Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ไม่ว่าจะกี่แถลงการณ์ กี่จดหมายเปิดผนึก กี่คำประณามก่นด่า ก็ยังไม่เห็นว่าจะสามารถโน้มน้าวหรือปลุกสำนึกผู้นำรัฐบาล สถาบันทางการเมือง องค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับปัญหา ผู้นำนปช. นักการเมือง ผู้นำกองทัพ หรือใครต่อใครที่มีอำนาจรับผิดชอบจะโดยตรงหรือโดยอ้อมกับเหตุการณ์การชุมนุมขณะนี้ ให้หยุดการเผชิญหน้า หยุดสร้างเงื่อนไขที่นำไปสู่ความรุนแรง แล้วเดินหน้าแก้ปัญหาความขัดแย้งนี้ด้วยวิถีทางประชาธิปไตยได้เสียที

แทนที่จะทุ่มเทสติปัญญาให้กับการเขียนแถลงการณ์ เขียนจดหมายเปิดผนึก เขียนคำประณามก่นด่า บางทีเราคงต้องทุ่มเทถอดรหัสความฝันของอาจารย์บุญส่ง ชัยสิงห์กานานนท์ แล้วแปลความหมายที่ตรงไปตรงมาของมัน เพื่อให้เห็นสภาพที่ใกล้เคียงความเป็นจริงที่กำลังจะเกิดขึ้นให้มากที่สุด บางทีเราคงต้องคาดการณ์ถึงสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของพวกเราในขณะนี้ เพื่อจะได้เริ่มต้นคิดถึงการอยู่กับสภาพหลังเหตุการณ์ที่ร้ายแรงกันจริงๆ เสียที

ประการแรก เราคงต้องเลิกประเมินทุกฝ่ายสูงเกินไป เลิกคิดได้แล้วว่าพวกเขาจะฟัง พวกเขาจะตระหนัก เลิกเชื่อว่าพวกเขาจะมีมโนธรรมสำนึกดี-ชั่วมากพอที่จะคิดถึงผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากการก่อความรุนแรง เลิกคิดเสียทีว่าทุกฝ่ายจะมองเห็นความเสียหายอันจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ จากการเพิ่มขีดความรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกระดับความรุนแรงในการจัดการผู้ชุมนุมโดยรัฐ

เลิกคิดได้แล้วว่ารัฐบาลจะเล็งเห็นถึงความสูญเสียของประชาชนและทหารว่าเป็นสิ่งที่จะต้องหลีกเลี่ยงให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะในการสลายการชุมนุมบริเวณแยกคอกวัวและถนนดินสอ ย่อมแสดงให้เห็นแล้วว่าฝ่ายรัฐมิได้คำนึงถึงสิ่งเหล่านั้นเลย เลิกคิดได้แล้วว่ารัฐบาลจะใช้วิถีทางประชาธิปไตยในการแก้ปัญหาความขัดแย้งนี้ เลิกย้อนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะด้วยวาทะเด็ดที่เขาเคยกล่าวเมื่อสมัยที่เขายังไม่ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเสียที เพราะเขาไม่ได้เชื่อในสิ่งที่เขาพูดจริงๆ เลย

เลิกคิดได้แล้วว่าฝ่ายผู้ชุมนุมจะเล็งเห็นถึงการสูญเสียของผู้ชุมนุมเป็นเรื่องใหญ่ และพยายามหาหนทางที่จำเดินหน้าสู่การเจรจา ลดการกดดันรัฐบาลอย่างสุ่มเสี่ยงต่อชีวิตของผู้คน หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงตอบโต้การใช้ความรุนแรงของรัฐ เลิกเสนอสันติวิธีในแบบฉบับของคานธีแก่ผู้นำนปช.เถิด เพราะมันหรูเลิศเกินไปสำหรับการต่อสู้ทางการเมืองในเมืองไทยขณะนี้

ประการต่อมา เลิกหวังได้แล้วว่าทุกฝ่ายจะเผชิญหน้ากันในเวทีทางการเมืองและเห็นว่าปัญหาการเมืองสามารถแก้ไขได้ด้วยวิถีทางทางการเมือง ความศรัทธาต่อระบอบประชาธิปไตยจะชี้ให้เห็นได้ชัดก็ต่อเมื่อ ฝ่ายที่เผชิญหน้ากันนั้นมุ่งที่จะแก้วิกฤตด้วยวิถีทางของระบอบประชาธิปไตยหรือไม่ ในขณะนี้ เลิกเชื่อเถิดว่าพวกเขาศรัทราต่อระบอบประชาธิปไตย

การยอมละเลยวิธีแก้วิกฤตบนวิถีทางประชาธิปไตย ด้วยการปฏิเสธการยุบสภาหรือการลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบของนายอภิสิทธิ์ และสร้างข้อยกเว้นเพื่อการอาศัยกำลังทหารในการจัดการวิกฤตของรัฐบาลในขณะนี้ ชี้ให้เห็นว่าพวกเขาเลือกอาศัยอำนาจเผด็จการเพื่อแก้วิกฤต การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงและใช้อำนาจนั้นอย่างเลือดเย็น รวมทั้งเพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยมิได้สำนึกถึงความผิดทางศีลธรรมและจริยธรรมทางการเมืองที่ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนบาดเจ็บล้มตายไปเป็นจำนวนกว่าพันคน แสดงให้เห็นเป็นอย่างดีว่านายอภิสิทธิ์และพรรคร่วมรัฐบาลเชื่อมั่นในระบอบเผด็จการและอำนาจจากปากกระบอกปืนมากกว่าวิถีทางประชาธิปไตย

พร้อมกันนั้น ก็อย่าหวังว่าการข่มขู่คนเสื้อแดงจะทำให้พวกเขาหวาดกลัว อย่าคิดว่าการปราบปรามพวกเขาจะหยุดพวกเขาได้ อย่าคิดว่าผู้นำการชุมนุมจะควบคุมเขาได้หมดทุกคน อย่าคิดว่าพวกเขาจะยอมจำนนเหมือนเมษายนปีที่แล้วง่ายๆ 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดความสูญเสียต่อชีวิตและเลือดเนื้อของผู้ร่วมชุมนุมขึ้นมาแล้ว การที่แกนนำยังคงไม่เป็นเอกภาพต่อการเดินหน้าสู่การเจรจา และลดการกดดันรัฐบาลและสังคม ทำให้เราต้องเลิกหวังได้แล้วว่าพวกเขาจะคิดถึงชัยชนะทางการเมืองตามวิถีทางประชาธิปไตยในระยะยาว มากกว่าการกดดันแม้ว่าจะสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียของผู้ร่วมชุมนุมเพื่อชัยชนะทางการเมืองในระยะสั้น พวกเขาต้องการ “ได้อะไรติดมือกลับไป” ทั้งที่รู้อยู่ว่ากำลังจะสูญเสียชีวิตเลือดเนื้อ

ประการที่สาม เราต้องเลิกประเมินว่าองค์กรอิสระอย่างคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ที่ไม่เคยเป็นความหวังใดๆเลยตั้งแต่เกิดองค์กรอิสระนี้ขึ้นมา หรือองค์กรที่น่าจะทำหน้าที่เสริมข่าวสาร ความรู้ ความคิดให้กับสังคมอย่างองค์กรการศึกษา นักวิชาการ นักศึกษา และนักกิจกรรมทางสังคม (NGOs) รวมทั้งองค์กรวิชาชีพสื่อสารมวลชน จะตระหนักถึงปัญหาการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน การบิดเบือนความจริงที่มีส่วนส่งเสริมการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน การบิดตาข้างหนึ่งของตนเองและผู้อื่นเพื่อรับและส่งข่าวสาร การวิเคราะห์สถานการณ์เฉพาะในทิศทางที่สอดคล้องกับอุดมการณ์ที่ตนเองยึดมั่น กลุ่มคนเหล่านี้ล้วนหมดสิ้นซึ่งความกล้าหาญในการปกป้องสิทธิของประชาชน ความกล้าหาญในการนำเสนอข้อเท็จจริง และหมดสิ้นซึ่งความศรัทธาต่อระบอบประชาธิปไตยไปแล้ว

ประการสุดท้าย ในขณะนี้เราต้องคิดถึงสภาพที่เลวร้ายที่สุดที่พวกเรากำลังเดินหน้าเข้าไปสู่ อย่างน้อยสามภาพด้วยกัน ภาพแรกคือการบาดเจ็บล้มตายที่แยกราชประสงค์ ฝ่ายพลเรือนจะถูกทหารโจมตีทั้งทางบกและทางอากาศ ด้วยกองกำลังระดับพระกาฬ ที่มีฝีมือสูงพอจะต่อกรกับกองกำลัง “เสื้อดำ” ที่ทำให้กองทหารแตกกระเจิงในคืนวันที่ 10 เมษายนได้ ทหารจะไม่จำเป็นต้องกำจัดศพหรือยัดเยียดข้อกล่าวหาให้พลเรือนที่ชุมนุมอยู่ดังความฝันของอาจารย์บุญส่งแต่อย่างใด เพราะทหารเชื่อตามรัฐบาลอยู่แล้วว่า การกระทำทุกอย่างตามพรก.ฉุกเฉินนั้นถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องตอบคำถามถึงความถูกต้องชอบธรรม เพราะการปฏิบัติตามพรก.ฉุกเฉิน ย่อมถูกต้องเสมอ

ภาพต่อมา คือภาพการจลาจลที่จะเกิดขึ้นทั่วกรุงเทพฯและทั่วประเทศ ที่แรกคือในบริเวณแยกราชประสงค์ ต่อมาคือการจลาจลที่จะขยายไปทั่วทั้งกรุงเทพฯ ต่อมาคือการจลาจลในต่างจังหวัด ภาพเหล่านี้เป็นภาพที่รัฐบาลไม่คาดคิด เพราะรัฐบาลประเมินผู้ชุมนุมต่ำกว่าที่เป็นจริงเสมอ ดังที่ได้เห็นมาแล้วว่า รัฐบาลคาดว่าผู้ชุมนุมเป็นเพียงมวลชนรับจ้าง พวกนั้นน่าจะกลัวตายมากกว่าเห็นแก่อามิสสินจ้าง แต่ที่จริงคนเหล่านี้กลับกล้าตายเสียยิ่งกว่าทหารหาญที่มีอาวุธครบมือมาปราบปรามพวกเขา รัฐบาลคาดไม่ถึงว่าว่ากำลังทหารของรัฐบาลจะพ่ายแพ้ยับเยินที่สถานีไทยคมและการสายการชุมนุมที่แยกคอกวัวและถนนดินสอ

จนถึงภาพสุดท้าย เมื่อเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นมาแล้ว ก็ขอให้เลิกคิดเถิดว่าการหย่าศึกอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาในประวัติศาสตร์ความขัดแย้งรุนแรงในการเมืองไทยจะเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป แต่ก็อย่าตั้งความหวังสูงเกินไปนักว่ากลุ่มคนบางกลุ่มจะเข้าใจสถานภาพของตนเองในปัจจุบัน แล้วไม่ออกมาทำอะไรที่เป็นการทำลายตนเองให้ย่อยยับหนักลงไปอีก แต่หากคนเหล่านั้นออกมาดำเนินบทบาทดังกล่าว ก็อย่าได้ประเมินต่ำไปว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองไทยจะไม่เกิดขึ้น

ภาพเหล่านี้เป็นภาพที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่นั่นเป็นการประเมินอย่างสูงเกินไป คำถามคือ เมื่อเกิดสิ่งเหล่านั้นแล้ว พวกเราจะอยู่กันอย่างไรบนซากปรักหักพังของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เริ่มต้นคิดถึงการอยู่กับสภาพหลังเหตุการณ์ที่ร้ายแรงกันจริงๆ เสียที

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net