Skip to main content
sharethis

ศอฉ. แถลงเดินหน้า “กระชับพื้นที่” ต่อไป อ้างผู้ชุมนุมโจมตีก่อนจึงรุนแรง บอกภาพที่สื่อเสนอออกไปเป็นความจริงเพียงครึ่งเดียว เตือนประชาชนอย่ารับสื่อบิดเบือน

14 พ.ค. 53 - นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงเวลา 20.30 น. ระบุจะดำเนินการ "กระชับพื้นที่" ต่อไป และทางที่ดีที่สุดคือ ขอให้ยุติการชุมนุมแล้วรัฐบาลจะดำเนินการแผนการปรองดอง 5 ข้อ ตามที่เคยเสนอ อ้างเหตุรุนแรงเพราะผู้ชุมนุมโจมตีเจ้าหน้าที่ก่อน 

โดยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตยกล่าวว่าการชุมนุมของผู้ชุมนุมนั้นดำเนินมากว่า 2 เดือนและเป็นการชุมนุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือคำสั่งของศาลแพ่ง และเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการสลายการชุมนุมได้ทันที แต่รัฐบาลได้พยายามเจรจา 2 ครั้ง แต่ท้ายที่สุดผู้ชุมนุมปฏิเสธ และต่อมานายกฯ ได้แเสนอแผนปรองดอง 5 ข้อ และผู้ชุมนุมโดยแกนนำได้ยอมรับในเบื้องต้น แต่ที่สุดมีการปฏิเสธแผนปรองดองซึ่งเป็นผลจากการแทรกแซงและสั่งการของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี การปฏิบัติของ ศอฉ.ที่ผ่านมานั้นพยายามคลี่คลายสถานการณ์โดยปฏิบัติตามหลักสากล และคำนึงถึงชีวิตของผู้ชุมนุม ซึ่งหากผู้ชุมนุมไม่มีการใช้อาวุธก็จะไม่มีการสูญเสีย แต่เมื่อผู้ชุมนุมมีอาวุธ โดยการสั่งการของแกนนำที่ใช้ความรุนแง จึงเกิดความสูญเสียและผลกระทบอย่างที่เห็น 

ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติการกระชับวงล้อม และสกัดกั้นไม่ให้มีการส่งกำลังสนับสนุนไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมที่มิชอบด้วยกฎหมายและเสี่ยงต่อความรุนแรง การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเข้าไปในพื้นที่ของผู้ชุมนุม แต่เหตุการณ์ปรากฏว่าผู้ชุมนุมมีอาวุธและใช้ความรุนแรงโจมตีเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการกระชับวงล้อม ทั้งโจมตีที่ด่าน และที่กำลังเคลื่อนที่ เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้อาวุธเพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่ ทางรัฐบาลยืนยันว่าจะดำเนินการกระชับพื้นที่ต่อไป แต่การปฏิบัติการนี้จะลดความสูญเสียได้ เพราะไม่มีใครอยากให้เกิดความรุนแรง และรัฐบาลก็เช่นกัน วิธีการที่ดีที่สุดคือยุติการชุมนุม และแผนปรองดองทั้ง 5 ข้อก็จะดำเนินการต่อไปอย่างที่ได้ประกาศไว้แล้ว ทั้งการปฏิรูปสื่อ หรือการสร้างความเป็นธรรมทางการเมือง 

รัฐบาลขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้มีการสั่งให้เจ้าหน้าที่เข้าไปปราบปรามหรือฆ่าประชาชนอย่างที่มีการบิดเบือนข่าวสารแต่อย่างใด แต่เป็นการดำเนินการให้เหตุการณ์สงบลงโดยเร็วให้ประชาชนได้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุข

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. กล่าวสรุปการปฏิบัติในช่วง 2 วันที่ผ่านมา (13-14 พ.ค.) ว่า เนื่องจากมีความพยายามของกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่จะบิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างภาพให้ประชาชนเห็นว่าทหารตำรวจปิดล้อมและใช้อาวุธสงครามยิงใส่ผู้ชุมนุม จำเป็นต้องทำความเข้าใน ดังนี้ 

1) ในวันที่ 13 พ.ค. ศอฉ.สั่งการให้ทหารตำรวจกระชับวงล้อมบริเวณที่ชุมนุมแยกราชประสงค์ทั้ง 4 ด้าน เป็นรูปสี่เหลี่ยม เพื่อกดดันกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ให้เพิ่มเติมกำลังคน ตัดการส่งกำลังบำรุง จำกัดบริการสาธารณะ ทั้งประปา ไฟฟ้า โทรศัพท์เคลื่อนที่ โทรศัพท์บ้าน รวมทั้งปิดการจราจรทุกช่องทาง ซึ่งเห็นว่าเป็นวิธีการที่น่าจะสามารถยุติการชุมนุมได้ หรืออย่างน้อยทำให้จำนวนผู้ชุมนุมลดน้อยลง แต่ 2 วันที่ผ่านมา กลุ่มก่อการร้าย ผู้ชุมนุมบางส่วน กระทั่งกลุ่มรถจักรยานยนต์กวนเมืองได้กดดันด่านเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา มีการใช้อาวุธปืนหลายชนิด รวมถึง M79 โดยใช้ผู้ชุมนุมเป็นโล่กำบัง เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องป้องกันตนเองและผู้ไม่เกี่ยวข้อง โดยการใช้กำลังจากเบาไปหาหนัก เริ่มแต่ประชาสัมพันธ์ไปถึงการใช้กระสุนยางที่ยิงจากปืนลูกซอง 

ทั้งนี้ การขอพื้นที่ที่แยกคอกวัว สถานีไทยคม อนุสรณ์สถาน เจ้าหน้าที่ไม่ได้ใช้อาวุธกับผู้ชุมนุมเลย แต่ปรากฏว่าเมื่อผู้ชุมนุมเข้าถึงเจ้าหน้าที่ก็ทำร้าย และยึดอาวุธ ดังนั้น เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องรักษาระยะห่างกับผู้ชุมนุม ถ้าผู้ชุมนุมจะเคลื่อนนเข้าหาเจ้าหน้าที่ก็จำเป็นต้องใช้ปืนลูกซองกระสุนจริงในการสกัดกั้น โดยจะพยายามยิงลงพื้นในแนวไม่เกินหัวเข่า เพื่อยับยั้งไม่ให้เข้ามาและแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ประสงค์จะทำร้ายถึงชีวิต สำหรับปืน M16 ปืนทราโว้ เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องใช้ในการปฏิบัติภารกิจเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาผู้ก่อการร้ายมีอาวุธสงคราม ศอฉ.ได้กำหนดหลักเกณฑ์ใช้งานไว้ 1. ใช้ยิงข่มขวัญขึ้นฟ้า 2. ยิงเป้าหมายที่ตรวจสอบได้ว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย หรือผู้ชุมนุมที่ถืออาวุธสงครามร้ายแรง ลูกระเบิด 3. ยิงป้องกันชีวิตเจ้าหน้าที่และไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่การใช้ปืนทั้งสองชนิดนั้นได้กำหนดให้ยิงทีละนัด ไม่มีการยิงเป็นชุด และจะไม่ใช้ M79 ระเบิดแบบขว้างหรืออาร์พีจีแน่นอน อย่างไรก็ตาม ภาพข่าวบางภาพอาจเป็นเพียงบางส่วนของเหตุการณ์จริง อาจได้เห็นเฉพาะช่วงที่ทหารจำเป็นต้องเคลื่อนเข้าผู้ชุมนุมเพื่อผลักดันให้ผู้ชุมนุมกลับพื้นที่ที่กำหนด หรือยิงสกัดกั้น อาจไม่ได้เห็นภาพทั้งหมด ในช่วงที่ผู้ชุมนุมผู้ก่อการร้ายยิงใส่เจ้าหน้าที่

2) แยกราชประสงค์เป็นพื้นที่อันตราย ไม่ว่าการสร้างสถานการณ์ของผู้ก่อการร้าย หรือในช่วง 10-20 นาทีที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิต 4 คน บาดเจ็บ 80 กว่าคน อีกทั้งเจ้าหน้าที่ยังยึดอาวุธได้จากการ์ด นปช. ทั้งระเบิดขว้าง เอ็ม 16 ชัดเจนว่ามีการลักลอบเอาอาวุธมาใช้ โดยเฉพาะที่แกนนำเคยยึดได้ที่ลาดหลุมแก้ว คอกวัว รวมแล้วกว่า 68 รายการ เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าพื้นที่นี้อันตราย การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่นั้นเป็นการกระชับวงล้อม มิใช่การล้อมปราบ ขอเรียนวิงวอน นปช.จังหวัดต่างๆ ไม่ต้องเดินทางเข้ามา กทม. เพราะข้อมูลข่าวสารจากแกนนำบิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง ขณะนี้ ศอฉ.ควบคุมสถานการณ์โดยรวมไว้ได้ และจะหลีกเลี่ยงความรุนแรงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้  

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net