Skip to main content
sharethis

'พิภพ' ไม่เอานิรโทษกรรมพันธมิตรฯ ลั่นเพื่อรักษานิติรัฐ อัดมาร์คคิดปรองดองทำให้ นปช. ชนะ 'สุริยะใส' ชี้มาร์คข้ามขั้นตอน ต้องจัดการ 'กลุ่มก่อการร้าย' และ 'ขบวนการล้มเจ้า' ก่อนปฏิรูป แย้ม พธม. ประชุม 6 พ.ค. ด้าน 'ลูกสนธิ' อัดมาร์คเป็นนักการเมืองเห็นแก่พรรคการเมืองตนเป็นหลัก ประชาชนเป็นรอง เชื่อจะเล่นงานพันธมิตรฯ ด้วยเพื่อแก้ปัญหาสองมาตรฐาน

 

พิภพไม่เห็นด้วยนิรโทษกรรมพันธมิตรฯ ขอให้ดำเนินตามกระบวนการยุติธรรมเพื่อรักษานิติรัฐ

ASTVผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า เมื่อวานนี้ (4 พ.ค.) นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวให้สัมภาษณ์ในรายการสภากาแฟ สภาประชาชนถึงการประกาศโรดแมป 5 ข้อของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยมีประเด็นหลักคือ ยุบสภาก่อนจัดเลือกตั้งใหม่ 14 พ.ย.โดยอ้างว่า เพื่อให้เกิดความปรองดองของคนทั้งชาติเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายฝ่ายเกิดความกังวลใจว่าน่าจะมีนัยแอบแฝง โดยเฉพาะการตั้งธงเรื่องนิรโทษกรรมให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แกนนำ นปช.หรือคำสั่งตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปก่อนหน้านี้ รวมกระทั่งมีความพยายามพ่วงการนิรโทษกรรมให้พันธมิตรฯด้วยนั้น ซึ่งเรื่องนี้แกนนำพันธมิตรฯได้ปฏิเสธไปแล้วว่าไม่ขอเกี่ยวข้องและขอให้มี ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมอย่างตรงไปตรงมา เพราะต้องการรักษาหลักนิติรัฐ

 

อัดมาร์คเสนอหลักปรองดองเป็นการทำให้ นปช. ได้รับชัยชนะ

นายพิภพ กล่าวว่า รัฐบาลนี้เป็นผู้แจ้งข้อกล่าวหาขบวนการก่อการร้าย หรือขบวนการล้มเจ้าต่อกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งถือว่ากำลังเดินหมากได้เปรียบแต่กลับล้มเหลวในระบบการจัดการหรือใช้กลไก ตามอำนาจรัฐที่มีอยู่ และเมื่อออกมาแสดงความกล้าแต่เขลาด้วยการเสนอหลักปรองดอง ทำให้แกนนำนปช.ได้รับชัยชนะทันที และเชื่อว่าจะต้องเห็นชอบตามข้อเสนอนี้ เพราะจะทำให้สามารถคุมเกมการเมืองและนำไปสู่การได้รับชัยชนะในเลือกตั้ง 14 พ.ย. ต่อไป ซึ่งการเลือกตั้งในครั้งหน้าจะมีการซื้อสิทธิขายเสียงกันอย่างมโหฬาร และพรรคเพื่อไทยจะกลับมาถือเสียงข้างมากในสภา เพราะมีความพร้อมทั้งกำลังเงินและนโยบายประชานิยมสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและอีสาน ขณะที่พรรคการเมืองอื่นๆยังไม่มีหลักประกันว่าจะเข้าเข้าไปหาเสียงหรือเปิด เวทีปราศรัยได้อย่างไร ซึ่งหลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้น การเมืองก็จะกลับเข้าสู่วังวนเดิมเหมือนสมัยรัฐบาล ทักษิณ สมัคร และ สมชาย ปัญหาความขัดแย้งประชาชนระลอกใหม่ก็จะเกิดขึ้นมาอีก

รัฐบาลนี้นิ่งดูดาย จากปัญหาการชุมชุมเล็กๆ กลายเป็นปัญหาใหญ่โต จนทำให้มีคนต้องบาดเจ็บล้มตาย เพราะปัญหาถูกสั่งสมมาตั้งแต่ยุค คมช.รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ วันนี้ นายอภิสิทธิ์ ทิ้งโอกาสปฏิรูปการเมือง กลับไปกำหนดเกณฑ์แก้เกมการเมืองของตัวเอง จึงถือเป็นนักการเมืองที่เห็นแก่ตัว นายพิภพ กล่าวและว่า ส่วนคดีความที่กำลังจะเดินหน้าไปนั้นก็อาจจะสะดุดเมื่อรัฐบาลประกาศวันยุบ สภา เพราะหน่วยงานและข้าราชการจะเกียร์ว่างทันที

 

สุริยะใสติงโรดแมปอภิสิทธิ์ไม่ตรงกับนโยบายที่ประกาศในวันรับตำแหน่งนายกฯ

ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ กล่าวถึงแผนปรองดองแห่งชาติของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีว่า เป็นเพียงแนวคิดและหลักการกว้างๆ ซึ่งก็ไม่ต่างกับแนวนโยบายของรัฐบาลและคำปราศรัยของนายกรัฐมนตรีในวันรับตำแหน่งนายกฯ วันแรก ซึ่งผ่านมากว่าปีครึ่ง รัฐบาลก็ยังไม่ได้ทำอะไรเท่าที่ควรตามนโยบายที่แถลงไว้ ฉะนั้น แนวคิดโรดแมป 5 ข้อ จึงยังไม่ใช่เรื่องใหม่

ที่สำคัญ การประกาศโรดแมปครั้งนี้เกิดขึ้นบนสภาวะที่สังคมกำลังถูกคุกคาม จากกลุ่มก่อการร้ายและขบวนการล้มเจ้า ซึ่งรัฐบาลก็เป็นผู้ยืนยันเองว่ามีขบวนการดังกล่าวอยู่จริง และขบวนการดังกล่าวก็เชื่อมโยงเกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมที่ผิดกฎหมายของคน เสื้อแดง แต่รัฐบาลยังไม่สามารถจัดการกับกลุ่มก่อการร้ายและขบวนการล้มเจ้า นอกจากนี้ยังไม่มีหลักประกันให้กับสังคมไทยว่าจะรอดพ้นจากการคุกคามของเครือข่ายดังกล่าว แต่นายกฯ กลับมาชิงเสนอโรดแมปประเทศไทยซึ่งเป็นการก้าวข้ามขั้นตอน และอาจจะเสียโอกาสที่จะได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มประชาชนที่สนับสนุนรัฐบาล ในการจัดการกับกลุ่มก่อการร้ายและขบวนการล้มเจ้าก่อนไปปฏิรูปประเทศไทย

“ที่สำคัญ กลุ่มก่อการร้าย และขบวนการล้มเจ้า จะยังไม่เลิกเคลื่อนไหวแน่นอน และจะได้โอกาสปรับตัวเพื่อเคลื่อนไหวต่อไป เวทีปรองดองก็จะกลายเป็นเวทีของกลุ่มการเมืองที่นำเอาประเด็นที่เป็น ประโยชน์ส่วนตนเข้ามาเสนอ เช่น การนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลุ่มก่อการร้าย ขบวนการล้มเจ้า แกนนำ นปช.อดีต ส.ส.บ้านเลขที่ 111 การเสนอร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับ คปพร.นอกจากนี้ การประกาศวันเลือกตั้งล่วงหน้าไว้จะทำให้พรรคการเมืองหันไปสนใจและ เตรียมการเลือกตั้งมากกว่า ซึ่งจะทำให้อารมณ์ของประชาชนและบรรดาข้าราชการประจำไปจดจ่ออยู่กับผลการ เลือกตั้งและรัฐบาลชุดใหม่ ทำให้แผนปรองดองถูกลดความสำคัญลงในที่สุด และหากหลังเลือกตั้งได้รัฐบาลนอมินิทักษิณหรือรัฐบาลที่ไม่เอาไหน แผนปรองดองก็จะเป็นเพียงของเล่นนักการเมืองเท่านั้น” นายสุริยะใสกล่าว

 

โรดแมปผิดที่ผิดเวลา ยากประสบความสำเร็จ แย้ม พธม.จะประชุม 6 พ.ค.

ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า ฉะนั้น แม้แนวคิดโรดแมปของนายกฯ จะเป็นแนวคิดที่ดีหลายฝ่ายเห็นด้วยก็ตาม แต่มาเสนอผิดที่ผิดทาง ผิดจังหวะและเวลา ก็อาจเป็นเรื่องยากที่จะประสบความสำเร็จได้ ผมไม่เคยปฏิเสธแนวทางปรองดองและสมานฉันท์แต่ถ้าสังคมยังไม่สามารถแยกแยะถูก ผิดได้ กระบวนการปรองดองแห่งชาติก็จะไม่บรรลุจุดมุ่งหมาย จะเป็นเพียงการหาทางลงหรือทางออกให้กับแกนนำม็อบและรัฐบาลอภิสิทธ์เท่านั้น ซึ่งไม่ใช่ทางออกของสังคมไทย ส่วนท่าทีและจุดยืนของพันธมิตรฯ นั้น แกนนำทั้ง 2 รุ่นจะประชุมกันในวันพฤหัสบดีที่ 6 พฤษภาคมนี้ ที่บ้านพระอาทิตย์ โดยจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเวลา 12.00 น.

 

ลูก 'สนธิ ลิ้ม' ติงโรคแมปมาร์คมีเบื้องหลัง เจรจากับทักษิณไว้ก่อนน่าจะจริงเพราะมีการออกมาขานรับ

ASTVผู้จัดการออนไลน์ ยังรายงานด้วยว่า นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอเอสทีวี-ผู้จัดการ บุตรชายนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ให้สัมภาษณ์นางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ทางรายการ “คนในข่าว”ออกอากาศทางเอเอสทีวี เมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา ถือการเสนอโรดแมปเพื่อสร้างความปรองดองของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีว่า รู้สึกว่ามีความผิดปกติบางอย่าง แม้จะเป็นการหาทางลงที่สวยหรู แต่มีเบื้องหลังอะไรหรือไม่ และใครจะได้ประโยชน์ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้เหนือความคาดหมาย เพราะโดยคาแรกเตอร์ของนายกฯ และผู้เกี่ยวข้องรวมถึงผู้คุมกำลังก็ดี สามารถคาดเดาได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เวลาแก้ปัญหาอะไรจะใช้การเมืองนำ ซึ่งไม่แปลกที่ออกมาเช่นนี้

นายจิตตนาถ กล่าวต่อว่า มีคนรู้จักหลายคนโทรศัพท์มาบอกว่าทำแบบนี้เพื่ออะไร เหมือนเตะฟุตบอลจะชนะอยู่แล้ว อยู่ๆ มาล้มบอล คนจะตั้งคำถามว่าทำไปเพื่ออะไร ภาคธุรกิจบางคนอาจมอบว่าดี หุ้นจะได้ขึ้น ปัญหาที่ราชประสงค์จะได้จบ แต่มันจะจบจริงหรือไม่ ข่าวที่ว่ามีการส่งคนไปเจรจากับคนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรก่อนก็น่าจะเป็นความจริง เพราะฝ่ายนั้นรีบออกมารับกันเป็นแถว ทั้งที่เรื่องแบบนี้ต้องประชุมกันหลายๆ ฝ่ายก่อน

 

เข้าใจว่าอภิสิทธิ์เป็นนักการเมืองเห็นแก่พรรคการเมืองตัวเองเป็นหลัก ประชาชนเป็นรอง

ส่วนจะถือว่า เป็นการหักหลังประชาชนที่สนับสนุนให้ไม่ยุบสภาหรือไม่นั้น นายจิตตนาถ กล่าวว่า ต้องเข้าใจว่านายกฯ เป็นนักการเมือง ต้องแก้ปัญหาแบบการเมือง คือเห็นแก่พรรคและเกมการเมืองของตัวเองเป็นหลัก ส่วนประชาขนนั้นเป็นรอง

นายจิตตนาถกล่าวต่อว่า การที่ นปช.ตอบรับโรดแมปน่าจะเป็นปาหี่ โดยอ้างว่าไม่ต้องการให้เกิดการสูญเสียชีวิตอีก แต่ย้อนกลับไปว่า 1.ใครทำให้เสียชีวิต ใครเป็นคนฆ่า นปช.ด้วยกันเอง หรือทหาร ซึ่งเป็นกองกำลังไม่ทราบฝ่ายมาจาก นปช. 2.นปช.พูดเหมือนกับว่า ถ้าไม่ยอมรับในหลักการนี้รัฐบาลจะสลายการชุมนุมแน่นอน แต่จับโกหกได้ว่า ก่อน นปช.จะแถลงนั้น นายกฯ บอกว่าถ้า นปช.ไมรับข้อเสนอ ก็จะดำเนินการตามโรดแมปต่อไป แสดงว่าถึงแม้ นปช.จะไม่รับ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

นายจิตตนาถระบุว่า การเสนอโรดแมป นายกฯ จะได้ประโยชน์ เพราะเป็นคนมีต้นทุนสูง ไม่อยากได้ชื่อว่ามือเปื้อนเลือด เพราะได้ข้อมูลจากข่าวกรองว่า ถ้าสลายการชุมนุมอาจจะมีการนองเลือด นายกฯ จึงเลือกใช้วิธีการทางการเมือง ถ้าฝ่ายผู้ชุมนุมรับข้อเสนอ ก็ได้ชื่อว่า สลายการชุมนุมเพราะฝีมือนายกฯ และเข้าทาง ผบ.ทบ.และรัฐมนตรีกลาโหม เพราะตัวเองก็ไม่อยากลงมือ อยากจะรอวันเกษียณแบบสลายๆ อยู่แล้ว และอาจร่วมมือกับพรรคเพื่อไทยหรือรัฐบาลผสมที่มีคนคิดขึ้นในอนาคตได้อีก

 

การนิรโทษกรรมได้ประโยชน์ทุกฝ่าย ประชาชนไม่ได้อะไร

ในส่วนของแกนนำเสื้อแดงไม่มีเหตุที่จะไม่รับ เพราะมีทางลงให้แล้ว แม้ว่าอาจไม่ได้รับประโยชน์ในการนิรโทษกรรม แต่คดีการเมือง ก็มีการนิรโทษได้ ดังนั้นแกนนำอย่างนายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ อาจไม่โดนอะไร แต่แกนนำฮาร์ดคอร์ เช่นนายอริสมันต์ แรมโบ้อีสาน หรือนายพายัพ อาจโดน ซึ่งแกนนำต้องการเขี่ยสายฮาร์ดคอร์ออกจากวงโคจรอยู่แล้ว

ขณะที่การนิรโทษกรรมทางการเมืองไม่ได้จบแค่แกนนำเสื้อแดง แต่อาจไปถึงคดีการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ในอนาคต แม้แต่กลุ่มบ้านเลขที่ 111 อาจมีการเจรจาในระดับนี้ มันมีนัย และสมประโยชน์กันทุกฝ่าย คนที่ได้ประโยชน์จากกรณีนี้คือกลุ่มอำนาจทางการเมืองและนักการเมือง ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร

 

กังขา นปช.จะตั้งรัฐไทยใหม่ ก่อการร้าย ล้มสถาบัน ทำไมนายกฯ ต้องไปคุย

นายจิตตนาถกล่าวว่า การเจรจาหรือการทำโรดแมปเป้นแนวทางที่ดีตราบใดที่มีการชุมนุมอย่างสันยติ อหิงสา แต่คำถามคือว่า ความเคลื่อนไหวของ นปช.เลยจุดที่อหิงสา-สันติวิธีหรือยัง มันมีการก่อการร้าย มีความรุนแรงมาจากใคร แม้แต่ ผบ.ทบ.ยังบอกว่าประเมินกลุ่ม นปช.ติดอาวุธต่ำไป แม้แต่ศาลก็ยืนยันว่าแกนนำ นปช.หลายคนเป็นกบฏ จึงอนุมัติหมายจับ ไม่ว่าจะเป็นกรณีการปิดด่าน ปิดโรงพยาบาล เป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองเพื่อสถาปนารัฐไทยใหม่ ล้มสถาบันกษัตริย์ เข้าขั้นผู้ก่อการร้าย ทำไมนายกต้องไปคุยกับคนเหล่านี้ เพราะจุดของการเจรจามันเลยมาเรียบร้อยแล้ว ประโยคที่นายกฯ เคยพูดว่า จะไม่ให้ใครมาข่มขู่เรื่องเวลาการยุบสภาไปไหน นายกฯ กลืนนำลายตัวเองไปแล้ว

ส่วนประชาชนได้อะไรจากโรดแมปนี้ นายจิตตนาถกล่าวว่า ต้องแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มหลากสีที่ออกมาให้กำลังใจนายกฯ ไม่ยอมโดน นปช.กดดันให้ยุบสภา และออกมาเพื่อพิทักษ์สถาบัน แต่การที่นายกฯ เดินตามโรดแมป ยอมยุบสภา จะตอบคำถามคนเสื้อหลากสีอย่างไร พวกเขาเป็นที่พึ่งของนายกฯ ยามที่กลุ่มอำนาจใหม่หรือทหารลอยแพ แต่กลับไปหักหลังประชาชนกลุ่มนี

ส่วนกลุ่มที่ 2 คือ ประชาชนคนเสื้อแดง ในส่วนที่รักสันติที่มาเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาความยากจน ที่ดินทำกิน เรื่อง 2 มาตรฐาน แต่การยุบสภาจะแก้ปัญหาเรื่องปากท้อง ที่ดินทำกิน หรือเรื่อง 2 มาตรฐานหรือไม่ ดังนั้นการยุบสภา จึงแก้ปัญหาทางการเมืองอย่างเดียว ประชาชนไม่ได้อะไร คนที่ได้คือไม่กี่คนที่คุยกัน

 

เสนอสลายแนวคิดรัฐไทยใหม่ ขบวนการล้มเจ้า ก่อนประกาศเลือกตั้ง

นายจิตตนาถ เสนอว่า แทนที่นายกฯ จะประกาศว่า 14 พ.ย.คือเลือกตั้ง น่าจะเอาเรื่องหลักๆ มาตั้งธงว่า เรื่องเหล่านี้ควรได้รับการแก้ไขภายในวันดังกล่าว เช่น วันที่ 14 พ.ย. ขบวนล้มเจ้าต้องโดนสืบพยานส่งฟ้องศาล เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม วันที่ 14 พ.ย.ต้องสลายแนวคิดรัฐไทยใหม่ หรือ เรื่องปากท้องของพี่น้องที่มาชุมนุมต้องได้รับการแก้ไข ภายในวันดังกล่าว ซึ่งถ้าวันที่ 14 พ.ย.สามารถทำตามโรดแมปสำเร็จ แล้วค่อยกำหนดวันยุบสภาก็ได้ แต่เมื่อนายกฯ ทำอย่างนี้ก็ไม่ต่างจากรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ ที่กำหนดวันเลือกตั้งทั้งที่ตัวเองไม่ได้เปรียบ

นอกจากนี้ การที่นายกฯ บอกว่า จะทำให้เกิดนิติรัฐขึ้นให้ได้ แต่ถ้าข้าราชการไม่สนใจประโยชน์ของบ้านเมือง เขาเห้นว่าอำนาจนายกฯ อยู่แค่เดือนตุลาฯ เมื่อเลือกตั้งเสร็จ พรรคฝั่งตรงข้ามก็จะได้รับเลือกตั้งเข้ามาอย่างท่วมท้น ข้าราชการเหล่านี้ก็จะปล่อยเกียร์ว่าง แม้กระทั่งยังไม่ประกาศวันยุบสภา ตำรวจยังเป็นมะเขือเทศ แต่นี่คือการแก้ปัญหาทางการเมืองเท่านั้น ตอนนี้ ไม่ประชาชขนไม่ได้ทิ้งนายก แต่นายกฯ ทิ้งประชาชนไปเอง

 

ไม่ได้เสนอให้ใช้วิธีนองเลือด แต่สามารถจำกัดพื้นที่ชุมนุม และจับกุมแกนนำได้

ส่วนความกังวลที่ว่าถ้าไม่ทำแบบนี้ บ้านเมืองจะนองเลือด นายจิตตนาถ กล่าวว่า ตนไม่ได้เสนอให้สลายการชุมนุมที่ราชประสงค์ และไม่จำเป็นต้องสลาย แค่จำกัดเขต คนในออกได้ คนนอกเข้าไม่ได้ และอย่าให้ขยายไป พื้นที่อื่น รวมทั้งต้องหาทางจับกุมแกนนำ และบังคับใช้กฎหมายอย่างแท้จริงก็พอแล้ว แต่จนบัดนี้ยังไม่มีการตั้งข้อหาพวกที่บุกรพ.จุฬาฯ เลย ทั้งที่มีหลักฐานกล้องวงจรปิด และมีพยานพร้อมให้ปากคำมากมาย และจำนวนผู้ชุมนุมก็ไม่มากแล้ว เมื่อคนทั่วไปทนพฤติกรรมการบุก รพ.จุฬาฯ ไม่ได้

นายจิตตนาถยังได้ตำหนิศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ที่ตั้งขึ้นมาแล้วไม่ได้ทำอะไร แทนที่จะใช้อำนาจที่มีอยู่จับกุมแกนนำ แต่กลับรอเป็นเดือน ถ้าเป็นอย่างนี้ไม่ต้องตั้งก็ได้ เพราะใช้กระบวนการปกติได้อยู่แล้ว แต่เมื่อตั้งขึ้นมา ก็ยังไปเจรจากับคนที่เป้นผู้ก่อการร้าย ในเมื่อนายกฯ มีอำนาจพิเศษในมืออยู่ถึง 2 เดือนแล้วไม่ทำอะไร อำนาจปกติที่เหลืออีก 5 เดือน ข้าราชการจะเชื่อฟังหรือ และจากนี้ไปนายกฯ ไม่มีโอกาสที่จะแสดงความเข้มแข็งอีกแล้ว เพราะคดีต่างๆ ก็โยให้คนอื่นหมดแล้ว

 

หากเพื่อไทยประชาธิปัตย์จับมือตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง จะเป็นซุปเปอร์หายนะ

นายจิตตนาถกล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่า หลังการเลือกตั้งพรรคที่ได้คะแนนอันดับ 1 และ 2 ซึ่งก็คือเพื่อไทยและประชาธิปัตย์จะจับมือกันตั้งรัฐบาล โดยมีข้อแม้ว่านายจาตุรนต์ ฉายแสง ต้องเป็นนายกฯ ว่า หากเป็นเรื่องจริงก็จะเป็นหายนะของประเทศ ตอนพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลก็หายนะมาแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ก็เห็นๆ กันอยู่ ถ้า 2 พรรครวมกันก็เป็นซุปเปอร์หายนะ ที่จริงถ้าตนเป็นพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่ร่วมกับพรรคเพื่อไทย แต่จะเสนอยุบพรรคเพื่อไทย เพราะแนวคิดการตั้งรัฐไทยใหม่และล้มสถาบัน จากการที่คนของพรรคเพื่อไทยไปพูดบนเวทีคนเสื้อแดงหลายคน เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องกลัวพรรคเพื่อไทย

 

เชื่อมาร์คจะเล่นงานพันธมิตรฯ ด้วยเพื่อแก้ปัญหาสองมาตรฐาน ดังนั้นน่าจะเรียก "เรดแมป" ไปสู่รัฐไทยใหม่

นายจิตนาถกล่าวต่อว่า หลังจากนี้รัฐบาลจะหาทางเล่นงานคนเสื้อเหลือง หรือ พันธมิตรฯ ด้วย โดยอ้างว่าเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา 2 มาตรฐาน ประชาชนที่สนับสนุนนายอภิสิทธิ์ก็จะเป็นผู้ร้าย เพราะเขาไม่อยากให้มีมวลชนที่ตัวเองคุมไม่ได้ ตอนนี้นายกฯ จะไม่มีประชาขนของตัวเองที่สันบสนุน อาจมีแม่ยกฯ หรือพวก ปชป.จ๋าแค่กลุ่มเดียว

โรดแมปนี้ขอใช้คำว่า “เรดแมป” ไปสู่รัฐไทยใหม่ คนทีแฮปปี้อีกกลุ่ม คือนายเนววิน จะมีการใช้งบประมาณอย่างสนุกสนาน และอ้างความมั่นคงในการย้ายข้าราชการในสังกัด นิติรัฐในมุมมองของนายกฯ จึงเป็นนิติรัฐในมุมมองที่ทำให้ตนเองไม่โดนตดีความแค่นั้น แต่ไม่ได้มีการบังคับใช้กฎหมายแม้แต่นิดเดียว

 

ที่มา: เรียบเรียงจาก ASTVผู้จัดการออนไลน์ [1] [2] [3]

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net