Skip to main content
sharethis
สลายม็อบเผาศาลากลางอุดรดับ 1 เจ็บ 3 จับ 45
ความคืบหน้ากลุ่มคนเสื้อแดง บุกเผาศาลากลาง จ.อุดรธานี และ สนง.เทศบาลนครอุดรธานี ทำให้สถานที่ราชการทั้ง 2 แห่งต้องปิดทำการ โดยเฉพาะศาลากลาง จ.อุดรธานี มีมากกว่า 40 หน่วยงาน ขณะที่รถยนต์ และรถดับเพลิงที่ถูกเผา รวม 8 คัน ยังคงจอดอยู่ที่เดิม เพราะต้องรอตำรวจตรวจที่เกิดเหตุ โดยรอบศาลากลางยังคงมีกำลังทหาร จาก มทบ.24 และ บน.23 ตรึงกำลัง
นายอำนาจ ผการัตน์ ผวจ.อุดรธานี กล่าวว่า เหตุจลาจลได้สร้างความเสียหายอย่างมาก เบื้องต้นความเสียหายมากกว่า 150 ล้านบาท แยกเป็นศาลากลางหลังเก่า 50 ล้านบาท ยังไม่รวมอาคารหลังใหม่ที่เสียหายภายใน , อาคาร สนง.เทศบาลนครอุดรธานี 100 ล้านบาท และรถยนต์ รถดับเพลิง รถบรรทุก ที่ถูกไฟเผาอีกไม่น้อย
"หลังจากกลุ่มคนเสื้อแดงเผาศาลากลาง จ.อุดรธานี และ สนง.เทศบาลนครอุดรธานี ยังมีกลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมกันอยู่ที่สนามทุ่งศรีเมือง เจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการเจรจาเพื่อให้สลายการชุมนุม แยกย้ายกันกลับบ้าน กลุ่มคนบางส่วนยินดีจะปฏิบัติตาม แต่มีบางส่วนไม่ยินยอมได้บุกไปที่ว่าการ อ.เมืองอุดรธานี ที่อาคาร อบจ.อุดรธานี เจ้าหน้าที่จึงต้องป้องกันสถานที่ นำไปสู่การสายการชุมนุม จับกุมผู้ชุมนุมไว้45 คน มีผู้บาดเจ็บ 3 คน เสียชีวิต 1 คน ทั้ง 45 คนถูกควบคุมตัวที่กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ค่ายพระยาสุนทรธรรมธาดา ดำเนินการตามกฎหมายต่อไปแลจะขยายผลติดตามจับกุมบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่ม หากเรียกตัวแล้วไม่มาจะออกหมายจับ
สำหรับผู้เสียชีวิตคือนายเพิน วงศ์มา อายุ 40 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิด เข้าที่ไหล่ซ้ายกระสุนฝังในปอด ขณะบุกเข้าไปในที่ว่าการอำเภอเมืองอุดรธานี เย็นวันที่ 19 พฤษภาคมและนายเพินเสียชีวิตเช้าวันที่ 20 พฤษภาคม
นายลอด วงษ์มา แม่ผู้ตาย กล่าวว่า ไม่คิดจะไปเอาความผิดกันใคร ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เพราะเมื่อลูกชายชอบแบบนี้ เขาทำแบบนี้แล้วก็ตาย จะนำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้าน ลูกชายจะมาชุมนุมทุกครั้ง เมื่อรู้ว่ามีการชุมนุมก็จะทิ้งงาน เดินทางขึ้นรถมาที่ จ.อุดรธานี ครั้งไหนไม่ได้มาก็จะกระวนกระวาย
จากนั้นเวลา 13.00 น.วันที่ 20 พฤษภาคม นายอำนาจ ผการัตน์ ผวจ.อุดรธานี พล.ต.ต.เดชา ชวยบุญชุม ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พล.ต.ชาญชัย ภู่ทอง ผอ.รมน.ภาค 2 ส่วนแยก 1 พ.อ.อรรถสิทธิ์ โชติรัตน์ ผบก.กรมทหารราบที่ 13 น.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผบก.กองบิน 23 ได้เข้าเยี่ยมกลุ่มคนเสื้อแดงที่บุกเผาศาลากลางจังหวัดอุดรธานี และอาคารสำนักงานเทศบาลนครอุดรธานี เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม
ก่อนจะถูกกองกำลังทหาร ตำรวจ ตชด.และ อส.เข้าจับกุมตัวจำนวน 45 คน นำมาควบคุมตัวไว้ที่ ค่ายพระยาสุนทรธรรมธาดา ต.โนนสูง อ.เมือง อุดรธานี โดยกลุ่มคนเสื้อแดงที่ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวเอาไว้บริเวณหมวดเสนารักษ์ กองร้อยสนับสนุนการช่วยรบ กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 13 ค่ายพระยาสุนทรธรรมธาดา ต.โนนสูง อ.เมืองอุดรธานี โดยแบ่งเป็นผู้ชาย 36 คน จะถูกควบคุมตัวอยู่ที่โรงอาหาร ส่วนผู้หญิง 9 คน จะอยู่ที่ห้องตรวจโรค
โดยนายอำนาจ ได้สอบถามถึงความเป็นอยู่และอาหารการกิน การเจ็บป่วยซึ่งขอให้บอกเจ้าหน้าที่จะดูแลเป็นอย่างดี ส่วนผู้ที่ถูกควบคุมตัวนั้น ญาติสามารถเข้ามาเยี่ยมได้ แต่ขอไม่เกิน 5 คน เนื่องจากอุดรธานียังอยู่ใน พรก.ฉุกเฉิน หากจะมาเป็นจำนวนมากก็ขอให้แจ้งให้ทราบก่อน และขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนห้ามออกจากบ้านในเวลา 21.00 น.ถึงเวลา 05.00 น.จนถึงวันที่ เช้าของวันที่ 23 พฤษภาคม เนื่องจากเป็นจังหวัดที่รัฐบาลประกาศเคอร์ฟิว 
นายอำนาจ กล่าวว่า การเข้าสลายการชุมนุมในครั้งนี้ เป็นไปตามหลักสากล โดยเริ่มต้นจากการเจรจาแต่ไม่เป็นผลสำเร็จ จนกลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้ามาทำลายทรัพย์สินของทางราชการและจุดไฟเผาศาลากลาง ยึดรถดับเพลิงและเผาทำลาย เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังพยายามกดดันผู้ชุมนุมให้ออกจากพื้นที่ แต่กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงไปเผาสำนักงานเทศบาลนครอุดรธานี ก่อนที่จะมาเผาที่ว่าการอำเภอและจวนผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่จึงต้องตอบโต้ โดยการยิงปืนขึ้นฟ้า การใช้กระสุนยาง และกระสุนจริง ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 3 ราย เสียชีวิต 1 ราย 
ทั้งนี้ 1 ในผู้ถูกควบคุมตัวไว้นั้น มีนายปรมินทร์ พิมานเมฆินทร์ อดีตผู้สมัคร ส.อบจ.อุดรธานี บุตรชาย พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆินทร์ ส.ส.อุดรธานี เขต 1 พรรคเพื่อไทยรวมอยู่ด้วย โดยบอกว่าพึ่งมาภายหลังจากกลุ่มผู้ชุมนุมเผาศาลากลางแล้ว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผาแต่อย่างใด ซึ่งนายอำนาจบอกว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกคน หากใครผิดก็ดำเนินคดีไปตามกฎหมาย
 
แดงขอนแก่นเตรียมแห่ศพคนตายรอบเมือง- ใช้ทหาร 500 นายเข้าสลายชุมนุม
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 20 พ.ค.คนเสื้อแดงกว่า 100 คน เตรียมแห่ศพนายทรงศักดิ์ ศรีหนองบัว อายุ 33 ปี บ้านเลขที่ 12 หมู่ 8 บ้านหนองตูม ต.หนองตูม อ.เมือง ขอนแก่น ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุปะทะกันที่บ้านพักของนายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ อดีตรมช.คมนาคม ซึ่งมีบ้านพักอยู่ริมบึงแก่นนครเขตเทศบาลนครขอนแก่นและทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน และ บาดเจ็บกว่า 10 คน โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา
ในขณะที่นางบุญเรือง ศรีหนองบัว อายุ 59 ปี แม่ของผู้ตาย กล่าวว่า นายทรงศักดิ์ เป็นลูกชายคนโตและเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว ก่อนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 19 พ.ค.ผู้ตายได้มาทำงานที่ร้านวิเชียรเซ็นเตอร์ตามปกติ และพอเลิกงานประมาณ 16.30 น.ได้ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาทางริมบึงแก่นนคร และมาพบกับกลุ่มผู้ชุมนุมกำลังล้อมบ้านนายประจักษ์อยู่ จึงได้เข้าร่วมชุมนุมด้วยแต่จากนั้นก็ถูกยิงจนเสียชีวิต
"เสียใจมาก ไม่รู้ว่าลูกมาเข้าร่วมชุมนุมด้วย ก่อนหน้านี้เคยเห็นลูกชายบอกมาร่วมชุมนุมได้ครั้งสองครั้งแต่ไม่คิดว่าจะมีเหตุรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตแบบนี้ และอยากจะเอาศพลูกกลับบ้านไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี แต่แกนนำบอกขอเอาไว้แห่เพื่อประจานความโหดเหี้ยมครั้งนี้ก่อน" นางบุญเรือง กล่าว
ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 10.30 น. นายอนันต์ ชัยยุทธ ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาคขอนแก่น เปิดเผยว่า วันนี้ได้ประกาศปิดสำนักงาน 1 วัน หลังจากมีกลุ่มคนเสื้อแดงขู่ว่าจะบุกเข้าเผาสำนักงาน ทำให้ตนต้องสั่งเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อม นำเอกสารสำคัญออกจากสำนักงาน และเก็บข้าวของเครื่องใช้ที่สำคัญออกจากสำนักงานให้หมดเพื่อป้องกันการบุกเข้ามาทำลายของคนเสื้อแดง
"คิดว่าสาเหตุที่คนเสื้อแดงขู่เผาสำนักงานประปาส่วนภูมิภาค เพราะอยากจะตัดน้ำตัดไฟเหมือนกับที่กรุงเทพฯได้ทำกับคนเสื้อแดงทำให้เขาโกรธแค้นและจะเอาคืนบ้าง แต่อย่างไรก็ตามเพื่อความไม่ประมาททางสำนักงานได้เตรียมพร้อมตั้งรับเอาไว้แล้วด้วยการสั่งปิดบริการ 1 วันจนกว่าเหตุการณ์จะสงบ"นายอนันต์ กล่าว
นายปราโมทย์ สัจจรักษ์ ผู้ว่าราชการ จ.ขอนแก่น นำเจ้าหน้าที่ทหารจาก มทบ.23 ค่ายศรีพัชรินทร์ จ.ขอนแก่น จำนวน 20 นาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าตำรวจจาก สภ.เมืองขอนแก่น และตำรวจวิทยาการที่ 23 เข้าตรวจสอบความเสียหายของศาลากลาง จ.ขอนแก่น ทั้งหลังเก่าและหลังใหม่หลังจากถูกลุ่มคนเสื้อแดงบุกฝ่าด่านเจ้าหน้าที่เข้าไปจุดไฟเผาจนเกือบวอดทั้งหลัง
นายปราโมทย์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบความเสียหายเบื้องต้น ยังไม่สามารถที่จะสรุปความเสียหายได้ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานกำลังเก็บข้อมูลทางคดี เพื่อนำไปเป็นหลักฐานรายงานให้ส่วนกลางทราบก่อนที่จะมีการดำเนินคดีต่างๆ กับกลุ่มคนเสื้อแดงที่บุกเผาศาลากลาง ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการสอบสวนหาข้อมูลทั้งหมด
จากนั้นเมื่อเวลา 13.00 น.ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 23 ค่ายศรีพัชรินทร์ขอนแก่น จำนวน 500 นาย พร้อมอาวุธ ได้เข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ชุมนุมอยู่บริเวณสวนรัชดานุสรณ์ ด้านหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น ที่ชุมนุมกันอยู่กว่า 100 คน โดยเมื่อทหารไปถึงกลุ่มผู้ชุมนุมได้แตกฮือหนีกระเจิงไปคนละทิศละทาง ก่อนที่ทหารจะยืนตรึงกำลังในพื้นที่ หวั่นเกรงผู้ชุมนุมจะกลับมาอีก ซึ่งล่าสุดเมื่อเวลา 13.50 น.ไม่มีคนเสื้อแดงเหลือในพื้นที่เลย
นอกจากนี้สถานีโทรทัศน์ที่อยู่ในจังหวัดขอนแก่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องคอยดูแลรักษาความปลอดภัย ตั้งแต่เวลา 18.00 น.วันนี้ ไปจนถึงเวลา 06.00 น.วันต่อไป ยกเว้นทีวีช่อง 5 ที่ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทหารจากค่ายศรีพัชรินทร์ ในขณะนี้มีสื่อมวลชน (ASTV) ศูนย์ขอนแก่น ถูกข่มขู่ จนต้องหลบหนีออกจากอาคารที่ทำงานไป อาศัยอยู่ที่อื่นเป็นการชั่วคราว ในทางกลับกัน เจ้าหน้าที่ ศอฉ.ขอนแก่น ได้ประสานขอภาพถ่ายจากสื่อมวลชนทุกแขนง เพื่อนำไปเป็นหลักฐาน ในการติดตามจับกุม กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ และแกนนำในพื้นที่ เพราะในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประกบแกนนำเอาไว้แล้ว หากหลักฐานและพยานชัดเจน ก็จะขอหมายจับ จับกุมในข้อหา ก่อการร้าย ,การทำให้เสียทรัพย์,ลักทรัพย์,การสร้างความเดือดร้อนรำคาญ,และการก่อความไม่สงบ
ต่อมาเวลา 16.00 น.รองศาสตราจารย์ นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น แจ้งว่า ตามที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ได้เปิดให้บริการคลินิคนอกเวลา ตั้งแต่เวลา 16.30 น.ถึงเวลา 20.00 น.นั้น เนื่องจากขณะนี้ทางโรงพยาบาลต้องเตรียมรับสถานการณ์สภาวะฉุกเฉิน ทางโรงพยาบาล จึงขอปิดการให้บริการคลินิคนอกเวลาในวันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม 2553
ทั้งนี้ภายหลังการเข้าปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ของกองร้อยทหารปราบจลาจล จากศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. จ.ขอนแก่น ส่งผลให้บรรยากาศโดยทั่วไปของ จ.ขอนแก่น เป็นไปอย่างเงียบเหงา กำลังตำรวจ ทหารยังคงตรึงกำลังตามจุดตรวจที่สำคัญ ถึงการสลายการชุมนุมดังกล่าว มีรายงานว่า ทหารได้ควบคุมตัวแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง 17 คน ไปไว้ที่กรมทหารราบที่ 8 ค่ายสีหราชเดโชไชย จังหวัดขอนแก่น เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมทั้งมีการปรับเปลี่ยน ผู้บัญชาการเหตุการณ์และควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น จาก นายปราโมทย์ สัจจรักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็น พล.ต.กนก เนตระคเวสนะ รองแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อควบคุมสถานการณ์ และเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น ในช่วงของการประกาศเคอร์ฟิว ในช่วงค่ำคืนของวันนี้
ทหารลุยจับแกนนำ นปช.อุบล
12.00 น.เจ้าหน้าที่ทหารจาก มทบ.22 ได้แบ่งกำลังออกเป็น 3 สาย มีกำลังพลสายละ 200 คน ไปทำการปิดสถานีวิทยุชุมชนคลื่น 91 และคลื่น 99 ของกล่ม นปช. สามารถยึดเครื่องส่งวิทยุจากกลุ่ม นปช. คลื่น 91 ได้เพียง 1 เครื่องส่วนคลื่น 99 ทางกลุ่ม นปช.ได้นำหลบหนีไปก่อน และอีกสายหนึ่งเจ้าหน้าที่ทหารรจำนวน 200 คน ได้เดินทางไปยังซอยบูรพาใน เขตเทศบาลนครอุบลราชธานี เป็นบ้านของนายพิเชษฐ์ ทาบุดดา แกนนำกลุ่ม นปช.อุบลราชธานี เข้าจับกุมนายพิเชษฐ์ และนำตัวไปควบคุมตัวทำการสอบสวนที่ มทบ.22 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อำเภอวารินชำราช จังหวัดอุบลราชธานี
โดยที่จังหวัดอุบลราชธานี หลังจากที่มีการประกาศ เคอร์ฟิว วิทยุชุมชนของกลุ่ม นปช.ได้มีการกระจายเสียงระบุถึงเหตุการณ์ที่มีกลุ่มคนเสื้อแดงได้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เมื่อวานนี้ (19 พ.ค.) ถึง 3 ราย และปล่อยข่าวว่าผูุ้ชุมนุมจะทำการเคลื่อนไหวไปยังสถานที่ราชการหลายแห่ง ทำให้หน่วยงานราชการของ จ.อุบลราชธานี เช่น องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ได้มีการขนย้าย เอกสาร เครื่องคอมพิวเตอร์กันจ้าละหวั่นกลัวว่ากลุ่ม นปช.จะมาเผาสำนักงาน
ขณะที่ประชาชนส่วนหนึ่ง ที่เดินทางไปดูสภาพศาลากลางจังหวัดหลังเก่าที่สร้างมานานถูกเผาเสียหาย และได้นำน้ำ เครื่องดื่ม มามอบให้ทางเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาทำงานอยู่ตามสำนักงานที่ตั้งอยู่ในบริเวณศาลากลาง เพื่อที่จะเป็นขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ได้มีกำลังใจที่จะทำงานต่อไป
ตร.โคราช ล่าตัวแรมโบ้อีสาน
13.15 น.พ.ต.อ วชิรวิชญ์ กฤษณ์ฤทธิศักดิ์ รอง ผบก.จ.นครราชสีมา ให้สัมภาษณ์ในฐานะได้รับมอบหมาย เป็นหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวน ติดตามจับกุม นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน แกนนำ นปช. ผู้ต้องหาคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการรายงาน หรือเบาะแสข้อมูลการเดินทางเข้ามาในพื้นที่ของนายสุภรณ์ แต่อย่างใด แต่ได้มีการสั่งการให้ จนท.ชุดสืบสวน ลงพื้นที่หาข้อมูลทางลับ ตามสถานที่ต่างๆ ที่คาดว่า นายสุภรณ์ จะใช้เป็นแหล่งกบดานซุกซ่อนตัว
ศรีสะเกษ เผายางรถยนต์ 2 จุด
จากการที่ จังหวัดศรีสะเกษ ที่ถูกประกาศเป็นเขตพื้นที่ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปรากฏว่า ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา นายกองเอก วิลาศรุจิวัฒนพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด ศรีสะเกษ ร่วมด้วย พล.ต.ต.กรกต สาริยา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ได้ระดมกำลังผสมเจ้าหน้าที่ตำรวจ อส. และ อพปร. จากทุกอำเภอของจังหวัดศรีสะเกษ ประมาณ 1,000 นาย มาเฝ้ารักษาความสงบเรียบร้อย บริเวณศาลากลางจังหวัด และบริเวณร้านค้า ธนาคาร สถาบันการเงิน ห้างสรรพสินค้า รวมทั้ง แหล่งชุมชนทุกแห่งอย่างเข้มงวด รวมทั้ง มีการตั้งด่านตรวจเข้ม ตามจุดต่างๆ รอบเขตพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อเป็นการป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นได้
พล.ต.ต.กรกต กล่าวว่า ในช่วงกลางดึกวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ได้มีแก๊งป่วนเมือง ใช้รถยนต์ปิกอัพ สีดำ ส่วนการเผายางรถยนต์ 2 จุด จุดละ 1 เส้น ตามถนนเส้นทางสายศรีสะเกษ-กันทรลักษ์ ซึ่งเป็นเส้นทางไปสู่ เขาพระวิหาร ตนจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ไล่ล่าจับกุมแล้ว ซึ่งคาดว่า เป็นกลุ่มคนร้าย ที่มาจาก นอกพื้นที่ ๆ หวังเข้ามาก่อความไม่สงบขึ้น ในเขตพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ นอกจากนี้แล้ว ยังได้ทำการจับกุม กลุ่มบุคคลที่เมาสุรา และออกนอกเคหะสถาน จำนวน 3 ราย และจับกุมผู้ที่เสพสารเสพติด อีก 1 ราย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ระเบิดห้างบิ๊กซีอยุทธยาเสียหายเล็กน้อย
ที จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.กรเอก เพชรไชยเวส รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายนที บ่อสุวรรณ นายอำเภอบางปะอิน นำกำลังตำรวจภูธรบางปะอินและตำรวจวิทยาการ ตรวจสอบภายในห้องน้ำชาย ห้องที่ 13 ชั้นที่ 1 ของอาคารห้างบิ๊กซีสาขาพระนครศรีอยุธยา ริมถนนสายเอเชีย ต.บ้านกรด อ.บางปะอิน หลังกลุ่มคนร้ายนำระเบิดประทัดยักษ์วางไว้บนโคมไฟและเกิดระเบิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แรงระเบิดประทัดยักษ์ ทำให้โคมไฟแตกกระจายเต็มห้องน้ำ และสภาพห้องน้ำได้รับความเสียหาย แต่ในช่วงเกิดเหตุไม่มีประชาชนผู้มาใช้ห้องน้ำจึงไม่พบผู้บาดเจ็บ
นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า สั่งให้ตำรวจเฝ้าระวังเขตศูนย์การค้าสำคัญเพิ่มเติม อาทิ ศูนย์การค้าอยุธยาพาร์ค ที่ตั้งของห้างโลตัส และห้างโรบินสัน ห้างแอมโปรมอลล์ ธนาคารสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
มทภ.3 เชื่อแดงลงใต้ดิน ชี้คับแค้นใจแกนนำสั่งสลาย-ศาลากลางเชียงใหม่อพยพ จนท.หลังถูกโทรขู่ระเบิด
11.00 น.วันที่ 20 พฤษภาคม ที่ห้องประชุมมณฑลทหารบกที่ 33 (มทบ.33) ค่ายกาวิละ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พล.ท.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานในการประชุมร่วมกับกองบัญชากำลัง จ.เชียงใหม่ นำโดยนายอมรพันธุ์ นิมานันท์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ พล.ต.ต.ชานุกร ตัณฑโศกล ผบ.มทบ.33 พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ภ.5 เพื่อประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า มีแนวโน้มเป็นไปได้ว่าจะลงไปปฏิบัติการใต้ดินตามที่คาดเดาไว้ ซึ่งการทำงานก็ไม่แตกต่างกัน เพราะทหารเป็นไปได้ทั้งเจ้าพนักงานและผู้ช่วยพนักงาน ขณะนี้เรากำลังติดตามพูดคุยกับแกนนำกลุ่มที่ไปกรุงเทพฯ และกำลังกลับมา โดยเฉพาะการจัดกำลังไปดูแลประชาชนที่ดินทางกลับมาด้วย เพื่อผูกมิตรและดูท่าทีเพื่อปรับทัศนคติด้านข่าวสาร
แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ยอมรับว่าในขณะเกิดเหตุอาจชุลมุนและกำลังมีมาก อาจทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่กล้าดำเนินการ แต่ตอนนี้กำลังทหารมากกว่า น่าจะแก้ไขปัญหาได้แล้วทั้งหมด ทั้งนี้ เชื่อว่าเป็นการคับแค้นใจที่ไม่บรรลุตามต้องการ จึงแสดงออกโดยไม่มีเหตุผล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 20 พ.ค. ได้มีบุคคลไม่ประสงค์ดีโทรศัพท์เข้ามาขู่วางระเบิดที่ชั้น 2 อาคารศาลากลาง จ.เชียงใหม่ จึงมีการเร่งอพยพพนักงาน ข้าราชการทุกหน่วยออกจากและสั่งปิดทำการทันที โดยประสานหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดจากตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 มาตรวจสอบข้อเท็จจริง
นายอมรพันธุ์ นิมานันท์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์ว่า มวลชนเข้ารื้อถอนเวที บังเกอร์ยางรถยนต์ 150-200 เส้น และตรวจพบขวดน้ำมันเชื้อเพลิงจำนวนหนึ่ง ที่หน้าโรงแรมวโรรส แกรนด์ พาเลซ ของกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ส่งมอบเจ้าหน้าที่ตำรวจนำไปเก็บในที่ปลอดภัย ส่วนที่สถานีรถไฟของกลุ่ม นปช.แดง รื้อถอนเองทั้งหมดแล้วเช่นกัน
โดยนายอมรพันธุ์ กล่าวถึงเหตุการณ์เกิดเพลิงไหม้บ้านพักปลัด จ.เชียงใหม่ ในช่วงกลุ่ม นปช.และคนเสื้อแดงชุมนุม เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ว่าพนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องไปแล้ว 8-9 ปาก รวบรวมพยานหลักฐานจากภาพถ่ายผู้ก่อเหตุชัด เพื่อขอออกหมายจับคดีอาญา
จับมือเผายางเชียงราย 3 ราย
ที่ จ.เชียงราย พ.ต.อ.มงคล สัมภวะผล ผกก.สภ.อ.เมืองเชียงราย นำกำลังเข้าจับกุมกลุ่มคนเสื้อแดงจุดไฟเผายางรถยนต์บริเวณสี่แยกแม่กรณ์ ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ต.รอบเวียง 3 คน มีนายวิจิตร ปินตาปัน อายุ 51 ปี หมู่ 13 ต.ท่าสาย อ.เมืองเชียงราย นายยงยุทธ ปัญญาคำ อายุ 44 ปี หมู่ 1 ต.ท่าสาย อ.เมืองเชียงราย และนายฤทธิ์รณ จันทนจินดา อายุ 18 ปี หมู่ 4 ต.ท่าสาย อ.เมืองเชียงราย พร้อมของกลางยางรถยนต์จำนวน 6 เส้น
ส่วนพื้นที่ อ.แม่สายเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาเป็นชายฉกรรจ์ 6 คน พร้อมของกลางยางรถยนต์ 8 เส้น รถยนต์ 1 คัน และรถจักรยานยนต์อีก 3 คัน ขณะที่ทั้งหมดออกลาดตระเวนนำยางรถยนต์ไปเผาเพื่อสร้างสถานการณ์ โดยพบว่ามีป้ายคัตเอาท์ขนาดใหญ่ของพรรคภูมิใจไทยเสียหาย 1 ป้าย
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการตำรวจภูธร จังหวัดเชียงราย เข้าทำการตรวจสอบ ตู้ ATM ของ ธนาคารกรุงเทพ ซึ่งตั้งอยู่บนถนนสาย เชียงราย แม่จัน เขตตำบลบ้านดู่ บริเวณหน้าร้านเมืองทอง ออโต้เซลล์ ซึ่งเป็นจุดจำหน่ายรถ โดยมีความเสียหายเกิดขึ้นบริเวณเครื่อง ATM โดยเบื้องต้น จากการตรวจสอบของทางเจ้าหน้าที่ พบว่า มีการใช้อาวุธปืน ยิงเข้าใส่ตู้ ATM จนได้รับความเสียหาย คาดว่า น่าจะก่อเหตุเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา (19 พ.ค. 53) เมื่อเวลา 01.00 น.
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังเข้าตรวจสอบ บริเวณชุมชนสันขี้เบ้า เขตเทศบาลนครเชียงราย อีกจุด หลังมี คนร้าย พยายามฝ่าฝืนการประกาศ เคอร์ฟิว คือมีการนำยางรถยนต์จำนวนมากกว่า 10 เส้น ทำการเผาบริเวณป้ายผ้าชุมชน ได้รับเสียหาย ซึ่งในขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการติดตามตัวคนร้าย ซึ่งคาดว่า น่าจะจับกุมตัวคนร้ายได้ในที่สุด
แดงลำปาง 80 คนถึงบ้านแล้ว
ที่บริเวณสี่แยกนาก่วม ถ.สายลำปาง เชียงใหม่ ต.ชมพู อ.เมือง จ.ลำปาง กลุ่มคนเสื้อแดงลำปางประมาณ 80 คน ได้ทยอยเดินทาง ลงจากรถบัสปรับอากาศ โดยกลุ่มคนเสื้อแดงนั้นมาถึงด้วยสภาพที่อิดโรย ส่วนรถที่โดยสารมานั้นเป็นรถที่รวมเงินเช่าเหมาลำมากันเอง ไม่ได้ขึ้นรถโดยสารของรัฐบาลที่จัดให้มาแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนเสื้อแดงลำปาง บางรายเผยกับผู้สื่อข่าวว่า การเดินทางกลับมาในครั้งนี้ไม่ถือว่าเป็นการแพ้ แต่การเดินทางกลับมาครั้งนี้ กับมาเพื่อพักยก หากมีแกนนำคนเสื้อแดงคนใหม่จัดตั้งขึ้นมาก็พร้อมเดินทางต่อสู้กับรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง ส่วนคนเสื้อแดงบางรายที่เป็นผู้หญิง ก็ร้องไห้ และกล่าวว่าแกนนำไม่น่าประกาศ ยุติและสลายการชุมนุม แต่โดยรวมแล้วกลุ่มคนเสื้อแดงลำปางบอกว่าพร้อมเดินทางต่อสู้กับรัฐบาลต่อไป
 
ที่มาเรียบเรียงจาก: มติชนออนไลน์, เว็บไซต์ไทยรัฐ, ไอเอ็นเอ็น

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net