Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

เนื่องจากขณะนี้ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมือง ประชาชนไทยจึงควรรับมือกับวิกฤติทางการเมืองครั้งนี้อย่างมีวุฒิภาวะ โดยการช่วยกันประคับประคองระบอบประชาธิปไตยที่ยังเหลืออยู่น้อยนิดนี้ให้ผ่านพ้นวิกฤติไปให้ได้

ในขณะที่เหตุการณ์ยังไม่สิ้นสุด และยังไม่เห็นวี่แววทางออก ก็มีคนตายกว่า 22 คน และคนเจ็บไปกว่า 850 คนแล้ว

เมื่อวันจันทร์ที่ 12 เมษายน ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีที่ถูกเสื้อแดงเรียกว่า "ทรราช" และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้พูดออกมาอย่างชัดเจนว่า มีคนบางกลุ่มในขบวนการเสื้อแดงต้องการจะเปลี่ยนแปลงประเทศครั้งใหญ่ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นมากกว่าแค่การล้มรัฐบาลชุดปัจจุบัน

หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ หนังสือพิมพ์ในเครือบางกอกโพสต์ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่ชนชั้นกลางในกรุงเทพฯ
มีพาดหัวหน้าหนึ่งเมื่อวันที่ 14 เมษายน ว่า "คว่ำแผ่นดิน" และจวบจนปัจจุบัน สื่อมวลชนและประชาชนอีกจำนวนหนึ่ง เช่น กลุ่มเสื้อสีชมพูและเสื้อหลากสี ก็ได้ปลุกกระแสว่า คนเสื้อแดงกำลังต้องการตั้งสาธารณรัฐ

นี่คือเกมอันตรายที่อาจจะกลายเป็นข้ออ้างในการทำรัฐประหารหรือการปราบปรามสลายผู้ชุมนุมโดยใช้ความรุนแรงครั้งใหม่ ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจริง รัฐประหารการปราบครั้งใหม่นี้ก็จะทำให้สถานการณ์ทางการเมืองไทยยิ่งดิ่งลงเหวอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะปัจจุบันสังคมไทยเต็มไปด้วยความเกลียดชัง โจทย์ ณ วันนี้ก็คือ ทำอย่างไรที่จะผ่านวิกฤติครั้งนี้โดยทุกฝ่ายใช้วุฒิภาวะให้มากที่สุด และหลีกเลี่ยงการแก้ปัญหาด้วยการใช้ความรุนแรง

อย่างไรก็ตาม เสียงเรียงร้องให้มีการทำรัฐประหารนั้นก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ตัวอย่างเช่น ในรายการตอบโจทย์ทางช่องทีวีไทย ดำเนินรายการโดย ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา (13 เมษายน) แขกรับเชิญคนหนึ่งที่เป็นกรรมาธิการทหารวุฒิสภาเรียกร้องให้ทหารออกมาทำรัฐประหารโดยทันที

ส่วนรอง ผบ.ทบ. ซึ่งเป็นแขกรับเชิญอีกคนกลับมองว่า รัฐประหารจะทำให้นานาชาติไม่สังฆกรรมกับประเทศไทย หากแต่น่าเศร้าที่เขาเชื่อว่า คงจะมีรัฐประหารเกิดขึ้นเร็วๆ นี้

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออย่างนี้ เราต้องเตือนตัวเองไว้ว่า สังคมที่ไม่รู้จักโต ซึ่งมักต้องพึ่งรัฐประหารมาจัดการกับวิกฤติความขัดแย้งทางการเมืองทุกๆ ครั้ง เปรียบได้ดั่งสังคมที่ต้องคำสาป ที่ไม่สามารถจะมีประชาธิปไตยเต็มใบได้ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงการปกครองมายาวนานเท่าไหร่แล้วก็ตาม

รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 นอกจากจะมิได้ทำให้ประเทศไทยสงบและสันติขึ้น ยังกลับทำให้สังคมไทยแตกแยกมากขึ้นและอาจพูดได้ว่า ขบวนการคนเสื้อแดงเป็นผลพลอยได้ที่มิได้เจตนาจากรัฐประหารครั้งนี้นี่เอง

ในขณะที่คุณกำลังอ่านบทความนี้ เหล่านายพลอาจกำลังเตรียมทำรัฐประหารหรือเตรียมปราบผู้ชุมนุมอยู่ก็เป็นได้ และถ้าหากเหล่าคนเสื้อแดงปฏิเสธที่จะยอมสยบต่อรัฐประหารและการปราบ เราอาจจะได้เห็นสงครามกลางเมืองที่เลือดจะนองแผ่นดินมากยิ่งกว่าเหตุการณ์เมื่อวันเสาร์ที่ 10 เมษายน หลายเท่านัก

และถ้าหากว่า รัฐประหารจะสามารถสลายกการชุมนุมของคนเสื้อแดงโดยปราศจากความรุนแรงได้แล้วล่ะก็
จะมีสักคนที่เชื่อว่า รัฐประหารจะสามารถทำให้เกิดความสงบและลบความแตกแยกในสังคมไทยได้จริงๆ

ถ้าคำตอบคือ "ไม่" แล้วล่ะก็ พวกเราจะต้องช่วยกันต่อต้านความพยายามในการทำรัฐประหารและการปราบผู้ชุมนุมอย่างถึงที่สุด เราต้องพูดว่า "ไม่" และอย่าได้ใจร้อน ใช้วิธีที่ฉาบฉวย ไร้วุฒิภาวะมาแก้ปัญหา

มันถึงเวลาแล้ว ที่คนไทยทุกคนจะต้องช่วยกันฝ่าวิกฤติการเมืองไปอย่างมีวุฒิภาวะ โดยที่การต่อต้านการแทรกแซงทางการเมืองของทหารนั้นยังไม่พอ หากรวมไปถึงการช่วยกันทำให้สมาชิกของสังคมมีขันติต่อความคิดที่แตกต่างอย่างแท้จริง ยอมรับจุดยืนทางการเมืองที่หลากหลาย ซึ่งรวมไปถึงสิทธิในการเลือกรับสื่อหรือแม้กระทั่งสื่อโฆษณาชวนเชื่อทางการเมืองที่แตกต่างจากตนอีกด้วย

การที่รัฐบาลปิดสื่อของคนเสื้อแดงและสื่อที่โอนเอียงไปทางเสื้อแดงตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว กลับเพิ่มความโกรธเกลียดในหมู่คนเสื้อแดง

การจัดการกับปัญหาความขัดแย้งอย่างไร้วุฒิภาวะของรัฐบาลเช่นนี้ ไม่มีทางที่จะก่อให้เกิดผลดีอะไรขึ้นมาต่อระบอบประชาธิปไตยได้เลย หากมีแต่จะทำให้เกิดความร้าวฉานเพิ่มมากขึ้น

และเมื่อวันที่ (14 เมษายน) รัฐบาลได้พยายามที่จะปิดกั้นเนื้อหาและรูปภาพซึ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์นองเลือดเมื่อวันที่ 10 เมษายน ในมุมที่ต่างจากรัฐ โดยรัฐบาลอ้างว่า ต้องบล็อคความเห็นและรูปภาพเหล่านี้เพื่อไม่ให้เกิดความ "แตกแยก" มากยิ่งขึ้น

นี่คือการกระทำที่ไร้วุฒิภาวะอย่างที่สุด ทำให้เกิดผลลัพธ์ในทางตรงกันข้ามกับที่รัฐบาลต้องการ เพราะหลังจากที่รัฐบาลได้ปิดสื่อเสื้อแดง คนเสื้อแดงก็มาชุมนุมเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก

-------
หมายเหตุ: ผู้เขียนได้คุยกับนายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำคนเสื้อแดงเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 เม.ย.) ว่า แกนนำเสื้อแดงได้รับข่าวมาว่า บรรดาผู้ประกอบการรายใหญ่แถวราชประสงค์ได้ถูกรัฐบาลเรียกตัวไปเพื่อแจ้งว่า หากมีความเสียหายต่ออาคารในบริเวณนั้น ทางรัฐบาลจะชดใช้ค่าเสียหายให้ ซึ่งหากข่าวนี้เป็นจริงก็เป็นสัญญาณว่ารัฐบาลกำลังคิดเรื่องการปราบอยู่

 

*ถอดความและปรับปรุงจาก Another Coup Would Be A Disaster
ตีพิมพ์ครั้งแรกในคอลัมน์ Burning issue ใน The Nation วันที่ 15 เมษายน 2553
http://www.nationmultimedia.com/home/2010/04/15/politics/Another-coup-would-be-a-disaster-30127206.html
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net