของรัฐเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายรัฐบาลข้างเดียว นี่จึงเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้คนเสื้อแดงรู้สึกโกรธกับการกระทำที่ไม่เป็นธรรมของรัฐบาล (ซึ่งตามมุมมอง ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ ถือว่าเป็น “ความโกรธทางศีลธรรม” อย่างหนึ่ง)

การสลายการชุมนุมโดยการนำรถถังออกมา หรืออ้างว่าใช้วิธีการตามหลักสากล แต่เป็นการกระทำกับมวลชนจำนวนหลายหมื่นคน เป็นมวลชนที่โกรธแค้นกับการไม่ได้รับความเป็นธรรม และเป็นการสลายท่ามกลางเหตุการณ์ระเบิดรายวัน และการพูดถึง “กองกำลังไม่ทราบฝ่าย” ฯลฯ ย่อมเป็นการสลายการชุมนุมที่รัฐบาลสามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ 99.99 % อยู่แล้วว่าจะต้องเกิดความรุนแรงนองเลือดตามมา (ซ้ำยังเป็นการสลายการชุมนุมในช่องเวลาหัวค่ำ กลางคืน ซึ่งไม่มีที่ไหนเขาทำกัน)

ฉะนั้น รัฐบาลจึงไม่มีทางปฏิเสธความรับผิดชอบต่อการสูญเสียชีวิตที่เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าการสูญเสียชีวิตที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นการกระทำของฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ หรือฝ่ายตรงข้ามก็ตาม!

พูดอย่างตรงไปตรงมา ความรุนแรงที่เกิดขึ้นนี้นอกจากไม่เกินความคาดหมาย (หรือความคาดหวังที่จะใช้ประโยชน์จากการสูญเสียชีวิตของประชาชน) ของ “หัวโจก” ฝ่ายต่างๆอยู่แล้ว เพราะมีเสียงเตือนมาจากทุกภาคส่วนของสังคมกว่า 4 ปี มานี้ว่า ถ้าความขัดแย้งทางการเมืองยังดำเนินไปอยู่เช่นนี้ ยังก้าวข้ามทักษิณไปไม่พ้น ความรุนแรงนองเลือดจะเกิดขึ้นแน่นอน กลียุคจะเกิดขึ้นแน่นอน!

แต่ทั้งแกนนำเสื้อแดง และฝ่ายรัฐบาลก็ไม่รับฟัง ไม่เรียนรู้ที่จะก้าวข้ามทักษิณไปให้ได้ ทุกฝ่ายต่างสร้าง “กับดักทักษิณ” จนนำมาสู่ความรุนแรงในที่สุด หากไม่หลุดจากกับดักดังกล่าวอย่าหวังว่าประเทศชาติจะสงบสุขได้

ยุบสภาต้องยับแน่ จะ 15 วัน 3 เดือน 9 เดือน เป็นเรื่องที่ใช้เหตุผลต่อรองกันได้ ถ้าทุกฝ่ายยึด “วาระ” ที่แท้จริงของชาวบ้านที่ออกมาชุมนุม แต่ถ้ายังยึด “วาระ” ของทักษิณที่ต้องแตกหักกันทันที  (หรือยึด “วาระซ่อนเร้น” อื่นๆ เช่น หวงอำนาจ ต้องทำตามคำสั่งของ “ใคร” ที่เปิดเผยต่อสาธารณะไม่ได้) ทุกฝ่ายก็กำลังทรยศต่อประชาชน!

อันที่จริง หากทุกฝ่าย (หรือสังคมไทย) ไม่โกหกตัวเอง การแตกหักตอนนี้มันแก้ปัญหาความขัดแย้งที่กว้างขวางร้าวลึกในสังคมไทยไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าจะแก้ให้ได้ในระยะยาว สังคมไทยต้องก้าวให้พ้นทั้งทักษิณ และศักดินาอำมาตยาธิปไตย

เราจำเป็นต้องนำปัญหาของประชาธิปไตยที่ถูกครอบงำกำกับด้วยโครงสร้างอำนาจทางวัฒนธรรมจารีตแบบศักดินาอำมาตยาธิปไตย และปัญหาของทุนฉ้อฉลมาพูดกันตรงๆ และกำหนดเป็น “วาระ” การสร้างประชาธิปไตยว่า สังคมจะเอาอย่างไรกับสองเรื่องนี้!

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net