16 พ.ค.53 นายจาตุรนต์ ฉายแสงเปิดเผยว่า ได้เพิ่งเดินทางไปหาแพทย์ในต่างประเทศตั้งแต่เช้าวานนี้ และเดินทางกลับถึงสนามบินสุวรรณภูมิในช่วงบ่ายวันนี้ ได้ติดตามข่าวสารบ้านเมืองด้วยความห่วงใย ขณะที่อยู่ในต่างประเทศมีเพื่อนชาวต่างประเทศแสดงความห่วงใยสถานการณ์เมืองไทยกันมาก
พร้อมกันนี้นายจาตุรนต์ได้แสดงความเห็นต่อวิกฤตการเมืองขณะนี้ว่า “การที่นายกฯเดินหน้าปราบปรามเข่นฆ่าประชาชนอย่างไร้มนุษยธรรมจะนำไปสู่ความสูญเสียที่ใหญ่หลวงโดยจะไม่ได้แก้ปัญหาอะไร แต่กลับจะนำสังคมไปสู่ความขัดแย้งแตกแยกและวุ่นวายไม่สิ้นสุด การกระทำของนายกฯตลอดมาจนถึงขณะนี้ แสดงให้เห็นว่านายกฯคนนี้ไม่เคยมีความคิดที่จะปรองดองหรือแม้แต่จะเมตตาปรานีต่อประชาชนมาตั้งแต่ต้น
จากภาพข่าวเป็นที่ปรากฏชัดเจนโดยเฉพาะในสื่อต่างประเทศที่กระจายไปทั่วโลกว่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีอาวุธถูกสังหารด้วยอาวุธร้ายแรงคนแล้วคนเล่า แต่นายกฯกลับกล่าวถึงแต่การใช้อาวุธโจมตีฝ่ายทหารเพื่อสร้างความชอบธรรมในการเข่นฆ่าประชาชนต่อไป
ทางออกในขณะนี้คือ รัฐบาลต้องล้มเลิกความคิดที่จะประกาศเคอร์ฟิวส์ สั่งให้หยุดยิงประชาชน และกลับสู่การเจรจาซึ่งจะลดความสูญเสียชีวิตและหลีกเลี่ยงความเสียหายใหญ่หลวงทั้งเฉพาะหน้าและในระยะยาว
นายจาตุรนต์กล่าวว่าความจริงการเจรจารอบที่แล้วเกือบจะสำเร็จอยู่แล้ว เหลือเพียงการให้รองฯสุเทพไปรับทราบข้อหาที่ดีเอสไอ แต่นายกฯล้มวันเลือกตั้งและใช้มาตรการปราบประชาชนที่เรียกว่ากระชับวงล้อมเสียก่อน ประกอบกับมาเกิดเรื่องเสธ.แดงถูกยิงและต่อมาประชาชนถูกทำร้ายเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก การเจรจาจึงชะงักไปและต้องยอมรับว่ายากขึ้นมาก
นายกฯอภิสิทธิ์ควรกลับมาทบทวนด้วยเหตุด้วยผลง่ายๆว่าเรื่องทั้งหมดเริ่มจากการที่ประชาชนมาเรียกร้องให้ยุบสภาซึ่งเป็นทางออกที่เป็นสันติวิธีที่สุดและสังคมไทยต่างก็เห็นดีกับการปรองดอง แต่ขณะนี้กลับต้องสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิตมากมายมหาศาล นายกฯน่าจะคิดได้แล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นต้องเป็นความผิดพลาดแน่แล้ว ดังนั้นหากนายกฯจะเปลี่ยนใจก็ยังไม่สายเกินไป