"จตุพร”จวกรัฐฆ่าเพื่อให้ได้อยู่ต่อ ชี้จะนั่งอยู่เฉยๆ หากทหารมา

แจงสถานการณ์ทั้งวัน "จตุพร” จวกรัฐบาลทำลายสถาบัน ย้ำตราบใดความยุติธรรมไม่เกิด ไม่ละทิ้งผู้สละชีวิต ตั้งความหวัง UN ช่วยเหลือ/ร้องรัฐบาลสั่งหยุดยิง-ถอนทหารจากจุดเผชิญหน้า แกนนำเจรจาทันที/“จตุพร” แถลงข่าวพร้อม “แม่กู้ชีพป่อเต็กตึ๊ง” ชี้ชะตากรรมเดียวกับ นปช./“ณัฐวุฒิ” พาแม่ค้าแถลงข่าว แฉทหารสกัดกั้น ปล้นเงินในกระเป๋า

 

 “จตุพร” แจงสถานการณ์ทั้งวันให้ผู้ชุมนุม ชี้จะนั่งอยู่เฉยๆ ไม่สู้ไม่หนี หากทหารมา

23.00 น.นายจตุพร พรหมพันธ์ ขึ้นเวทีกล่าวกับผู้ชุมนุมว่า ขณะนี้ในหลายพื้นที่ อาทิ ดินแดง ราชปรารภ บ่อไก่ คลองเตย และในหลายจังหวัดก็ได้มีการชุมนุม เพราะเวลานี้ความจริงได้ปรากฏขึ้นมากมาย

นายจตุพรกล่าวถึงท่าทีรัฐบาลที่ว่าจะทำการประกาศเคอร์ฟิวส์ ซึ่งมักจะประกาศเมื่อมีการปฏิวัติ รัฐประหาร ยึดอำนาจ แต่แทบทุกครั้งนั้นไม่ประสบความสำเร็จ และแม้จะประกาศก็จะไม่มีผลกับคนเสื้อแดง เช่นเดียวกับการการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อย่างไรก็ตามวันนี้ทั้งวันข่าวที่สื่ออกมากได้มีการอธิบายว่าแกนนำได้บังคับเด็ก สตรี และคนชราไม่ให้ออกจากผู้ชุมนุม แต่ นปช.ไม่ได้มีการบังคับใดๆ

นายจตุพรกล่าวว่า คนแก่หลายคนที่มาร่วมต่อสู้ในขณะนี้นั้น บางคนได้ต่อสู้มาตั้งแต่เหตุการณ์เดือนตุลา มาถึงพฤษภาทมิฬ และเหตุการณ์เมื่อเดือนเมษาปีที่ผ่านมา สู้ตั้งแต่หนุ่มสาว และถึงวันนี้ก็ยังต้องมาสู้อยู่ แต่ในส่วนของภาครัฐกลับแสดงอาการดูถูกประชาชนโดยบอกว่าถูกชักจูง ถูกจ้างมา

ส่วนเรื่องที่ รัฐบาลและศอฉ.แลงข่าวว่าในที่ชุมนุมมีการซ่องสุมกองกำลังติดอาวุธกว่า 500 นาย นายจตุพรกล่าวว่าในพื้นที่การชุมนุมทุกซอกมุมสื่อมวลชนสามารเข้าไปได้ แต่ก็ไม่เคยมีรายงานหรือมีภาพข่าวให้เห็น ขณะที่ความสูญเสีย ตอนนี้หากนับตั้งแต่เหตุการณ์ 10, 22, 28 เมษา ที่รวมแล้วมีทหารเสียชีวิต 6 นาย ผู้ชุมนุม 21 คน ประชาชนหลากสี 1 คน เมื่อรวมเหตุการณ์ที่เกิดในช่วงเวลานี้กว่า 58 ชีวิตแล้ว มีและมีผู้บาดเจ็บอีกนับพันคน ซึ่งในเหตุการณ์ล่าสุด มีเจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บเพียงรายเดียว เนื่องจาการลื่นล้มหัวฟาดพื้น ทั้งนี้ตัวเลข 500 คน เหมือนเป็นการการออกใบมรณะล่วงหน้าให้ผู้ชุมนุม
 
นายจตุพรกล่าวด้วยว่า ในวันนี้ได้พาสื่อทั้งไทยและต่างประเทศไปบันทึกภาพด้วยตาว่าความจริงคือไม่มีสิ่งเหล่านี้อยู่จริง การออกโทรทัศน์ชี้แจงของรัฐเหมือนเป็นการไม่เคารพการสูญเสียชีวิตคนทั้งที่อยู่ที่ดินแดงหรือที่ใดก็ตาม อีกทั้งอ่างถึง พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.สรรหา อดีตเสนาธิการทหาร ที่ระบุถึงความสูญเสียจำนวนมากเป็นทวีคูณที่จะเกิดขึ้นหากมีการล้อมปราบ

"รัฐบาลจะไปต่อสู้กับประชาชนที่เขาต่อสู้ตามอุดมการณ์แนวทางเขาได้อย่างไร" นายจตุพรกล่าว

แกนนำ นปช.กล่าวด้วยว่า มีคนตั้งคำถามว่าทำไมไม่ยุติการชุมนุม จึงถามกลับว่าทำไมรัฐบาลไม่ยุติการฆ่า สิ่งที่รู้วันนี้คือเราจะไม่กลับไปเหมือนเดิมได้อีกต่อไป การรักษาตำแหน่งของนายอภิสิทธิ์แล้วไล่ฆ่าคนอย่างบ้าคลั่ง ทำให้หลายชีวิตต้องล้มตายและบาดเจ็บจะยิ่งสร้างความคับแค้นให้ครอบครัว เพื่อนมิตร ทำให้คนไทยมองหน้ากันไม่ติด ในประเทศที่เคยอยู่ด้วยความสุข แต่มีรัฐบาลที่ไล่ฆ่าประชาชน มันได้สร้างบาดแผลอันร้าวลึก

เมื่อวันที่ 10 เมษา นปช.ได้ขอพึ่งพระบารมี วันนี้ก็ขอพึ่ง เพราะจากอดีต การฆ่าคนของ รสช.ที่ทำให้รู้สึกว่าไม่รู้ว่าจะหยุดลงอย่างไร แต่ก็สามารถหยุดได้ เหมือนน้ำทิพย์ แต่ตอนนี้ประเทศเรามีแผลร้าวลึก และรัฐบาลอภิสิทธิ์กำลังทำลายสถาบัน ด้วยการไปชี้แจงในที่ต่างๆ ว่าทำเพื่อสถาบัน แต่นั่นเป็นการทำลายสถาบันมากที่สุด โดยการบอกปกป้องแล้วไม่ออกมารับผิดชอบสิ่งที่ได้กระทำลงไป

"ให้บอกว่าฆ่าเพื่อได้อยู่ต่อ อย่าบอกว่าฆ่าเพื่อสถาบัน" นายจตุพรกล่าว และว่าการอ้างเช่นนี้จะความเสียหายให้เกิดขึ้นกับสถาบัน

นายจตุพรกล่าวถึงกรณีการประกาศให้วันที่17-18 พ.ค.เป็นวันหยุดว่า ไม่ทราบว่าการขยายวันหยุดสื่อนัยอะไรหรือต้องการให้เป็นวันชำระร้างเข่นฆ่าประชาชนหรือไม่ เพราะรัฐบาลนี้พร้อมจะสร้างสถานการณ์อะไรก็ได้เพื่อเป็นเครื่องมือต่ออายุตัวเอง ซึ่งก็มีคำถามว่าหากทหารมาจะทำอย่างไร เราจะนั่งอยู่เฉยๆ ไม่สู้ไม่หนี อยากทำอะไรก็ทำ เวลานี้สื่อได้เผยแพร่ไปทั่วโลกแล้วว่า การต่อสูเพื่อประชาธิปไตยได้รับการสนองตอบที่เหี้ยมโหดอย่างไร ขอให้ปล่อยวางอย่างมีสติและสงบ

"หัวใจเราใจเราเข้มแข้งและยิ่งใหญ่กว่าคนเข่นฆ่าหลายเท่า"

“การตายที่มีค่าที่สุด คือการตายเพื่อคนอื่น ตายเพื่อประเทศชาติ เพื่อประชาธิปไตย”

นายจตุพร บอกด้วยว่า มีคนตั้งตำถามว่าทำไมไม่บอกผู้ชุมนุมให้กลับ ผมบอกต่อให้บอกผู้ชุมนุมก็ไม่กลับ ถึงผมกลับเขาก็ไม่กลับ การสูญเสีย 50 กว่าชีวิต ให้ตายฟรีเจ็บฟรีประชาชนคงไม่ยอม และหากต้องการจะเอาความตายของประชาชนไปแลกการเลือกตั้งเราทำไปแล้ว

"ตราบใดความยุติธรรมไม่เกิด ให้คำตอบไม่ได้ว่าเราจะละทิ้งชีวิตเขา และตอนนี้เรื่องไปถึงสหประชาชาติแล้ว เราก็คาดหวังโลกเพราะในประเทศคาดหวังได้ยาก"

นอกจากนี้นายจตุพรยังได้อ่านรายชื่อ 106 ราย บุคลและนิติบุคคลที่ถูก ศอฉ.ระงบการทธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งก็รายชื่อของ พ.ต.ทักษิณ ชินวัตร อดีตภรรยา ลูกๆ รวมทั้งเครือญาติ อดีต ส.ส.บ้านเลขที่ 111 และแกนนำ นปช.รวมทั้งเสธ.แดงที่ขณะนี้ยังรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล แต่กลับไม่มีรายชื่อของนายจตุพร ซึ่งนายจตุพรพูดติดตลกว่า ศอฉ.ดูถูกบัญชีของตน และเหมือนโดน ศอฉ.แกล้ง เพราะรู้ว่าเขาจะต้องตกเป็นเป้ายืมเงินของเพื่อนหลายๆ คน อย่างไรก็ตามนายจตุพรแสดงความเห็นว่าการที่ไม่มีรายชื่อนี้อาจเป็นเพราะการคุ้มครองตามเอกสิทธิ์ของ ส.ส.

 

นปช.ร้อง รัฐบาลสั่งหยุดยิง-ถอนทหารจากจุดเผชิญหน้า ยุติการสูญเสีย พร้อมเจรจาทันที

เมื่อเวลาประมาณ 17.10 น.นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ แกนนำ นปช.แถลงข้อเรียกร้องอันเป็นมติเอกฉันท์ของ แกนนำ นปช.แดงทั้งแผ่นดินต่อรัฐบาลว่า ให้รัฐบาลประกาศสั่งการเจ้าหน้าที่หยุดยิงเพื่อหยุดการสูญเสียชีวิตของประชาชน และถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ที่ มีการเผชิญหน้าในทันที หากรัฐบาลดำเนินการตามนี้ นปช.ยินดีเดินหน้าสู่การเจรจาในทันที พร้อมเรียกร้องให้สหประชาชาติมาเป็นตัวกลางในการเจรจา ทั้งนี้เพราะไม่เห็นว่าในประเทศ จะมีองค์กรใดมีมีท่าทีตรง ไปตรงมา และจะให้ความเป็นธรรมกับประชา ชนได้ โดยไม่มีเงื่อนไขอื่น

ทั้งนี้ นปช.จะไม่ยอมสยบต่อมาตรการทำร้าย ประชาชนของรัฐบาล หากรัฐบาลไม่ตอบรับ ทางนปช.ก็จะเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ โดยไม่ออกจากที่ชุมนุม

 

“จตุพร” แถลงข่าวพร้อม “แม่กู้ชีพป่อเต็กตึ๊ง” ชี้ชะตากรรมเดียวกับ นปช.

เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.วันที่ 16 พ.ค.นายจตุพร พรหมพันธ์ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำ นปช.ร่วมกันแถลงข่าว พร้อมนำตัว นางนารี แสงประเสริฐศรี มารดาของนายมานะ แสงประเสริฐศรี เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพป่อเต็กตึ๊ง ที่ถูกยิงเสียชีวิตที่ย่านบ่อนไก่ขณะลำเลียงผู้บาดเจ็บออกจากที่เกิดเหตุมาแสดงตัวด้วย

นายจตุพรกล่าวว่า นปช.ขอแสดงความเสียใจ และเชื่อว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตจะมากกว่า 24 ราย นี่ถือเป็นโศกนาฏกรรมที่ผู้เสียชีวิตเป็นประชาชน การที่นายกฯ ให้ทหารติดอาวุธถือเป็นเหตุผลในการสั่งฆ่า และทราบว่ารัฐบาลจะประกาศเคอร์ฟิว ห้ามประชาชนออกนอกเคหสถาน ขอเตือนว่าการประกาศทุกครั้งไม่สามารถยับยั้งประชาชนไม่ให้ออกมาได้ หนำซ้ำจะทำให้ประชาชนลุกฮือขึ้นมา ซึ่งการเสียชีวิตของนายมานะถือว่าอยู่ในชะตากรรมเดียวกับพวกตนที่ไม่รู้ว่า วันใดจะถูกสไนเปอร์ตัดสิน

นายจตุพรกล่าวว่า การที่นายกฯ อ้างเรื่องสถาบันแล้วมาเป็นเหตุฆ่ามนุษย์เพื่อนร่วมชาติ ถือเป็นความเลวร้าย ถ้าต้องการฆ่าพวกตนก็ขอให้มา แต่อย่าแอบอ้างสถาบัน วันนี้ถ้ามีการสั่งฆ่าประชาชนหนึ่งคนเท่ากับว่านายอภิสิทธิ์ได้เพิ่มศัตรู ที่เป็นญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตอีกมาก และไม่ว่านายอภิสิทธ์จะประกาศเคอร์ฟิว กฎอัยการศึกอีกสักกี่ครั้งก็ไม่สามารถ หยุดประชาชนได้ ตราบใดที่นายอภิสิทธิ์ ยังไม่หยุดฆ่า พวกตนก็จะอยู่ที่นี่ ยอมรับความตายอยู่ที่ราชประสงค์ทุกคน ถ้าจะออกไปก็ต้องเป็นร่างไร้วิญญาณ
 
“ถ้ามีผู้ก่อการร้ายแฝงตัวในผู้ชุมนุมจริง 3 วันที่ผ่านมาก็ต้องมีทหารบาดเจ็บหรือเสียชีวิตบ้าง แต่ขณะนี้ยังไม่มีทหารเสียชีวิตแม้แต่รายเดียว ดังนั้น การกล่าวอ้างว่ากลุ่มผู้ชุมนุมติดอาวุธและก่อการร้ายจึงไม่เป็นความจริง น่าเสียใจที่สุดคือ นายอภิสิทธิ์อธิบายทุกอย่างว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสถาบัน เพื่อมาใช้เป็นข้ออ้างในการฆ่ามนุษย์ ซึ่งถือเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุด เพราะมีทหารหลายคนมาบอกว่าเป็นอย่างนี้ ทหารจึงต้องทำ ซึ่งการดำรงอยู่ของการเป็นนายกฯ ไม่จำเป็นต้องฆ่าคนในชาติ หากยิ่งฆ่าก็เป็นการ เพิ่มศัตรูที่เป็นญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตขึ้นอีก เหมือนเช่น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้” นายจตุพรกล่าว
 
นายจตุพร กล่าวว่า เหตุการณ์วันที่ 20 พฤษภาคม 2535 หากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่เรียกคู่ขัดแย้งมาหยุดยั้งความตายในวันนั้นไม่รู้จะมีกี่พันศพ วันนี้ก็เช่นกัน พวกตนเป็นพสกนิกร ก็ขอพึ่งพระบารมีพระองค์ เพราะเราไม่มีที่พึ่งจริงๆ และหากทหารยังไม่หยุดการยิงประเทศไทยก็จะเหมือนประเทศรวันดา และอีกหลายๆ ประเทศที่เกิดสงครามกลางเมืองล้างเผ่าพันธุ์

นอกจากนี้ การที่กองทัพยังมีการใช้อาวุธเอ็ม 79 และโยนความผิดให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงนั้นไม่เป็นความจริง เพราะในคลังแสงทุกหน่วยของกองทัพยังมีอาวุธดังกล่าวอยู่ อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีหลายฝ่ายเรียกร้องให้อพยพเด็กและสตรีไปไว้ในวัดปทุมวนาราม เพื่อความปลอดภัยนั้น เรื่องนี้ต้องไปบอกทหารให้หยุดยิง เพราะคนที่ตายคือพวกตน ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐทหารไม่ยิงใส่พวกเขาก็ไม่มีใครตาย

 

แจง นปช.เผายางเหตุห่วงความปลอดภัย

นายจตุพรกล่าวถึงการที่มีมวลชนปะทะกันกับทหารว่า การรวมตัวที่ไร้แกนนำก็จะก่อให้เกิดความวุ่นวายเหมือนเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ดังนั้น แกนนำที่อยู่รอบนอกได้ทำหน้าที่ตั้งเวทีขึ้นมาเพื่อรวบรวมมวลชนให้กลับมารวมตัวกัน เช่น คลองเตย ที่มีนางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ นายวรชัย เหมะ รวมทั้งบริเวณอื่นๆ เช่น บ่อนไก่ และดินแดง

ส่วนการที่คนเสื้อแดงก่อเหตุเผายางเพื่อตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐนั้น เห็นว่าเป็นการกระทำหลังจากมีการยิงอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ผู้ชุมนุมต้องป้องกันตัวเองเพื่อให้ควันไฟเป็นเกราะกำบัง เพราะอาวุธของรัฐบาลคือปืนสไนเปอร์ และที่สำคัญเรื่องเผายางรถยนต์เป็นสิ่งเล็กน้อยดีกว่าเผาตึก สาเหตุหลักเพราะเขาไม่สามารถเข้าพื้นที่ร่วมชุมนุมที่ราชประสงค์ได้จึงเกิด เหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
 

ประกาศรัฐบาลเตรียมเคอร์ฟิวส์ ผู้ชุมนุมสามารถตัดสินใจกลับได้

เวลาประมาณ 13.50 น. นายณัฐวุฒิ กล่าวแถลงบนเวทีกับผู้ชุมนุมว่า เนื่องจากรัฐบาลจะมีการประกาศเคอร์ฟิว ซึ่งอาจมารบล็อกพื้นที่และอาจใช้กำลังเข้ามาสลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ หากผู้ชุมนุมต้องการเดินทางกลับบ้าน สามารถตัดสินใจได้โดยอิสระ จะไม่มีการ์ดของ นปช.เข้าไปขัดขวาง แต่หากต้องการปักหลักต่อสู้ร่วมกันด้วยสันติวิธีอย่างที่เคยทำมา ทุกคนก็มีสิทธิเสรีภาพที่จะทำ

นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า สำหรับผู้ที่นำบุตรหลานมาร่วมชุมนุมขอให้ผู้ปกครองพิจารณาใน 2 แนวทางคือ 1.นำบุตร หลานออกจากที่ชุมนุม การนำบุตรหลานออกไปจากพื้นที่ถือเป็นอิสระในการตัดสินใจ 2.หากประสงค์จะร่วมการต่อสู้ ก็ขอให้เตรียมนำบุตรหลานไปอยู่ที่ในปลอดภัย เช่นวัดปทุมวนาราม ซึ่งเป็นเขตอภัยทาน

นายณัฐวุฒิกล่าวด้วยว่า แกนนำ นปช.จะมีการหารือกันในเวลาประมาณ 14.00 น.เพื่อกำหนดท่าทีต่อการประกาศเคอร์ฟิวของทางศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ ฉุกเฉิน (ศอฉ.) หลังจากนี้ให้ผู้ชุมนุมกินอาหารให้อิ่ม พักผ่อนให้เต็มที่ แล้วมารวมกันที่หน้าเวทีเพื่อรอฟังการแถลง

 

“ณัฐวุฒิ” ประกาศมีวัยรุ่นพ่น “ข้อความ” ไม่สมควร ให้ช่วยกันสอดส่อง

เมื่อเวลา 13.45 น. นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ แกนนำ นปช.ประกาศว่า ในพื้นที่ชุมนุมได้มีกลุ่มวัยรุ่น 2-3 คน ซึ่งไม่ใช่ผู้ชุมนุมนำสเปรย์สีขาวมาฉีดพ่นบนพื้นถนนและกำแพงด้วยข้อความที่ไม่บังควร บริเวณด้านแยกปทุมวัน โดยการ์ดพยายามติดตามจับตัว หากจับกุมได้จะนำตัวมาสอบสวนอีกครั้ง ทั้งนี้มองว่ามีการใช้รูปแบบการใส่ร้ายเดียวกับเหตุการณ์ในปี 2519 ขณะนี้การ์ดได้พยายามลบทำความสะอาดข้อความดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ตามขอให้ผู้ชุมนุมช่วยกันสอดส่องตามพนังกำแพงและพื้นถนน หากพบจะได้รีบลบทำความสะอาด

 

“ณัฐวุฒิ” พาแม่ค้าแถลงข่าว แฉทหารสกัดกั้น ปล้นเงินในกระเป๋า

เวลา 13.30 น. ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ แกนนำ นปช.แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนพร้อมผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งอ้างว่าถูกทหารทำร้ายและยึดเงิน โดยเธอเล่าว่าเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงที่กำลังเดินทางเข้าในพื้นที่ชุมนุมเพื่อนำของมาขายตามปกติ แต่ในระหว่างที่จะเข้ามาได้ถูกทหารขวางเอาไม่ยอมให้เข้าโดยอ้างคำสั่งที่ให้ปิดกั้นพื้นที่ เมื่อยืนยันที่จะเข้าไปทหารคนนั้นจึงบอกว่าจะพาเข้าไป จากนั้นทหารได้ถอดเสื้อที่เป็นเครื่องแบบทหารออกแล้วพาไปที่ซอยหมอเหล็ง แล้วได้ทำการตรวจค้นตามร่างกายอย่างระเอียดและค้นกระเป๋า โดยได้ยึดกระเป๋าเงินซึ่งมีเงินราว 2,500 บาท กับบัตรประชาชนไป

เธอเล่าต่อว่านายทหารคนดังกล่าวได้เอาบัตรประชาชนไปให้พวกของเขาคีย์หาข้อมูลบางอย่างจากคอมพิวเตอร์ ซึ่งเธอได้ยินทหารคุยกันว่าไม่มีข้อมูล จากนั้นเธอได้พยายามขอบัตรประชาชนคืน นายทหารคนนั้นจึงถามกลับมาว่าจะเข้าไปในพื้นที่ชุมนุมทำไมไม่รู้หรือไงว่าแกนนำเขาแตกกันแล้ว แต่เมื่อเธอถามว่ารู้ได้อย่างไรก็ถูกตบเข้าที่แก้มและด่าทอ อีกทั้งก่อนถูกปล่อยตัวยังถูกบังคับให้กราบเท้าทหารคนดังกล่าว 3 ครั้ง และไม่ยอมคืนเงินที่ยึดไว้ให้เธอแม้เธอจะบอกว่าไม่มีเงินเหลือให้กลับบ้าน

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า จะมีการดำเนินการแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อที่เมื่อการชุมนุมยุติลงหวังว่าจะมีการสืบหาความจริงและความยุติธรรมจะเกิดขึ้น แม้เพียงสักเล็กน้อย

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท