Skip to main content
sharethis

‘ณัฐวุฒิ’ แถลงระบุแกนนำยอมรับเลือกตั้ง 14 พ.ย.พร้อมเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ ‘มาร์ค-สุเทพ’ ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมด้วย ชี้ยุติการชุมนุมในวันที่ ‘สุเทพ’ มอบตัว ตร.คดีสั่งฆ่าประชาชน ด้าน ‘ปณิธาน’ เผย ‘สุเทพ’ เตรียมเข้าพบ ‘ดีเอสไอ’ รับข้อกล่าวหา 11พ.ค.นี้ แกนนำแดงจวกเล่นเกมการเมือง ทำตัวไม่สง่างาม

เสื้อแดงลั่นยุติชุมนุมทันทีถ้า ‘สุเทพ’ มอบตัวตำรวจเหตุสั่งสลายม็อบ 10 เม.ย.
วันที่ 10 พ.ค.53 เมื่อเวลาประมาณ 18.40 น.ที่เวทีแยกราชประสงค์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อาทิ นายจตุพร พรหมพันธ์ุ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ นายวิภูแถลง พัฒนาภูมิไทย ฯลฯ ร่วมกันแถลงข่าวบนเวทีถึงท่าที่และการดำเนินการต่อไปของกลุ่มผู้ชุมนุมต่อโรดแมพสร้างความปรองดองของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

นายณัฐวุฒิ ในฐานะเลขาธิการ นปช.กล่าวว่า มติอย่างเป็นเอกฉันท์ นปช. ขอประกาศยอมรับการกำหนดวันเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ย.2553 ตามที่นายอภิสิทธิ์เสนอ และยินดีตอบรับการยุบสภาระหว่างวันที่ 15-30 ก.ย.โดยไม่มีเงื่อนไข ทั้งนี้เพื่อไม่ให้มีการบาดเจ็บล้มตายเกิดขึ้นอีก แต่ประเด็นการต่อสู้เรื่องระบบความยุติธรรมที่มี 2 มาตรฐานของ นปช.ทำให้ไม่อาจยอมรับความยุติธรรม 2 มาตรฐานของรัฐในทุกกรณี นั่นหมายความว่า การดำเนินคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นท่ามกลางการต่อสู้ ยืนยันว่าไม่ประสงค์การนิรโทษกรรมใดๆ และยินดีต่อสู้ตามสิทธิของประชาชนตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยรัฐบาลต้องปฏิบัติตามกระบวนการยุติธรรมในมาตรฐานเดียวกัน

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อถึงกรณีการกล่าวหาว่าแกนนำเป็นผู้ก่อการร้ายว่า ที่มาของข้อหาดังกล่าวเกิดจากเหตุการณ์การสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เม.ย.แกนนำเสื้อแดงถูกกล่าวหาภายใต้วาทะกรรมของรัฐ จากนั้นได้ถูกออกหมายจับโดยดีเอสไอ ขณะที่นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ยังไม่ปรากฏว่ามีความคืบหน้าในการดำเนินคดีกรณีสั่งฆ่าประชาชน ทั้งที่ได้ทำการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้วหลายกรรม หลายคดี

นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า เมื่อแกนนำตอบรับการปรองดองแล้ว นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพก็ต้องเดินหน้าสู่กระบวนการยุติกรรมจากเหตุการณ์ 10 เม.ย. และทางแกนนำยินดีจะเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในข้อหาก่อการร้าย แม้โทษสูงสุดจะถึงขั้นประหารชีวิต ซึ่งในส่วนนี้ทั้งนายสุเทพและนายอภิสิทธิ์ก็ต้องยินดีจะรับโทษสูงสุดโดยการประหารชีวิตเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ในฐาน ส.ส.เนื่องจากอยู่ระหว่างสมัยประชุมสภา จึงมีเอกสิทธิคุ้มครองเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ในส่วนนายสุเทพนั้นได้ลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.แล้ว (จ.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์) จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการออกหมายเรียกในฐานะผู้ต้องหาสั่งฆ่าประชาชน และเรียกร้องให้นายสุเทพเดินทางไปม็อบตัวตามหมายเรียกของเจ้าหน้าที่

เลขาธิการ นปช.กล่าวต่อมาว่า จากเหตุการณ์ในอดีต ทั้งเหตุการณ์เดือนตุลาฯ หรือพฤษภาทมิฬ ผู้มีอำนาจที่กระทำผิดนั้นไม่ได้รับโทษ มีการนิรโทษกรรม งดเว้นโทษให้ แต่กรณีวันที่ 10, 22, 28 เม.ย.จะต้องมีผู้มีอำนาจได้รับโทษตามกฎหมาย นี่ถือเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่มีการดำเนินคดีกับผู้ที่สั่งการให้ฆ่าประชาชน เพื่อเป็นเครื่องเยียวยาให้กับวีรชนที่จากไปทุกชีวิต

“หากนายสุเทพ เดินทางไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อมอบตัวเมื่อไหร่ คนเสื้อแดงก็จะเดินทางกลับบ้านเมื่อนั้น หรือหากนายสุเทพ ทำตัวยิ่งใหญ่ปฏิเสธการมอบตัว เราก็จะไม่ยุติการชุมนุม แต่ถ้านายสุเทพ มอบตัวในข้อหาสั่งฆ่าประชาชนเมื่อไรเราก็จะกลับบ้านวันนั้น และทางแกนนำที่โดนข้อหาต่างๆ ก็พร้อมจะเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเช่นกัน” แกนนำ นปช.กล่าว

ต่อคำถามถึงการยุติการชุมนุม นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า วันที่จะประกาศวันยุติการชุมนุม เดินหน้าสู่การปองดอง คือวันเดียวกับที่นายสุเทพเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น ทั้งนี้ นปช.พร้อมยุติการชุมนุม เดินหน้าสู่การเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ย.แต่สถานีโทรทัศน์พีเพิลชาแนลต้องสามารถออกอากาศได้ เพื่อแสดงความจริงใจของรัฐบาลในเรื่องสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน และหลังจากนี้หากจะมีการตั้งคณะกรรมการกำกับเนื้อหา-รูปแบบรายการเพื่อไม่ให้เกิดการยั่วยุปลุกระดม ป้องกันอุบัติเหตุทางการเมืองก่อนการเลือกตั้ง พีเพิลชาแนลพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการดังกล่าวพร้อมเอเอสทีวี และหากจะต้องทำอะไรก็ยินดีทำเช่นเดียวกับเอเอสทีวี

นอกจากนี้ นายณัฐวุฒิยังกล่าวถึงเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉินด้วยว่า ถ้า รัฐบาลยังคงประกาศใช้ พ.ร.ก.เพื่อกดขี่ข่มเหงคนเสื้อแดงอยู่ต่อไป หลังยุติการชุมนุมแล้วก็ถือเป็นภาระหน้าที่ความรับผิดชอบของรัฐบาล ต่อประชาชน ภาคธุรกิจและนักลงทุน ทั้งนี้ยิ่งคงประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้นาน ยิ่งจะทำให้ประชาชนกดดันรัฐบาล หลังจากนี้ นปช.จะมีแนวทางปรองดอง ขึ้นมา เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการชุดที่จะตั้งขึ้นเพื่อสร้างความปรองดอง สร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติ นำพาประเทศไทยตามแนวทางประชาธิปไตยต่อไป และยืนยันว่าจะต้องการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงต่อเหตุการณ์รุนแรงทุกครั้งในการชุมนุมนี้ ที่ยอมรับได้ ทั้งนี้ การตัดสินใจยุบสภาและกำหนดวันเลือกตั้งของรัฐบาล จะไม่ถือว่าเป็นชัยชนะของคนเสื้อแดง และการยุติการชุมนุมของคนเสื้อแดง รัฐบาลก็ไม่ควรนำเอาไปชัยชนะเช่นเดียวกัน

“นปช.ขอน้อมคารวะ กราบขออภัย และขอความเห็นใจว่า ถ้าหากไม่ถูกกดขี่จนเกินทน ถ้าหากไม่ไร้ความยุติธรรมจนรับไม่ได้ ถ้าหากบ้านเมืองนี้เป็นประชาธิปไตย เราก็ไม่ออกมาต่อสู้ การต่อสู้นี้ หากได้รับความสำเร็จ ก็จะเป็นความสำเร็จร่วมกันของ ปชช.ทั้ง ปท.และขอมอบความสำเร็จนี้เป็นการคารวะแด่พี่น้องประชาชนทั้งประเทศเช่นเดียวกัน” นายณัฐวุฒิกล่าวถึงประชาชนเจ้าของธุรกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐในตอนท้าย

 

ด้านนายจตุพรกล่าวว่า นายอภิสิทธิ์จะต้องถูกดำเนินคดีข้อหาฆ่าคนตาย 21 คดี และข้อหาพยายามฆ่าร่วม 1,000 กว่าคดี คดีที่มีโทษจำคุกเกินกว่า 3 ปีตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญาเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ต้องออกหมายเรียก แต่สามารถขออนุมัติศาลเพื่อออกหมายจับได้ทันที ถ้านายสุเทพผู้ต้องหาคดีฆ่าคนตายไปมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถ้าตำรวจไม่ให้การประกันตัว ขังนายสุเทพ ก็ไม่ต้องให้ประกันตัวกับแกนนำเช่นเดียวกัน

"วันที่ 21 พ.ค. อีกไม่กี่วันข้างหน้า สภาปิดสมัยประชุม นายอภิสิทธิ์ก็นัดหมายกับผมเลยว่า นายอภิสิทธิ์จะไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ข้อหาสั่งฆ่าประชาชนวันไหน ผมก็จะไปมอบตัวคดีก่อการร้ายในวันนั้น ถ้าไม่ให้ประกันตัวนายอภิสิทธิ ก็ไม่ต้องให้ประกันตัวกับผม เท่าเทียมกัน" แกนนำ นปช.กล่าว

 

โฆษกสำนักนายกฯ เผย ‘สุเทพ’ ยอมรับข้อกล่าวหา สั่งสลายเสื้อแดง
ผู้สื่อข่าวไทยรัฐ รายงานว่า เมื่อเวลา 18.30 น. วันเดียวกัน ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุมศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ว่า ประเด็นการดำเนินคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยที่ประชุมรับทราบถึงการกล่าวหานายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีได้ปรึกษาหารือกันแล้ว

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า รองนายกรัฐมนตรีตัดสินใจที่จะไปพบนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในช่วงบ่ายของวันที่ 11 พ.ค.นี้ ตามคำร้องทุกข์กล่าวโทษ ส่วนกรณีนายกรัฐมนตรีนั้น จะต้องผ่านขั้นตอนทางรัฐสภาก่อน ทั้งนี้การตัดสินใจเป็นไปตามแนวทางของนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี ก่อนที่ นปช.จะแถลงเรียกร้องให้นายสุเทพเข้ามอบตัว

 

‘นายธาริต’ ชี้ ‘สุเทพ’ รายงานตัว ปล่อยได้ไม่ต้องมีประกัน
คมชัดลึก รายงาน ด้านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงกรณี นายสุเทพจะเข้ามอบตัวกับดีเอสไอว่า ได้รับการประสานว่า นายสุเทพจะเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาในช่วงเช้า เวลา 08.30 น. ซึ่งเจ้าหน้าที่จะแจ้งข้อกล่าวหา จากนั้นเจ้าหน้าที่จะบันทึกถ้อยคำของนายสุเทพ เบื้องต้น ก่อนปล่อยตัวไป สาเหตุที่ไม่ต้องมีการประกันตัว เนื่องจากนายสุเทพไม่ได้ถูกควบคุมตนคิดว่าเป็นสิ่งที่น่ายินดี เพราะทุกอย่างจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ส่วนกรณี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไม่วางใจดีเอสไอ เพราะนายธาริต เป็นกรรมการ ศอฉ.นายธาริต กล่าวว่า ถ้าไม่มอบตัวกับดีเอสไอแล้วจะไปมอบกับใคร เพราะเรื่องถูกโอนมายังดีเอสไอหมดแล้ว

นายธาริต กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีของนายกรัฐมนตรี ยังไม่ได้รับการประสาน แต่ตามกฎหมายต้องมีหนังสือจากสภาผู้แทนราษฎร เพราะอยู่ระหว่างสมัยประชุมสภา ทั้งนี้หากนายรัฐมนตรีเดินทางมา ดีเอสไอก็พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา

 

 

‘ณัฐวุฒิ’ ชี้ ‘สุเทพ’ รายงานตัวดีเอสไอ เป็นการเล่นเกมการเมือง ไม่มีความสง่างาม
ขณะที่ข่าวสดรายงานว่า นายณัฐวุฒิ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังนายปณิธานระบุ นายสุเทพจะไปรับทราบข้อกล่าวหาต่อดีเอสไอ วันที่ 11 พ.ค.ว่า การอ้างว่าจะเข้ารับทราบข้อกล่าวหาของนายสุเทพ ต่อดีเอสไอไม่มีความสง่างาม เพราะนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เป็น 1 ในกรรมการ ศอฉ.ย่อมแสดงให้เห็นถึงการมีผลประโยชน์ทับซ้อน หากคดีนี้ดำเนินต่อไป นายธาริต ในฐานะ 1 ในกรรมการ ศอฉ.ก็ต้องถูกดำเนินคดีด้วย จึงขอเรียกร้องว่าขอให้ดำเนินการอย่างสง่างามมีมาตรฐานเท่ากัน เพราะคดีสั่งฆ่าประชาชนนี้มีการไปร้องเรียนที่ดีเอสไอและตำรวจหลายคดี แต่ก็ดองเรื่องเอาไว้ จนเมื่อ นปช. แถลงมติในเรื่องนี้ นายสุเทพกลับเอามาใช้เป็นเกมการเมืองเพื่อผลประโยชน์

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าขอเรียกร้องให้กระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีคนไปแจ้งความดำเนินคดีแล้ว ให้ลงมาทำคดีนี้ด้วยการออกหมายเรียกให้นายสุเทพมารายงานตัวและรับทราบข้อกล่าวหา

“ขอเพียงนายสุเทพประกาศจะไป นปช.ก็พร้อมจะยุติการชุมนุมทันทีเช่นกัน เรื่องแค่นี้อย่ามาตีกินหรือค้ากำไรเกินควรเลย เพราะเรายังมีเรื่องใหญ่ที่ต้องทำมากกว่านี้อีก” นายณัฐวุฒิกล่าว

 

นปช.พร้อมยุติการชุมนุม-แกนนำมอบตัวทันที
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า หากนายสุเทพไปรับทราบข้อกล่าวหากับตำรวจ ทางกลุ่มคนเสื้อแดงยืนยันว่าจะยกเลิกการชุมนุม แต่หากมีการบิดพลิ้ว คนเสื้อแดงจะกลับมา ซึ่งแผนการสร้างความปรองดองนั้น ทาง นปช.ยืนยันว่ามีการดำเนินการมากกว่าแนวทางที่รัฐบาลเสนอมา

ส่วนกำหนดการเดิมที่แกนนำจะเดินทางไปมอบตัวในวันที่ 15 พ.ค.นี้ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ถ้าเรื่องทั้งหมดจบก่อนวันที่ 15 พ.ค. หมายถึงนายสุเทพ มอบตัวก่อนนั้น ก็พร้อมจะยุติการชุมนุม แล้วไปมอบตัวทันที ถ้าเรียบร้อยในวันที่ 12 พ.ค.หรือ 13 พ.ค.ก็ไปวันนั้นเลย แต่หากยังไม่เรียบร้อยก็จะไม่ไปมอบตัวและไม่ยุติการชุมนุม แม้จะถึงวันนัดในวันที่ 15 พ.ค.ก็ตาม

เมื่อถามว่าเหตุใดในการแถลงจุดยืน ของนปช. จึงไม่มีนายวีระ เข้าร่วม และยังมีกระแสข่าวว่านายวีระ เดินทางออกจากที่ชุมนุมเพื่อไปเจรจากับคนบางกลุ่ม นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ไม่มีการไปเจรจาอะไร เพียงแต่นายวีระ อาจอ่อนเพลีย เนื่องจากชุมนุมกันมาเกือบ 2 เดือนแล้ว และอาจมีธุระอะไรบ้าง แต่ช่วงค่ำๆ ก็จะมาที่เวที

 

‘จตุพร’ จวก ‘สุเทพเทือก’ หลอกต้มคนเสื้อแดงทั่วประเทศ
มติชนออนไลน์ ระบุเมื่อ เวลา 22.00 น. วันเดียวกัน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ปราศรัยว่า กรณีนายสุเทพจะไปพบอธิบดีดีเอสไอวันที่ 11 พฤษภาคม ถือเป็นการหลอกต้มคนเสื้อแดงทั่วประเทศ เนื่องจากคดีสั่งฆ่าประชาชนนั้นยังไม่มีการรับเป็นคดีพิเศษ การไปของนายสุเทพจึงเป็นการไปนั่งกินกาแฟกับนายธาริตมากกว่า นายสุเทพต้องไปมอบตัวต่อตำรวจกองปราบปรามสถานเดียว

 

กร้าวไม่เลิกม็อบเด็ดขาด ถ้าไม่ดำเนินคดี ‘มาร์ค-สุเทพ’ สั่งสลายม็อบ
ก่อนหน้านี้ เวลา 15.30 น. ที่บริเวณด้านหลังเวทีชุมนุม ระหว่างที่แกนนำ นปช.ประชุมเพื่อหาข้อสรุป นายจตุพร ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ว่าผลการประชุมของแกนนำจะออกมาอย่างไร แผนปรองดองจะมีหน้าตาเป็นเช่นไร แต่โดยส่วนตัวมีความเห็นชัดแจนว่า หากวันนี้ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ไม่ถูกดำเนินคดีในข้อหาฆ่าคนตาย 21 คดี เท่ากับจำนวนผู้ชุมนุมตายเมื่อวันที่ 10 เม.ย.และข้อหาพยายามฆ่าอีก 1 พันกว่าคดี เท่ากับจำนวนผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บ ตนยืนยันว่าจะต่อสู้ต่อไป การชุมนุมจะไม่ยุติ และตนจะไม่เดินออกไปจากเวทีชุมนุมอย่างแน่นอน เพราะถือว่าไม่รับผิดชอบ เพราะมองว่าเรื่องนี้มีความสำคัญมาก

“ขณะนี้รัฐบาลพยายามพูดเรื่องการปรองดอง และมีการระบุถึงวันเลือกตั้งใหม่ แต่ตนมองว่า เป็นเพียงการพูดเพื่อให้ภาพสวยงาม แต่ในทางตรงกันข้าม มีความพยายามที่จะกดดันผู้ชุมนุมเสื้อแดงอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นการเอาตัวผู้ชุมนุมไปสอบสวนโดยใช้วิธีการป่าเถื่อน เช่น เอาไฟฟ้าชอร์ต ซ้อม จับกดน้ำ และล่าสุดเมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา มีการออกหมายจับแกนนำที่ต่างจังหวัด ในขณะที่แกนนำในส่วนกลางก็ถูกตั้งข้อหาคดีก่อการร้าย ล้มเจ้า แต่ในส่วนเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย.ที่มีการสั่งสลายการชุมนุม กลับไม่เคยมีใครพูดถึงความรับผิดชอบส่วนนี้” นายจตุพรกล่าว
 
“ผมยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่จบแน่นอน ใครจะจบก็จบไป แต่ถ้านายสุเทพและนายอภิสิทธิ์ไม่ถูกดำเนินคดี ผมจะสู้ต่อไปแน่นอน ซึ่งนอกเหนือจากนายสุเทพและนายอภิสิทธิ์แล้ว ในส่วนของนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขานายกรัฐมนตรี และนายธาริต เพ็งดิษ์ ผู้อำนวยการดีเอสไอ ก็ต้องถูกดำเนินคดีในฐานะผู้มีส่วนร่วมด้วย โดยเฉพาะนายกอร์ปศักดิ์ ที่ระบุว่า สามารถสั่งให้ทหารหยุดยิงได้ภายใน 5 วินาที หมายความว่า สามารถสั่งให้ทหารใช้กำลังได้เช่นกัน” นายจตุพรกล่าว

 

 

บชน.-ดีเอสไอ วางแนวทางรับตัวแกนนำ นปช.สู้คดี
ส่วนกรุงเทพธุรกิจ พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับแนวทางการเตรียมความพร้อมหากกลุ่มแนวร่วม ประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ยุติการชุมนุม ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม และถ้าแกนนำนปช.เข้ามอบตัว จะต้องดำเนินการเช่นใดบ้าง เนื่องจากแต่ละคนมีคดีความแตกต่างกัน ทั้งคดีตามผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และความผิดตามคดีอาญาหลายข้อกล่าวหา ซึ่งบางคนต้องถูกแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 2 กรณี

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากผู้ต้องหาไม่เข้ามอบตัวจะทำอย่างไร พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า ตำรวจเคร่งครัดในการบังคับใช้กฎหมาย ที่ผ่านมาได้พยายามจับกุมหลายครั้ง แต่ผู้ต้องหาหลบหนีไปได้ ส่วนกรณีที่หากดำเนินการจับกุมตัวแล้วจะมีการให้ประกันตัวหรือไม่นั้น เป็นอำนาจของศาลในการพิจารณาและยังต้องขึ้นอยู่กับการประกาศยกเลิกพรก.ฉุก เฉินอีกด้วย ทั้งนี้หากแกนนำนปช.เข้ามอบตัวที่ไหน ตำรวจก็พร้อมรับมอบตัวทุกสถานที่ และจะนำตัวไปควบคุมยังสถานที่เตรียมไว้ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินทั้ง 6 แห่ง

นายธาริต กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยนำญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุสลายการชุมนุม 10 เม.ย. เข้าร้องเรียน พร้อมกล่าวโทษนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) รวมทั้งกรรมการศอฉ.ทุกคน เกี่ยวกับความไม่ชอบในการสั่งสลายการชุมนุมนั้น ยืนยันว่าจะมีดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา และเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน จะไม่มีการเก็บหรือดองเรื่องแม้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจะเป็นผู้บริหารระดับสูง

สำหรับคดีกล่าวโทษนายกฯ กับสถานีตำรวจต่างๆ นั้น สำนวนที่สอบปากคำผู้เสียหายเสร็จสิ้นแล้ว ตำรวจได้ส่งสำนวนคดีให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เนื่องจากเป็นความผิดเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ ตามมาตรา 157 ส่วนคดีที่ยังค้างอยูที่กองบังคับการตำรวจปราบปรามจะโอนมารวมที่ดีเอสไอทั้งหมด
 
ผู้สื่อข่าวถามถึงการควบคุมตัวนายเมธี อมรวุฒิกุล แนวร่วม นปช. นายธาริต กล่าวว่า ยังมีความจำเป็นต้องควบคุมตัวนายเมธีต่อไป เนื่องจากถือเป็นผู้ต้องหาที่มีอาวุธร้ายแรงอยู่ในการครอบครอง ตลอดจนมีประเด็นที่ต้องสอบสวนเพื่อขยายผลอีกหลายประเด็น

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากรัฐบาลยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะดำเนินการอย่างไรกับคดีก่อการร้าย นายธาริต กล่าวว่า หากมีการยกเลิกประกาศภาวะฉุกเฉินดีเอสไอก็ไม่สามารถจับกุมหรือแจ้งข้อหาก่อ การร้ายแก่ผู้ต้องหาทั้ง 9 คนได้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ศาลมีคำสั่งให้ดีเอสไออำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม เติมหลังการจับกุมตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net