Skip to main content
sharethis

ศอฉ.แจงยังไม่ประกาศเคอร์ฟิว ยันคุมสถานการณ์ได้ แจงสัมพันธ์ส่วนราชการต่างๆ ยังแน่นแฟ้น

เวลาประมาณ 17.10น.ทีวีไทย รายงาน ศอฉ.แถลงว่า ยังควบคุมสถานการณ์ได้ จะยังไม่ประกาศเคอร์ฟิว ณ ขณะนี้

17.27 น. (โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ) พล.ท.อักษรา เกิดผล ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก ในฐานะหัวหน้าส่วนยุทธการ ศอฉ. แถลงถึงผลการหารือการประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิวว่า เมื่อเวลา 14.30น. ได้มีการประชุมหารือระหว่างส่วนนโยบายและส่วนปฎิบัติการในทุกระดับ เพื่อพิจารณาประโยชน์และผลกระทบหากมีการประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิว ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่วมกันว่า ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่ถึงเวลาจำเป็นต้องประกาศใช้มาตรการดังกล่าว เนื่องจากแม้มีผลดีต่อการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการแยกเจ้าหน้าที่ ประชาชน ผู้บริสุทธิ์ออกจากผู้ก่อการร้ายหรือผู้ที่ใช้อาวุธสงคราม แต่จะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องในพื้นที่โดยรวม จึงขอเรียนว่า ศอฉ. จะยังไม่ประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิวในห้วงเวลานี้ เนื่องจากยังสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ ยกเว้นเมื่อมีสถานการณ์หรือมีความฉุกเฉินจำเป็น ศอฉ.จะประเมินสถานการณ์และเรียนให้ทราบต่อไป

สำหรับการปฎิบัติงานด้านยุทธการในการปิดล้อมบริเวณที่ชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์ย่อมต้องมีมาตรการต่างๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อความไม่สะดวกสบายของประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้และขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย โดยเจ้าหน้าที่จะคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่เป็นสำคัญ

ที่ผ่านมา อาจมีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับความไม่ราบรื่นในการปฎิบัติงานของส่วนราชการต่างๆ ใน ศอฉ. ขอยืนยันว่า ข่าวลือดังกล่าวไม่เป็นความจริง ทุกส่วนราชการที่ปฎิบัติงานร่วมกันได้ประสานและปฎิบัติงานร่วมกันอย่างแน่นแฟ้น

นาวาเอกประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ ผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ กล่าวว่า ในส่วนของกองทัพเรือได้รับภารกิจที่สำคัญ 2 ประการ โดยภารกิจหลักที่ถือเป็นภารกิจสำคัญสูงสุดคือ การรักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบโรงพยาบาลศิริราชในรัศมี 500 เมตรถึง 1 กิโลเมตร ซึ่งมีภารกิจที่สำคัญคือการตั้งด่านตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมาย การจัดชุดลาดตระเวนเพื่อป้องกันการก่อการร้าย การจัดชุดเฝ้าระวังและเข้าตรวจพื้นที่โดยรอบ นอกจากนั้นได้หน่วยลานตระเวนทางน้ำตามลำแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อเฝ้าระวังเหตุ เสริมมาตรการรักษรความปลอดภัยทางบก

สำหรับภารกิจต่อมาคือการรับผิดชอบดูแลรับผิดชอบใน 6 เขตของกรุงเทพฯ ได้แก่เขตธนบุรี เขตคลองสาย เขตจอมทอง เขตราษฎร์บูรณะ เขตบางกอกน้อย เขตบางกอกใหญ่ ซึ่งภารกิจสำคัญคือการตั้งจุดตรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมาย และป้องกันการก่อเหตุร้าย การชุดจักรยานยนต์เป็นสายตรวจตระเวนเคลื่อนที่ เพื่อเฝ้าตรวจและระวังเหตุปราบปรามการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ล่อแหลม ซึ่งผลการปฏิบัติที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวมทั้งได้รับความร่วมมือและการตอบรับจากประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างดี

น.อ.มณฑล สัชฌุกร รองเจ้ากรมกิจการพลเรือนกองทัพอากาศ (รอง.จก.กร.ทอ.) ในฐานะโฆษกกองทัพอากาศ กล่าวว่า ในส่วนกองทัพอากาศมีภารกิจสำคัญ 2 ประการ โดยภารกิจแรกคือการจัดกำลังรักษาความปลอดภัย ณ บริเวณทำเนียบร่วมกับกำลังของกองทัพบกและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งกองทัพอากาศได้จัดกำลังไปร่วมตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม และยังคงจัดกำลังอย่างต่อเนื่องอยู่ในทำเนียบรัฐบาลมาจนถึงปัจุบัน

ในภารกิจต่อมาคือการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่รับผิดชอบบริเวณเขตสายไหม ซึ่งมีการจัดตั้งด่านร่วมกับกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมาย การจัดรถจักรยานยนต์เป็นสายตรวจเคลื่อนที่ เพื่อเฝ้าระวังและป้องปรามการสร้างสถานการณ์ รวมทั้งการจัดกำลังเฝ้าตรวจทางยกระดับโทลเวย์ นอกจากนั้นยังมีการจัดกำลังสนับสนุนภารกิจอื่นๆ ที่สำคัญของ ศอฉ. เช่นการบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณอนุสรณ์สถานเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งจากผลการปฏิบัติในห้วงเวลาที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวมทั้งได้รับความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างดี

พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก สปก.ตร. กล่าวว่า ส่วนของ สตช. ได้รับมองหมายจาก ศอฉ.ให้ดำเนินการใน 2 เรื่องใหญ่ๆ เรื่องแรกคือดำเนินการส่งกองกำลังหรือหน่วยกำลัง ซึ่งเป็นหน่วยกองร้อยปฎิบัติการกับมวลชน โดย ณ วันนี้ได้ส่งกองกำลังมาขึ้นกับ ศอฉ. 47 กองร้อย และที่ปฎิบัติการอยู่ในพื้นที่ของตำรวจนครบาลและภูธร 1 รวมทั้งสิ้น 116 กองร้อย

ส่วนภารกิจที่สอง คือการบังคับใช้กฎหมายคือการดำเนินการสืบสวน ติดตามและสอบสวนคดีที่เกิดขึ้น ทั้งคดีอาญาปกติและคดีที่ขัด พ.ร.ก. ยกตัวอย่างเช่น เมื่อวันที่ 14 ที่มีการจับกุมผู้ชุมนุมและได้ส่งฟ้องไปเมื่อวันที่ 25 พ.ค. 27 คน และนอกจากเรื่อง พ.ร.ก. ก็ได้มีการดูแลการบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ตามปกติ

ประเด็นของรักษาการ ผบ.ตร. ได้ห่วงใยผู้ชุมนุมได้สั่งการให้โรงพยาบาลตำรวจดำเนินการจัดชุดแพทย์ เพื่อเข้าดูแลให้การรักษากับผู้ป่วยและผู้ชุมนุมที่อาจเจ็บป่วย เนื่องจากมีฝนตกและชุมนุมมาเป็นเวลานาน ขณะนี้กำลังประสานงานเพื่อดำเนินการจัดชุดแพทย์เข้าไปตรวจเพื่อดำเนินการรักษาเบื้องต้น

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net