Skip to main content
sharethis

โรเบิร์ต ฮอร์น ผู้สื่อข่าวนิตยสารไทม์ รายงานสถานการณ์ในกรุงเทพฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

 

แปลจาก Bangkok Braces for a Protest's Denouement, Robert Horn
http://www.time.com/time/world/article/0,8599,1989395,00.html?xid=rss-topstories-polar

 

อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง หนึ่งในแกนนำของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลไทย หรือที่เรียกกันว่า “กลุ่มเสื้อแดง” เป็นบุคคลที่สร้างความหวาดกลัวมานับครั้งไม่ถ้วน เขาเคยเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมเผากรุงเทพฯ มาแล้วหลายครั้ง เมื่อไม่นานมานี้ เขาก็ประกาศบนเวทีประท้วงที่ราชประสงค์ ท้าทายให้ตำรวจเข้ามาจับได้เลย และเมื่อปีที่แล้ว อริสมันต์ก็นำกลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้าสถานที่ประชุม “อาเซียนซัมมิท” ในโรงแรมแห่งหนึ่งที่พัทยา ส่งผลให้ผู้นำของจีน ญี่ปุ่น และชาติต่างๆ ต้องรีบหนีกันด้วยความหวาดกลัว อย่างไรก็ตาม เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กลับเป็นอริสมันต์เองที่ต้องเป็นฝ่ายหวาดกลัว

อริสมันต์จ้องมองไปรอบๆ หลังคาตึกสูงต่างๆ ในเขตราชประสงค์ โดยใส่เสื้อเกราะกันกระสุนและห้อมล้อมไปด้วยหน่วยรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงนับพันๆ คนได้ยึดพื้นที่ราชประสงค์มาเป็นเวลากว่า 2 เดือนแล้ว ทำให้เขตธุรกิจของกรุงเทพฯ ต้องปิดตัวลงตามไปด้วย กลุ่มผู้ชุมนุมกำลังเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกและให้มีการเลือกตั้งครั้งใหม่ โดยผู้ชุมนุมจำนวนมากเป็นผู้สนับสนุนของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกรัฐประหารออกไปในปี 2549 และปัจจุบันต้องลี้ภัยจากโทษจำคุกจากคดีคอร์รัปชั่น “มีพลแม่นปืนอยู่บนนั้น” อริสมันต์กล่าว ขณะที่กวาดสายตาไปตามยอดตึกต่างๆ อย่างหวาดระแวง “ผมจำเป็นต้องกลัวนะ แต่ไม่ใช่กลัวความปลอดภัยของตัวเอง ผมต้องรับผิดชอบต่อประชาชนเหล่านี้” อริสมันต์กล่าวพร้อมกับชี้ไปที่กลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งลดจำนวนลงจาก 100,000 คนก่อนหน้านี้ มาเหลือเพียงต่ำกว่า 10,000 คน

แต่ก็ใช่ว่าอริสมันต์นั้นจะหวาดกลัวไปเองโดยไร้เหตุผล ไม่ถึง 24 ชม.ก่อนหน้านั้น แกนนำคนเสื้อแดงอีกคนหนึ่งถูกพลแม่นปืนยิงเข้าที่ศีรษะจนอาการสาหัสขณะที่กำลังให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวบริเวณรอบนอกของพื้นที่ชุมนุม พลตรี ขัตติยะ สวัสดิผล หรือที่รู้จักกันในนาม “เสธ. แดง” เป็นนายทหารนอกแถวผู้หนึ่งซึ่งเข้าร่วมกลุ่มเสื้อแดง และดูแลจัดการหน่วยรักษาความปลอดภัยภายในพื้นที่การประท้วง เสธ. แดง ยังถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีด้วยระเบิด M79 กว่า 20 ครั้งรอบกรุงเทพฯ ในเวลา 2 เดือนที่ผ่านมาอีกด้วย แต่ เสธ.แดง ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวมาตลอด พลตรี ขัตติยะ ยังคงรักษาตัวในโรงพยาบาลในอาการโคม่า

รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปฏิเสธความรับผิดชอบต่อการซุ่มยิงที่เกิดขึ้น และมีบางคนในกรุงเทพฯ สงสัยว่า การลอบสังหารดังกล่าวอาจมาจากความขัดแย้งระหว่างพลตรีขัตติยะกับแกนนำเสื้อแดงคนอื่นๆ แต่กำลังทหารนับพันๆ นายก็เข้าล้อมกรอบพื้นที่ชุมนุมอยู่ และกลุ่มเสื้อแดงก็พบเห็นพลแม่นปืนทุกหนแห่ง

“บนโน้น!” ผู้ชุมนุมคนหนึ่งตะโกนขึ้น และชี้ขึ้นไปที่รางรถไฟฟ้าที่อยู่เหนือพื้นที่ประท้วง “มีทหารอยู่บนโน้น!” อีกคนตะโกนขึ้นบ้าง ถึงแม้ยังไม่มีทหารคนใดที่ปรากฏตัวออกมาให้เห็น ต่อมาไม่นานกลุ่มผู้ชุมนุมนับสิบๆคนก็ชี้ขึ้นไปข้างบน บางคนเริ่มยิงพลุบั้งไฟเข้าใส่รางรถไฟฟ้า เสียงพลุระเบิดทำให้หน่วยรักษาความปลอดภัยรีบวิ่งขึ้นไปคุ้มกันจตุพร พรหมพันธ์ ซึ่งเป็นแกนนำเสื้อแดงอีกคนหนึ่ง ขณะที่กำลังปราศรัยอยู่บนเวที หน่วยการ์ดนำตัวจตุพรเข้าไปหลังเวที โดยมีการ์ดเสื้อแดงคนหนึ่งยืนเฝ้าระวัง ถือปืนไรเฟิลหุ้มด้วยผ้าขนหนูสีขาว

ถนนในบริเวณโดยรอบก็ตึงเครียดไม่แพ้กัน วันศุกร์ที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมานั้นเกิดเหตุปะทะกันในกรุงเทพฯ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 16 คน บาดเจ็บกว่า 160 คน จากความพยายามของเจ้าหน้าที่ทหารในการโอบล้อมพื้นที่ชุมนุม โดยมุ่งหมายที่จะกดดันกลุ่มผู้ชุมนุมโดยไม่ต้องเข้าสลายด้วยกำลังอาวุธ ข้อเสนอสันติภาพของนายอภิสิทธิ์ที่ให้มีการเลือกตั้งครั้งใหม่ได้ถูกปฏิเสธโดยกลุ่มผู้ชุมนุม และในตอนนี้ นายอภิสิทธิ์เรียกร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุมยุติการประท้วงที่สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศถึง 2 พันล้านดอลล่าร์แล้ว แต่กลุ่มเสื้อแดงยังคงปฏิเสธที่จะล่าถอย และในตลอดทั้งวันก็ได้เผารถบัส โยนระเบิดควัน และยิงพลุทำเองใส่ทหารซึ่งส่วนใหญ่ตอบโต้ด้วยกระสุนยาง แก๊สน้ำตา แต่ในบางครั้งก็มีกระสุนจริงด้วย (อีกฝ่ายหนึ่งมีอาวุธปืนเช่นกัน)

ฝ่ายทหารยังถูกโจมตีจากด้านหลังโดยผู้อาศัยในสลัมท่าเรือคลองเตยนับร้อยคนอีกด้วย กลุ่มคนได้รุกเข้ามาบนถนน พร้อมยิงดอกไม้ไฟและกระสุนจากหนังยางเข้าใส่ทหาร ทางฝั่งกองทัพก็เปิดเพลงลูกทุ่งจากเครื่องเสียงบนรถบรรทุกและพยายามผ่อนคลายสถานการณ์ด้วยการประกาศว่าทหารไม่มีเจตนาร้ายต่อประชาชน แต่เมื่อกลุ่มคนจากคลองเตยเดินรุกเข้าเรื่อยๆ ทหารกลับใช้กระสุนยางระดมยิงเข้าใส่ฝูงชน ทำให้คนนับร้อยต่างแตกตื่น ต้องก้มลงและวิ่งเข้าหาที่กำบังตามข้างทางทันที มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 3 คน มอเตอร์ไซด์รับจ้างคนหนึ่งถูกยิงเข้าที่ขากรรไกร เลือดของเขาสาดกระจายไปตามถนนพระรามสี่จนเหือดแห้งไปภายใต้แสงแดดจ้า

ต่อมาไม่นานม็อบก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง โดยมีคนขับมอเตอร์ไซด์คนหนึ่งถือธงชาติไทยขับนำหน้าสู่แนวทหาร ผู้ชุมนุมที่เหลือใช้หินและดอกไม้ไฟขว้างปาใส่ทหาร และตะโกนด่าทอไปยังแนวทหาร เมื่ออารมณ์ของผู้ชุมนุมเดือดขึ้น ก็เริ่มส่งเสียงพร้อมกันว่า “ไอ้เหี้ย! ไอ้เหี้ย! ไอ้เหี้ย!” อย่างไรก็ตาม กลุ่มทหารยังคงอยู่ในความสงบ

ทหารหนุ่มนายหนึ่งจากขอนแก่นส่ายศีรษะขณะเฝ้าดูกลุ่มผู้ชุมนุม กลุ่มเสื้อแดงมีฐานกำลังที่แข็งแกร่งในขอนแก่น และผู้ชุมนุมบางส่วนก็เดินทางเข้ากรุงเทพฯ มาจากจังหวัดดังกล่าว เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่จะต้องต่อสู้กับเพื่อนบ้านด้วยกัน ทหารนายนี้ซึ่งขอไม่แสดงชื่อจริงได้แต่ยิ้ม และหันหนีไปทางอื่น “ทั้งหมดนี่มันไม่ถูกต้องเลย” เขากล่าว “ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศของผมแล้วตอนนี้

เมื่อความมืดปกคลุมพื้นที่ ระเบิด M79 ก็ถล่มเข้าใส่เขตประตูน้ำ อันเป็นย่านคนทำงานทางทิศเหนือของบริเวณที่ชุมนุมหลัก กลุ่มผู้ประท้วงได้รวมตัวกันในบริเวณดังกล่าวเพื่อต่อต้านแนวทหาร มีการจุดกองไฟบนถนนและขว้างปาก้อนหิน ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าใครเป็นผู้ยิงระเบิด M79 แต่เมื่อกรุงเทพฯ เข้าสู่ค่ำคืนอันตึงเครียด ผู้คนต่างสงสัยว่าเมื่อใดทหารจะบุกเข้าสลายการชุมนุมในที่สุด และจะมีผู้เสียชีวิตกี่คนเมื่อเกิดการบุกเข้าจริงๆ ขณะเดียวกัน กองเพลิงยังคงลุกไหม้ต่อไปและเสียงปืนยังกังวานไปทั่วตามท้องถนน.

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net