Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis
 
ณ ที่ประชุมแกนนำกลุ่มพันธมิตรทั่วประเทศภายในมหาวิทยาลัยรังสิต  เสียงพลตรีจำลองประกาศดังลั่นว่า ถ้ารัฐบาลไม่จัดการกลุ่มคนเสื้อแดงที่ชุมนุมอยู่ ภายใน 7วันกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ภายใต้การนำของเขาจะจัดการเอง เพื่อเป็นการปกป้องสถาบัน ภาพที่เห็นคือแกนนำพันธมิตรนับร้อยนั่งประชุมกันอยู่ มีแกนนำนั่งอยู่บนเวที สิ่งที่เปลี่ยนไปคือมีคนใส่เสื้อสีเหลืองไม่ถึงห้าคน มีคนใส่เสื้อสีชมพูมากกว่า แต่คนที่ใส่เสื้อธรรมดามีมากที่สุด ดูเหมือนพวกเขากำลังแปลงกายอีกครั้ง แต่ไม่ว่าจะแปลงกายเป็นอะไร ประชาชนก็ยังจดจำพฤติกรรมในอดีตของผู้นำคนนี้ได้ดี คำกล่าวว่าจะจัดการพวกเสื้อแดงภายในเจ็ดวัน ทำให้ย้อนนึกถึงเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ที่ผ่านไปสามสิบกว่าปีแล้ว อดีตนายทหารคนนี้จะหวนกลับมาใช้แผนอำมหิตอีกครั้งหนึ่งหรือ ?
 
เหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 พลตรีจำลองเป็นผู้หนึ่งที่ได้นำฝูงชนที่ถูกปลุกระดมจากกลุ่มขวาจัดโดยใช้สื่อต่าง ๆของรัฐ และหนังสือพิมพ์บางฉบับ มีการจัดตั้งอย่างเป็นขบวนการ เช่นกลุ่มนวพล กระทิงแดง ฯลฯ จนนำไปสู่การสังหารหมู่นักศึกษาที่ชุมนุมอยู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีการยิงด้วยอาวุธสงคราม ซึ่งมีทั้งปืนกลธรรมดาและปืนสำหรับยิงรถถัง มีนักศึกษาถูกแขวนคอ ถูกตอกอก ถูกเผาทั้งเป็น ข้อกล่าวหาที่เด็กพวกนั้นได้รับก็คือ เป็นญวน เป็นคอมมิวนิสต์ เป็นผู้ทำลายสถาบัน ฯหลังเหตุการณ์สังหารโหดถูกทั่วโลกรุมประณาม การพิสูจน์ในศาลก็ทำท่าว่าจะลุกลามไปเปิดโปงผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ในที่สุดก็ต้องมีการนิรโทษกรรม เพื่อให้ผู้ก่อกรรมนี้พ้นผิดไป
 
ในครั้งนั้นไม่มีใครรู้ว่า พลตรีจำลองมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้อย่างไร เขาพยายามปิดบังบาปกรรมนั้นไว้ไม่ให้ใครรู้ เหมือนนาซีที่สังหารเหยื่อ แล้วหลบหนีไปซ่อน เปลี่ยนชื่อแซ่ หลายปีที่เขาหลบซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากแห่งศีลธรรม แต่ด้วยความที่เขาฝักใฝ่ในอำนาจ ในที่สุดก็ไม่อาจอดทนได้ ต้องกลับเข้ามาสู่แวดวงการเมือง ด้วยภาพพจน์ที่ดี ตั้งพรรคพลังธรรมขึ้นมา ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม และในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งหนึ่ง ในท่ามกลางกระแสสูงของพรรคพลังธรรม เขาฝันว่าครั้งนี้เขาอาจได้เป็นนายกรัฐมนตรี เหลืออีกเพียงสามวันจะมีการเลือกตั้ง ลูกพรรคคนหนึ่งซึ่งปราศรัยอยู่บนเวที ก็ได้เผลอพูดถึงวีรกรรมของพลตรีจำลองอย่างภูมิใจว่า
 
ในวันที่ 6 ตุลา ท่านได้ใส่หมวกใส่แว่นดำนำพวกเขาเข้าไปล้อมธรรมศาสตร์
 
เพียงวันเดียวที่ข่าวออกไป คะแนนก็ตกฮวบ ความฝันที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีหายวับไปกับตา พรรคที่ดีใจที่สุดในครั้งนั้นน่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ และเหตุการณ์นี้ได้ทำให้มีนักการเมืองหนุ่มหลุดรอดเข้ามาในสภาได้หนึ่งคน คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
 
วันนี้เขากลับมาอีกแล้ว ภายใต้หัวโขนของผู้นำพันธมิตร ฯแม้จะถอดเสื้อเหลืองออก ปลุกระดมคนหลากหลายมาเข้าร่วมแต่ก็มีคนรู้ทัน เพราะแผนที่ใช้ก็คงเป็นแผนเดิม เหมือนเมื่อครั้ง 6 ตุลา ข้อหาทำลายสถาบัน ฯเหมือนเดิม เปลี่ยนจากคอมมิวนิสต์เป็นผู้ก่อการร้าย เป็นผู้สนับสนุนทักษิณ พยายามนำมวลชนอีกกลุ่มหนึ่งเข้าไปปะทะเพื่อให้ทหารออกมาปราบ
 
เพราะเรื่องเหมือนเดิม คนแสดงมีทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ แต่คราวนี้ไม่แน่ว่าผลจะออกมาอย่างไร เพราะวันนี้พวกเสื้อแดงไม่ใช่หมูสนามเหมือนเด็กเล็ก ๆในธรรมศาสตร์แค่สามสี่พันคน ต้องติดตามดูว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร
 
คนเสื้อแดงได้รับของขวัญชิ้นแรกไปแล้วจากอภิสิทธิ์ สุเทพ และนายทหารที่นิยมความรุนแรงบางกลุ่ม พวกเขาได้รับของขวัญจากเบาไปหาหนัก คือกระบอง ลูกซองยิงกระสุนยาง แก๊สน้ำตา เอ็ม 16 ปืนซุ่มยิง รถสายพานหุ้มเกราะ แถมโรยหน้าด้วยเฮลิคอปเตอร์ยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ จากเบาไปหาหนัก เพียงแต่ให้เร็วไปหน่อย ตั้งแต่บ่ายถึงค่ำแจกครบทุกขนาน บาดเจ็บเป็นพัน ตายเกินยี่สิบ
 
ขนาดนี้กลุ่มพันธมิตร ฯยังไม่พอใจ บอกว่าจะขอจัดการเองภายในเจ็ดวัน
 
พวกเสื้อแดงระวังตัวให้ดี เตรียมใจให้ดี พวกเขาให้เวลาคุณเจ็ดวันเท่านั้น อภิสิทธิ์ สุเทพแค่สั่งให้ทหารบางกลุ่มยิงคุณ แต่ถ้าเป็นจำลองคุณอาจถูกเผาทั้งเป็นก็ได้ และต้องระวังว่าคนที่มาตอกอกคุณอาจเป็นเพื่อนคุณที่รอดตายไปเมื่อ 6 ตุลา 2519
 
อย่าประมาทไปว่าพวกพันธมิตรเป็นพวกขี้แย โดนแก๊สน้ำตาไม่กี่ลูกก็วิ่งไปฟ้องแม่ พวกเขายังมีกลุ่มคนพิเศษที่แต่งชุดดำ ๆมาบุกยึดทำเนียบได้เหมือนกัน  ถ้าเขาไม่แน่จริงเขาไม่ยึดทำเนียบ ไม่ยึดสนามบินและประท้วงต่อต้านอำนาจรัฐเดิมได้ตั้งหลายเดือนหรอก
 
ที่ผ่านมาพวกคนเสื้อแดงได้ทำผิดพลาดด้วยการนั่งดูเฉย ๆ พวกเขาสนับสนุนการรัฐประหารคุณก็เฉย เขาทำการประท้วงนับครั้งไม่ถ้วนในรอบหลายปีคุณก็เฉย ความรู้สึกของพวกคุณช้ามาก เหมือนตอนฮิตเลอร์ตั้งพรรคนาซี ไม่มีใครต่อต้าน พวกเขาอ้างอุดมการณ์รักชาติจนคนคลั่งชาติอย่างพวกเขาเติบโตขึ้นมาจนทำลายยาก ผลสุดท้ายไม่เพียงเป็นปัญหาของชาติ ยังกลายเป็นปัญหาของภูมิภาคและของโลกอีกด้วย
มองไปที่แกนนำพันธมิตรวันนี้ ดูคล้ายคนที่มีอุดมการณ์ทั้งสิ้นแต่พวกเขาเข้าใจโลกปัจจุบันดีพอหรือไม่ พอเดาได้ว่าพวกเขามีเงินเดือนเลี้ยงชีวิต มีฐานะทางสังคมอยู่ในขั้นดี แต่พวกเขาไม่รู้จักคำว่า “ขาดทุน”เพราะไม่เคยเป็นผู้ลงทุน และไม่ใช่เป็นผู้ใช้แรงงานชั้นล่าง พวกเขาไม่เคยค้าขาย ไม่เคยทำการผลิตแบบอุตสาหกรรมและการเกษตร ที่จะเป็นปัญหาใหญ่ทางทัศนะคติที่จะมีผลต่อการพัฒนาประเทศ
 
พวกเขารู้แต่เรื่องอำนาจและการเมืองเท่านั้น
 
ดังนั้นการตั้งพรรคการเมืองใหม่ของพวกเขา คงไม่มีโอกาสตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาประเทศให้เป็นแบบสมัยใหม่ดังนานาอารยะประเทศได้  แม้แต่แนวคิดทางประชาธิปไตย พวกเขาก็ยังไม่ให้สิทธิของผู้มีสิทธิเลือกตั้งเท่าเทียมกันเลย มีการเสนอระบบ 70 : 30 ในระบบประชาธิปไตย แม้โอกาสที่พวกเขาจะขึ้นมาบริหารประเทศมีไม่สูงนัก แต่โอกาสที่จะทำให้เกิดความเสียหาย เกิดความวุ่นวายขึ้นในประเทศมีสูงมาก เพียงมองย้อนหลังไปไม่กี่ปีก็จะรู้ว่าเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในวันนี้ ก็เริ่มต้นจากคนกลุ่มนี้นี่แหละ พวกเขาเริ่มเดินสู่ท้องถนนคะยั้นคะยอให้ทหารปฏิวัติครั้งแล้วครั้งเล่า สนับสนุนสิ่งที่เป็นสองมาตรฐานและสามารถพูดได้ว่า
 
เสื้อเหลืองทำให้เกิดเสื้อแดง
 
ทีวีจอเหลืองทำให้เกิดทีวีจอแดง
 
แต่ถ้าคุณไปถามเขาเรื่องนี้เขาจะตอบว่า สิ่งที่เขาทำถูกต้องเป็นสิทธิของเขา การยึดทำเนียบหรือยึดสนามบินเป็นเรื่องจำเป็น และเขาก็จะชี้นิ้วไปที่กลุ่มเสื้อแดงว่า การไปยึดถนนเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ต้องจัดการให้เด็ดขาด
 
ดังนั้นวันนี้พลตรีจำลองได้เปิดเผยโฉมหน้าของเขาออกมาอย่างชัดเจนอีกครั้งหนึ่งแล้ว คนเก่าแผนเก่า เพียงแต่อยากจะเตือนว่ากลุ่มคนเสื้อแดงวันนี้ไม่ใช่เด็กละอ่อนสมัย 6 ตุลา เสียงโหวดให้พรรคไทยรักไทยนับล้าน ๆ เดิมเป็นเสียงโหวตธรรมดา แต่มีคนได้ป้อนปุ๋ยแห่งความอยุติธรรมหลังการรัฐประหาร ครั้งแล้วครั้งเล่า เพาะสร้างให้พวกเขาเติบโตแข็งแกร่งขึ้น เก็บงำความแค้นไว้ในใจ วันนี้พวกเขาแค่ถือธงแดง ส่งตัวแทนจำนวนไม่มากนักเข้ามาในเมืองหลวง ข้อเรียกร้องให้ยุบสภาที่จริงเป็นข้อเสนอที่เล็กน้อยมาก ในท่ามกลางอากาศร้อน พวกเขาถือขวดน้ำเข้ามาพร้อมกับธงแดงตอนที่ต่อสู้กับรถหุ้มเกราะและปืน เขาก็ใช้ขวดน้ำเป็นอาวุธขว้างเข้าใส่ ไม่รู้ว่าตอนจบของการเรียกร้องครั้งนี้จะเป็นอย่างไร เป็นไปได้ที่เขาจะคว้าได้เพียงขวดน้ำ แล้วต้องกลับบ้านไปพร้อมกับขวดที่บรรจุน้ำเหลว ๆกลับไปเขตชนบทอีกครั้ง
 
สิ่งที่ติดตัวกลับไปคือบาดแผล สิ่งที่ฝังอยู่ในใจคือความเจ็บช้ำ แต่สิ่งที่ยกระดับขึ้นมาคือความรับรู้และประสบการณ์ ใคร ๆก็บอกแล้วว่า นี่ไม่ใช่การต่อสู้ครั้งสุดท้าย นี่ไม่ใช่การต่อสู้ม้วนเดียวจบ ในครั้งหน้าเขาต้องคิดว่า จะสู้แบบไหนดี
 
เขาจะใส่เสื้อสีแดงให้เห็นชัด ๆอีกมั้ย ?
 
เขาจะใช้หลักอหิงสาเหมือนเดิมหรือเปล่า ?
 
ใช้มือเปล่าแล้วจะแพ้หรือชนะ ? คิดว่าการต่อสู้จะยังมีอีกหลายยก
 
สำหรับเดือนเมษานี้ อีกไม่นานก็จะครบเจ็ดวันตามที่พันธมิตรลั่นปากไว้ รีบใช้วิธีเด็ดขาดจัดการไปเลย แล้วจะได้ดูหนังบู๊เรื่องยาว 10 เมษาที่ผ่านมาเป็นแค่หนังตัวอย่าง หนังเรื่องนี้ยังมีหลายภาคหลายตอน อาจจะเห็นผลแพ้ชนะกันในระหว่าง 3-7 ปี.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net