เสื้อแดงหลายจังหวัดตั้งด่านสกัดตำรวจทหารเข้ากรุง - มาร์คจี้ 61 ผู้ว่าสกัดแดงเคลื่อนไหว

เสื้อแดงปทุมธานี กว่า 500 คนตั้งด่านสกัดตำรวจเหนือ-อีสานเข้ากรุงมาคุมม็อบ ส่วนที่อุดร ผู้ชุมนุมเสื้อแดงสกัดด้วยเช่นเดียวกับที่ชัยภูมิ ด้าน “มาร์ค” มอบนโยบายผู้ว่า 61 จังหวัด เข้มงวดการเคลื่อนไหวเสื้อแดง คุมเข้มวิทยุชุมชน

  
ที่มาภาพ: UDDThailand

 

25 เม.ย. 53 - มติชนออนไลน์รายงานว่าเมื่อเวลา 15.00 น. กลุ่มมวลชนเสื้อแดง จ.ปทุมธานี โดยส่วนใหญ่ไม่สวมใส่เสื้อสีแดง กว่า 500 คน นำโดย นายกร ลำลูกกา ดีเจสถานีวิทยุชุมชนคนเสื้อแดงปทุมธานี ความถี่ fm 93.65 เมกกะเฮริต์ ได้ทำการปิดถนนตั้งด่านขาเข้า โดยนำรถเมล์สาย 39 มาปิดจอดขวางถนน บน ถนนพหลโยธินขาเข้า ทั้งช่องทางด่วน และคู่ขนาน หน้าโรงกษาปณ์ หมู่ 4 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง ก่อนถึงฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต ประมาณ 2 กม. เพื่อป้องกันและ ปิดกั้นถนนมิให้รถยนต์ตู้ และรถยนต์ปิคอัพ รถยนต์ 6 ล้อ ควบคุมผู้ต้องขัง รวมจำนวน 53 คัน ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เดินทางมาจากจังหวัดต่างๆ ทั้งภาคเหนือ และอีสาน โดยมีผู้โดยสารซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เดินทางมาจำนวน 532 นาย เพื่อเดินทางมาสมทบกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในกรุงเทพมหานคร

ซึ่งกลุ่มเสื้อแดงอ้างว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเหล่านี้ได้รับคำสั่งให้ ให้เข้าไปสมทบเพื่อปราบคนเสื้อแดงที่ชุมนุมกันอยู่ที่ราชประสงค์ จึงล้อมและถูกกักตัวไว้บริเวณที่รกร้างของชาวบ้านลานกว้าง ซึ่งทำเป็นสนามฟุตบอลออกกำลังกาย โดยมีรั้วลวดหนามล้อมรอบ มีทางเข้าออกทางเดียว ริมถนนพหลโยธินตรงข้าม บริษัทกู๊ดเยียร์ ประเทศไทยจำกัด หมู่ 4 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทำให้การจราจรติดขัดยาวกว่า 10 กิโลเมตร บน ถ.พหลโยธินขาเข้า ตั้งแต่บริเวณ นิคมอุตสาหกรรมนวนคร ถึงหน้าห้างฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ส่วนขาออก ประชาชนที่เดินทางสัญจรไปมา ต่างจอดรถและชะลอดูเหตุการณ์ ทำให้การจราจรเคลื่อนตัวเชื่องช้า ส่งผลให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก ตั้งแต่สนามกีฬาธูประเตยมี ถึงตลาดบางขัน อ.คลองหลวง ซึ่งการปิดถนนดังกล่าวทำให้มีเหตุกระทบกระทั่งกันระหว่างผู้ชุมนุมและประชาชนที่สัญจรไปมา โดยเกิดการต่อว่าต่อขานกันว่าทำให้รถติด

ต่อมา พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง ผบก.ภจ.ว.ปทุมธานี พ.ต.อ.เพิ่มเกียรติ สุริยวงศ์ ผกก.สภ.คลองหลวง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภจว.ปทุมธานี จำนวนกว่า 100 นาย ได้เดินทางมายังบริเวณที่เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกกักด่านไว้ เพื่อเจรจาขอให้เปิดเส้นทางการจาจร เนื่องจากประชาชนที่สัญจรไปมาต่างเดือดร้อน รวมทั้งการเดินทางของอเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เดินทางมาเพื่อปฏิบัติภารกิจรักษา ความสงบในเหตุการณ์ชุมนุมในกรุงเทพมหานคร ก็ไม่สามารถไปได้

ต่อมาเวลา 17.00 น. พล.ต.ต.คำรณวิทย์ เปิดเผยว่า ได้ทำการเจรจาและตกลงกับ นายกร แกนนำ มวลชนเสื้อแดง เป็นเวลากว่า 40 นาที โดยขอให้ผู้ชุมนุมเปิดเส้นทางให้ประชาชนได้ใช้สัญจรไปมาได้ตามปกติ เพื่อผ่อนคลายความเดือดร้อนของประชาชนที่มิได้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยนายกร ได้รับปากและยินยอมให้กลุ่มมวลชนเปิดเส้นทางให้เฉพาะประชาชนทั่วไป แต่จะกักกันหากพบว่ามีกองกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เดินทางมาเพื่อเข้า ร่วมกับการปฏิบัติงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กรุงเทพมหานครเท่านั้น โดยจะกักตัวและยานพาหนะทั้งหมดไว้บริเวณสนามฟุตบอลของชาวบ้านดังกล่าว

นายกร กล่าวว่า กลุ่มมวลชนเสื้อแดงปทุมธานี ทั้งหมดจะคงปักหลักและเสริมกำลังผลัดเปลี่ยน ตั้งด่านสกัดจุดตรวจ ป้องกันมิให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เดินทางเข้ากรุงเทพมหานครไว้เช่นนี้ตลอดไป โดยไม่มีกำหนดเปิด เพื่อรอรับคำสั่งจากแกนนำคนเสื้อแดงที่แยกราชประสงค์ กรุงเทพมหานคร

เวลา 17.40 น. บริเวณปากซอยชุมชนแก้วนิมิต ริมถนนพหลโยธิน หมู่ 4 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง ซึ่งเป็นชุมชนของชาวมุสลิม ได้มีชาวบ้านชายฉกรรจ์ชาวมุสลิมหมู่บ้านกฤษฎานคร ที่อาศัยอยู่ กว่า 200 คน ได้พากันออกมารวมตัว และนำป้าย "ไม่ยุบสภา" ขึ้นมาชู และได้ตะโกนด่าทอแสดงอาการไม่พอใจมวลชนเสื้อแดงที่มาปิดกั้นถนนบริเวณหน้าปากซอยที่นำป้ายข้อความ "ยุบสภา" มาปักไว้บริเวณริมถนนปากทางเข้าชุมชน จนเกิดสถานการณ์ตึงเครียดช่วงหนึ่งโดยการผลักอกกันหลายคู่ ภายหลังมีการส่งตัวแทนเจรจากันกว่า 10 นาทีโดยยังไม่มีเหตุปะทะกันแต่อย่างใด

เวลา 18.00 น. ทางด้านฝ่ายกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งของ ภจ.ว.ปทุมธานี และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดรวมกว่า 600 นายต่างอยู่ในสภาพอิริยาบถพักผ่อน โดยมีเครื่องมือปราบจลาจล โล่ กระบอง สนับแข้ง หมวกกันน็อคเจ้าหน้าที่ปราบจลาจล เดินเท้าเข้าแถวรับอาหารกล่อง และน้ำดื่ม จากมวลชนคนเสื้อแดงที่เตรียมนำมาแจกจ่ายให้กับคนเสื้อแดง

 

เสื้อแดงอุดรตั้งด่านสกัดทหาร-ตำรวจอีสานทุกเส้นทาง

ส่วนที่บริเวณถนนหน้าที่ว่าการอำเภอโนนสะอาด อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี กลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 5,000 คนได้ทยอยมาปิดถนนสายมิตรภาพขาเข้ากทม. หลังจากมีการตั้งด่านสกัดเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้เดินทางไปสมทบกำลังที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่กลางดึกของคืนที่ผ่านมา โดยกลุ่มคนเสื้อแดงได้ทำการสกัดรถตู้ของเจ้าหน้าที่ภูธร จ.อุดรธานี 13 คัน และรถหกล้อ 2 คัน พร้อมยึดอาวุธปืน กระสุน โล่ กระบอง แถมปล่อยลมยางทำให้ตำรวจทั้ง 13 กองร้อยไม่สามารถเดินทางลงไปกรุงเทพฯได้ โดยบรรยากาศขณะนี้คนเสื้อแดงทำการค้นรถทุกประเภททั้งรถบัสโดยสาร รถตู้ รถปิคอัพ โดยให้เหตุผลว่าเพื่อสกัดกั้นไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงไปสมทบกำลังที่แยกราชประสงค์ และจะปิดถนนควบคู่ไปกับการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่กทม.อย่างต่อเนื่อง จนกว่ารัฐบาลจะยุบสภา

สำหรับจุดที่เสื้อแดงที่ จ.อุดรธานี ปิดถนนสกัดกั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้ลงไปกรุงเทพฯ ขณะนี้มีอยู่ด้วยกัน 4 จุด คือ 1.หน้าที่ว่าการอำเภอโนนสะอาดอำเภอรอยต่อกับจังหวัดขอนแก่น 2.หน้าสถานีตำรวจภูธร ต.นาข่า อ.เมือง จ.อุดรธานี เป็นเส้นทางมาจากจ.หนองหาย 3.สี่แยกอำเภอหนองวัวซอ ซึ่งเป็นถนนสายหลักไปจ.หนองบัวลำภู และหน้าสถานีรถไฟห้วยเกิ้ง อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า กลุ่มคนเสื้อแดงในอีกหลายอำเภอได้ตั้งด่านสกัดทุกเส้นทางที่จะเดินทางออกจากจ.อุดรธานีได้คือ อ.นายูง อ.หนองหาน อ.บ้านผือ

ทางด้าน นายวิเชียร ขาวขำ ส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.อุดรธานี ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงปิดถนนสายหลักมุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพมหานครในหลายจุดทั่วจ.อุดรธานีว่า การสกัดเจ้าหน้าที่ตร.ไม่ให้เดินทางลงไปสมทบกำลังที่กรุงเทพฯ เป็นความสมัครใจของคนเสื้อแดง นอกจากที่จ.อุดรธานีแล้วยังมีอีกหลายจุดในจ.ขอนแก่น เช่น อ.พล อ.สีดา และโคราช ทั้งนี้กลุ่มคนเสื้อแดงไม่ต้องการให้ตำรวจคนอีสานเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ หรือไปตายแทนรัฐบาล เพราะมีข่าวว่า รัฐบาลกำลังใช้คนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษาความสงบให้เสียชีวิต จากนั้นจะป้ายสีให้กับคนเสื้อแดง การสกัดกั้นไม่ให้ตำรวจลงกรุงเทพฯ เพื่อต้องการไม่ให้ตำรวจไปเสียชีวิต เพราะตำรวจมีหัวใจเสื้อแดงเต็มตัว แต่ก็ขัดไม่ได้เพราะเป็นหน้าที่และปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา

ส่วนกรณีที่ทางผู้ว่าฯ จะดำเนินคดีกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่ปิดถนน พร้อมจะสู้คดีเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งทราบว่าขณะนี้ทางผุ้ว่าฯ เตรียมดำเนินคดีกับคนเสื้อแดงที่พังประตูศาลากลางแล้ว พวกเราก็พร้อมต่อสู้คดีถึงที่สุด ส.ส.อุดรธานีกล่าวทิ้งท้าย

ล่าสุดรายงานข่าวเพิ่มเติมทราบว่า ขณะนี้นายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานีได้เรียกประชุมด่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น ขนส่งจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี นายอำเภอ เพื่อประชุมหาทางแก้ไขและทราบถึงกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงปิดถนน ทำให้การสัญจรไปมาติดขัด และเตรียมดำเนินคดีกับกลุ่มคนเสื้อแดงว่า กระทำการผิดกฎหมายหรือละเมิดสิทธิของประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนหรือไม่

 

เสื้อแดงชัยภูมิปิดถนนสายสายภูเขียว-แก้งคร้อ

ขณะที่ จ.ชัยภูมิ การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงอ.ภูเขียว กว่า 200 คน นำโดยนางประนอม วงศ์อาสา แกนนำชาว ต.โอโล ได้ออกมาชุมนุมปิดถนนสายภูเขียว-แก้งคร้อ ช่วงสามแยกอ.บ้านแท่น ต.โอโล อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ มาตั้งแต่ช่วงเช้า เพื่อสกัดไม่ให้รถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหาร ที่จะต้องใช้เส้นทางสายนี้เดินทางผ่านถนนสายภูเขียว-แก้งคร้อ โซนถนนสายหลักผ่านจ.ชัยภูมิเชื่อมสายอีสานตอนล่างเข้ากรุงเทพฯ จาก จ.เลย,หนองคาย,อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น บางส่วนและ จ.เพชรบูรณ์ เดินทางผ่านเข้าไปเสริมกำลังที่กรุงเทพฯ โดยเด็ดขาด โดยมีการนำกรวยจราจรของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาวางชะลอความเร็วเพื่อตรวจสอบ หากมีรถตำรวจและทหารผ่านมาก็จะเข้าปิดล้อมรถไม่ให้ผ่านทันที

ซึ่งมีการกักรถบรรทุกของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ผ่านมากว่า 100 นาย จากจ.หนองคายและจ.เลย ไว้ไม่ให้ผ่าน รวม 3 คัน ซึ่งกำลังตำรวจที่เดินทางผ่านมาได้มีการถอยรถกลับเลี่ยงกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงที่ปิดถนนขวางไว้ได้หันไปใช้เส้นทางอื่นๆเพื่อเดินทางเข้าเสริมกำลังที่กรุงเทพแล้ว โดยการออกมาชุมนุมปิดถนนของกลุ่มคนเสื้อแดงอ.ภูเขียว ครั้งนี้ยังได้รับการสนับสนุนเรื่องข้าวปลาอาหาร น้ำดื่มมีให้ตลอด ซึ่งสามารถนำรถไปรับได้ที่ทำการพรรคเพื่อไทย อ.ภูเขียว ของนายเจริญ จรรย์โกมล ส.ส.เขต 1 จ.ชัยภูมิ ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากต.โอโล ของกลุ่มผู้ชุมนุมปักหลักปิดถนน อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ด้านกลุ่มคนหลากสีอ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ เริ่มมีการอกมาเคลื่อนไหวชุมนุมประกาศเชิญชวนประชาชนให้ออกมารวมตัวกันแสดงพลังเรียกร้องให้กลุ่มคนเสื้อแดงยุติการใช้ความรุนแรงและชุมชนแบบผิดกฎหมายสร้างความเสียหายต่อบ้านเมือง พร้อมให้กำลังใจรัฐบาล กว่า 200 คน ณ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เยื้องตลาดสดเทศบาลตำบลผักปัง อ.ภูเขียว ด้วยเช่นกัน โดยประกาศว่าจะนัดกันออกมาชุมนุมแสดงพลังคนหลากสีให้กำลังรัฐบาลไปต่อเนื่องเช่นกันระหว่างตั้งแต่เวลา 17.00-18.00 น.ของทุกวันจากนี้ไป

 

นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายผู้ว่าฯ ให้เร่งชี้แจงทำความเข้าใจประชาชนถึงสถานการณ์การเมือง เน้นดูแลการกระทำที่ผิดกฎหมาย

เมื่อเวลา 14.00 น. (25 เม.ย. 53) ณ ห้องประชุม อาคารศาสนสถาน กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11รอ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดจากภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวม 61 จังหวัด โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม ภายหลังการประชุมในเวลา 17.00 น. นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม สรุปสาระสำคัญดังนี้

ที่ประชุมรับทราบสถานการณ์ ด้านความมั่นคง ตามที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี รายงานว่า ได้เกิดสถานการณ์ที่กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของประเทศ ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด หรือ ผอ.รมน. จังหวัด จะต้องทำงานร่วมมือกับรัฐบาล และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. ในประเด็นต่าง ๆ ซึ่งจะได้มีการหารือกัน ทั้งนี้ รองนายกฯ สุเทพได้ชี้แจงว่า โดยภาพรวมของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นสถานการณ์ซึ่งเป็นวิกฤตการณ์ มีผลกระทบต่อระบบการเมืองการปกครองของประเทศ และถึงแม้ว่าการชุมนุมได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ แต่ก็มีการกระทำบางอย่างที่เป็นการข่มขู่ประชาชน และเป็นการก่อการร้าย คู่ขนานไปกับการเรียกร้องด้านการเมืองของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งในเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายต่อที่ประชุมว่า จะต้องขอให้ผู้ว่าฯ ทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวอย่างชัดเจน และเน้นให้เห็นว่าการชุมนุมโดยทั่วไปที่อยู่ในกรอบสามารถชุมนุมได้ หากมีความต้องการที่จะให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาใด ๆ ก็สามารถที่จะเข้าไปดำเนินการได้ พร้อมกับให้ผู้ว่าฯ ชี้แจงให้ประชาชนทราบว่า การชุมนุมเรียกร้องใดที่ถูกกฎหมาย หรือไม่ถูกกฎหมาย หรือที่รัฐบาลจะเข้าไปดูแลช่วยเหลือได้ เช่น ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในหลาย ๆ ด้าน ที่สามารถจะเข้าไปช่วยเหลือดูแลได้ และให้ชี้แจงให้ประชาชนทราบว่า การดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของรัฐบาลให้กับประชาชนยังดำเนินการอ ยู่ เช่น เรื่องกองทุนหมู่บ้าน โครงการ 30 บาท โครงการเรียนฟรี เบี้ยยังชีพ การประกันรายได้ต่าง ๆ โดยขอให้ผู้ว่าฯ ได้เร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน แยกแยะให้เห็นว่าอะไรเป็นการชุมนุมโดยสงบ อะไรเป็นการชุมนุมโดยไม่สงบ แยกแยะพฤติกรรมของแกนนำที่เป็นในลักษณะของการก่อการร้าย การข่มขู่ การกระทำโดยผิดกฎหมายต่าง ๆ และขอให้ผู้ว่าฯ ยืนยันกับประชาชนว่า รัฐบาลไม่ได้ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นของฝ่ายที่ไม่เห็นตรงกับรัฐบาล แต่จะปิดกั้นสิ่งยั่วยุ บิดเบือน ผิดกฎหมาย เฉพาะอย่างยิ่งการใช้สื่ออย่างวิทยุชุมชน ซึ่งที่ประชุมจะได้มีแนวทางการดำเนินการต่อไป โดยมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเข้าไปดูแล

"ผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยจะประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ นายอำเภอในพื้นที่ต่าง ๆ ในวันอังคารที่ 27 เมษายน ผ่านระบบเทเลคอนเฟอเรนซ์ เพื่อวางแนวที่ชัดเจนในการดูแลดำเนินการต่าง ๆ ในทางกฎหมาย กับกลุ่มคนที่ใช้สื่อที่ยั่วยุ บิดเบือน ทำความผิดตามกฎหมาย สำหรับการดำเนินการกับวิทยุชุมชนนอกเขตพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจะมี สองส่วน คือ ส่วนของการดำเนินการตาม ป.วิอาญา ที่จะมีองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 116 และอาจจะมีบางส่วนที่สามารถดำเนินการได้ในแง่ของพรก. ฉุกเฉิน เพื่อที่จะห้ามเสนอข่าวต่าง ๆ ที่กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงทั่วราชอาณาจักร" รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าว

รองเลขาธิการนายก รัฐมนตรีกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้เน้นในที่ประชุมเป็นพิเศษว่า จะต้องให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องของการกระทำที่ผิดกฎหมายต่าง ๆ เรื่องการตรวจอาวุธ เรื่องการสกัดกั้นกลุ่มคนที่แอบแฝงเข้ามาปะปนเข้ามากับกลุ่มผู้ที่ชุมนุม โดยเฉพาะที่มีอาวุธ มีวัตถุประสงค์ชัดเจนในการก่อความไม่สงบ มีการปลุกปั่นทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง และได้เสนอแนะแนวทางที่เป็นประโยชน์หลายอย่าง ทั้งเรื่องของการดูแลแก้ไขปัญหามวลชนตามกรอบสากล ตามกรอบปฏิบัติของรัฐบาลที่ได้วางไว้ และมีมาตรการที่ทำให้ประชาชนเข้าใจถึงเรื่องแนวทางที่โปร่งใส การชี้แจงเสนอข่าวสารอย่างทั่วถึงจากส่วนกลางและจากส่วนภูมิภาคอย่างเป็น ระบบและมีเครือข่าย แทนที่จะให้คนใดคนหนึ่งเป็นผู้ชี้แจง ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้เกิดภาพที่ชัดเจนขึ้นว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ดำเนินการดูแลสถานการณ์ในพื้นที่ภูมิภาค โดยการร่วมมือกับผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผอ.รมน.จังหวัด และจะมีการร่วมกับกองทัพภาค กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค กองบังคับการจังหวัด ที่จะดูแลสถานการณ์ต่าง ๆ ไม่ให้มีการดำเนินการต่าง ๆ ที่ผิดกฎหมายอย่างที่เห็นในหลายวันผ่านมา

พร้อมกันนี้รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้ได้มีการจับกุมกลุ่มบุคคลที่ได้ไปชุมนุมอย่างผิดกฎหมายที่บริเวณบ้าน ของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเข้าใจว่าขณะนี้มีการดำเนินการจับกุมสอบสวนอยู่ 8 คน และจะมีการออกหมายเรียกแกนนำที่ได้นำมวลชนไปที่บริเวณบ้านของนายกรัฐมนตรีใน วันนี้ โดยจะมีการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า แกนนำที่ได้ออกหมายเรียกมีใครบ้าง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยังไม่เปิดรายชื่อ ในคืนนี้ ทาง ศอฉ.จะได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม เข้าใจว่าจะเป็นหัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ที่ได้นำเอามวลชนไป ส่วนเรื่องของรายชื่อจะให้ทาง ศอฉ.เป็นคนเปิดเผย

ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนของการประชุมวันนี้มีการพูดถึงกรณีที่เกิดขึ้น อย่างเช่น การปิดถนนพหลโยธินและที่จังหวัดขอนแก่น ที่ยังมีการตรวจค้นไม่ให้ตำรวจทหารเข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ หรือไม่ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มีการกำชับให้ด่านตรวจต่าง ๆ ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งในด่านต่าง ๆ การดำเนินการที่ผิดกฎหมายต่าง ๆ วันนี้ได้มีการพูดคุยกันในภาพรวมทั้งหมดในส่วนของภูมิภาคเป็นหลัก อาทิ การสกัดกั้นการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการเดินทางในการทำหน้าที่ การพกพาอาวุธ การระดมมวลชนในพื้นที่ ได้มีการกำชับวางมาตรการต่าง ๆ โดยหลัก ๆ จริง คือ 2 ส่วน ส่วนบังคับใช้กฎหมาย กับส่วนที่ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน จะทำงานควบคู่กัน

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีวิทยุชุมชนจะมีการใช้บางมาตราของ พรก.ฉุกเฉิน หมายถึงว่าอาจจะมีการขยาย พรก.ฉุกเฉินบางมาตราให้ครอบคลุมทั้งประเทศ หรือว่าอย่างไร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เข้าใจว่าอำนาจในการจับ ยึด อายัด ตาม พรก.ฉุกเฉินในเรื่องของการเสนอข่าว มีบางส่วนสามารถใช้ได้ซึ่งทาง สมช.กำลังพิจารณาอยู่ ในวันอังคารจะมีความชัดเจนในการวางแนวปฏิบัติ เบื้องต้นตามประมวลกฎหมายอาญาชัดเจนว่า เข้าข่ายการกระทำความผิดสามารถดำเนินการได้เลยตามมาตรา 116 เรื่องของกรณีวิทยุชุมชนตามความผิดมาตรา 9 (3) มาตรา 116 ของประมวลกฎหมายอาญา

ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าจะใช้ตาม พรก.ฉุกเฉิน ก็ต้องเท่ากับขยายพื้นที่ให้ครอบคลุมทั้งประเทศหรือเปล่า รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คือมีการประกาศห้ามเสนอข่าว หรือสื่อใด ๆ ที่ทำให้ประชาชนหวาดกลัวอยู่แล้วโดยทั่วไป เรื่องนี้มีการพิจารณาว่าการทำให้ประชาชนหวาดกลัวโดยทั่วไปเข้าข่ายกรณีนี้ หรือเปล่า ขึ้นอยู่กับพื้นที่หรือไม่ แต่ว่าการใช้อำนาจในการระงับยับยั้งไม่ให้มีการเสนอข่าวบิดเบือนมีอยู่แล้ว ตามกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวถามว่าในการมอบนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดในการประชุมวันนี้ มีจังหวัดไหนที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ หรือดูแลเป็นกรณีพิเศษหรือไม่ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่มี น้ำหนักให้กับทุกจังหวัดที่มีปัญหา และดูแลเรื่องการกระทำที่ผิดกฎหมายต่าง ๆ จะมีเรื่องที่ละเอียดอ่อนของบางจังหวัด ที่ประชุมรับทราบรายงานเกี่ยวกับกระบวนการที่ต่อต้านสถาบันกระทบกระเทือนต่อ ความมั่นคงในกลุ่มจังหวัดต่าง ๆ บางจังหวัด ในเรื่องนี้จะให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลเป็นพิเศษ อาทิ การปลุกระดม การใช้คำพูดยั่วยุ มีผลกระทบต่อสถาบัน ที่เรื่องนี้ก็จะมีการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่าระบุจังหวัดหรือไม่ว่ามีกี่จังหวัด รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่มีรายละเอียด มีภาพรวมโดยทั่วไปไม่ได้ระบุจังหวัด จังหวัดแต่ละจังหวัดน่าจะมีรายละเอียดอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าตอนนี้มีการรายงานเกี่ยวกับการระงับเหตุเบื้องต้นที่เกิดขึ้นล่าสุด เกี่ยวกับการปิดล้อมโรงงานกษาปณ์หรือไม่ว่าเจ้าหน้าที่เข้าไปจัดการอะไรได้ บ้าง ตอนนี้การจราจรตรงถนนพหลโยธินติดขัดมาก รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขณะนี้ ศอฉ.กำลังปฏิบัติหน้าที่รวบรวมรายงาน ค่ำนี้คงจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับผลการปฏิบัติ แนวทางของรัฐบาลจะดำเนินการจับกุมคนที่ทำผิดกฎหมายไม่ว่าพื้นที่ใด ๆ ก็ตาม เช่น บริเวณที่พักของนายกรัฐมนตรีได้มีการดำเนินการออกหมายเรียก ที่อื่น ๆ เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติ

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการพูดถึงกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะเปลี่ยนสีเสื้อหรือไม่ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่มี นายกรัฐมนตรีได้เน้นให้ดูแลสีเสื้อทุก ๆ สี ให้อยู่ในกรอบ กติกาของการชุมนุมโดยสงบ และเน้นว่าการชุมนุมโดยสงบตามกฎหมายสามารถทำได้ ถ้าไม่มีพฤติกรรมข่มขู่ ขุกคามผู้ที่เห็นต่าง ไม่มีพฤติกรรมใด ๆ ที่คนส่วนใหญ่รับไม่ได้ ไม่ได้มีการปิดกั้นการชุมนุม แต่ขอให้ทำความเข้าใจกับประชาชนโดยเฉพาะในภูมิภาค ว่าการชุมนุมโดยสงบสามารถทำได้ แต่ให้ทุกๆ สีอยู่ในกรอบกติกา ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดไปดูแล ให้ประชาชนไม่รู้สึกว่าตกอยู่ภายใต้การข่มขู่ คุกคามของกลุ่มบุคคลจนต้องออกมาเคลื่อนไหว หรือกระทำการใด ๆ ที่กระทบต่อความมั่นคง ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติที่นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายกับผู้ว่าราชการจังหวัด อย่างชัดเจน จะต้องทำตามกฏเกณฑ์ กติกา จะนิ่งนอนใจไม่ได้ จะต้องมีการทำงานที่ชัดเจน ทำให้สังคมไม่รู้สึกว่าถูกคุกคามจนต้องออกมาเคลื่อนไหวโดยตัวเอง

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการคาดโทษผู้ว่าราชการจังหวัดหรือไม่ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มีแต่การกระตุ้นให้ผู้ว่าฯ ให้ความร่วมมือ และทำตามหน้าที่ ซึ่งหลาย ๆ จังหวัดก็ทำหน้าที่ได้ดี ยกเว้นบางจังหวัด ในการชุมนุมรอบอาทิตย์ที่ผ่านมาจังหวัดต่าง ๆ ได้ดูแลไม่ให้เกิดการเผชิญหน้ากัน มีการเน้นกำชับเรื่องของการทำงานในลักษณะแบบนี้อย่างต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ประชุม ศอฉ.ได้มีการคุยถึงเรื่องของนาง ออง ซาน ซูจี ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นหรือไม่ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่มี เราก็รับฟังแนวคิดของผู้นำประเทศต่าง ๆ ที่เป็นห่วงสถานการณ์การเมืองไทย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องภายใน เป็นเรื่องของคนไทยที่ต้องร่วมกันหาทางออกที่เหมาะสมสำหรับคนไทย แต่เราก็รับความเป็นกังวล ความปรารถนาดีของผู้นำทั้งหลาย นอกจากนี้ยังมีผู้นำหลายประเทศที่ได้ให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี ในสัปดาห์หน้าจะมีผู้นำระหว่างประเทศจะเดินทางเข้ามาให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะไม่ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเหมือนกับประเทศพม่ามากขึ้นเรื่อย ๆ หรือไม่ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่เหมือนกัน เพราะบ้านเราเป็นระบอบประชาธิปไตยมายาวนาน หลายประเทศยังไม่ได้เป็นประชาธิปไตย ในเรื่องความขัดแย้งที่มีแนวโน้มของการใช้กำลังที่รุนแรง ทุกคนก็เป็นกังวล แต่ว่าประเทศมีสถาบันหลายสถาบันที่เป็นหลักและเข้มแข็ง ไม่ว่าจะเป็นสถาบันทางการเมือง สถาบันตุลาการ รวมถึงองค์กรภาคประชาชนต่าง ๆ ซึ่งมีพลวัตรสูงมาก จะเห็นได้ว่ามีการเคลื่อนไหวขององค์กรเหล่านี้ ซึ่งมีความเป็นอิสระ และในหลาย ๆ ประเทศไม่มีองค์กรแบบนี้ และเราก็มีสื่อมวลชนที่เข้มแข็ง ที่สามารถรายงานสถานการณ์ได้โดยเฉพาะช่วงเวลาฉุกเฉิน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ข่าวคุณทักษิณเสียชีวิตได้มีการตรวจสอบว่าเสียชีวิตจริงหรือไม่ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องนี้คิดว่าไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญในการแก้ปัญหาเรื่องความเดือดร้อนของ ประชาชน และเรื่องของสถานการณ์เฉพาะหน้า แต่เข้าใจว่าฝ่ายกฎหมาย หรือทางเจ้าหน้าที่ต้องติดตามนำเอาผู้ต้องคดีมาดำเนินคดี น่าจะมีข้อมูล แต่ทางรัฐบาลไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่าต้องให้ระดับเจ้าหน้าที่ไปติดตาม ฝ่ายการเมืองไม่ได้ให้ราคาในข่าวนี้เท่าไรใช่หรือไม่ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ปัญหาเฉพาะหน้าคือเราต้องการคุ้มครองให้ประชาชนที่มาชุมนุมมีความปลอดภัย แยกแยะส่วนที่ใช้กำลัง ใช้ความรุนแรงออก และคืนพื้นที่ ส่วนเรื่องอดีตผู้นำก็เป็นเรื่องอดีตผู้นำ ฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายที่ต้องติดตามตัวท่านมาก็ต้องทำหน้าที่ไป

ผู้สื่อข่าวถามว่าอย่างนี้นายกรัฐมนตรีก็ไม่สามารถกลับไปนอนที่บ้านพักอีกแล้วใช่หรือไม่ หลังจากที่ไปนอนมาแล้ว 2 คืน รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การจับกุมกลุ่มบุคคลที่ไปคุกคามนายกรัฐมนตรีและครอบครัว เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าเราจะไม่นิ่งนอนใจและจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่ง ครัด ถ้ามีการกระทำการใดๆ ที่คุกคามนายกรัฐมนตรีและครอบครัวอีก เราก็จะดำเนินการอย่างเคร่งครัด ซึ่งวันนี้ได้เห็นความพร้อมของการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่จะไม่ทำให้เกิดการ เผชิญหน้า ขณะเดียวกันมีการบังคับใช้กฎหมาย

ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมไม่ให้ทางกรุงเทพมหานครเข้าไปจัดการเรื่องของวินมอเตอร์ไซค์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทาง ศอฉ.กำลังมีมาตรการหลายประการ ตำรวจมีหน้าที่โดยตรงอยู่แล้วและคงจะได้มีการประสานงานกับส่วนต่าง ๆ ที่สามารถทำงานได้ ตำรวจจะเป็นหลักในการทำงาน ซึ่งขณะนี้ได้รับความร่วมมือดีขึ้นจากการไม่เข้าร่วมชุมนุม ซึ่งจากการออกหมายเรียก 92 ราย มีมารายงานตัวแล้ว 62 ราย ซึ่งเป็นเจ้าของวินมอเตอร์ไซค์

 

ที่มาข่าวเรียบเรียงจาก: มติชนออนไลน์, เว็บไซต์คมชัดลึก, เว็บไซต์สยามรัฐ, ศูนย์สื่อทำเนียบรัฐบาล

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท