เคอร์ฟิวเพิ่มอีก 23-24 พ.ค. 5 ทุ่ม-ตี 4 ย้าย ศอฉ. ราบ11 ไปกองทัพบก

23 พ.ค. 53 - เวลา 11.30 น. ณ แหล่งสมาคมนายทหาร กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11รอ.) ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ซึ่งมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศอฉ. ทำที่เป็นประธานการประชุม พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ได้แถลงผลการประชุมมีสาระสำคัญ ดังนี้

เรื่องที่ 1 คือ เรื่องของการดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน จะมีการดูแลรักษาความปลอดภัยใน 3 ลักษณะพร้อมๆ กัน ลักษณะที่หนึ่งจะเป็นการจัดกำลังจากเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารของทุกเหล่าทัพโดยจะปฏิบัติร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่เทศกิจ โดยพื้นที่ที่รับผิดชอบคือบริเวณพื้นที่โดยรอบแยกราชประสงค์ซึ่งจะตั้งจุดตรวจสำคัญ ๆ 5 จุด ได้แก่ บริเวณแยกราชประสงค์ แยกประตูน้ำ แยกศาลาแดง แยกเพลินจิต และแยกปทุมวัน โดยภารกิจคือดูแลความปลอดภัย ระงับยับยั้งเหตุร้ายเมื่อมีประชาชนเข้ามาขอความช่วยเหลือในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งภารกิจนี้ได้เริ่มตั้งแต่เวลา 08.00 น. ของวันนี้ ลักษณะที่สอง คือเรื่องการจัดกำลังสายตรวจของเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารเป็นสายตรวจรถยนต์ โดยจะตรวจพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพมหานครทุกเส้นทาง เริ่มตั้งแต่วันนี้ ลักษณะที่สามคือ เรื่องของการจัดตั้งด่านตรวจในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นนอกและปริมณฑล จำนวนทั้งสิ้น 17 ด่าน ส่วนกรุงเทพฯ ชั้นในจะมีการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจและจุดสกัดเช่นเดียวกัน จำนวน 16 ด่าน ทั้งนี้กำลังของเจ้าหน้าที่กองทัพบก เรือ และอากาศ จะมีการปรับกำลังการออกไปควบคุมทั้ง 50 เขต ของกรุงเทพฯ โดยแบ่งความรับผิดชอบเป็นโซน ๆ จำนวนทั้งสิ้น 7 โซน เหมือนลักษณะก่อนที่จะมีการกระชับวงล้อมซึ่งเราได้เคยดำเนินการในลักษณะเช่นนี้มาแล้วคือกำลังทั้งหมดจะแบ่งความรับผิดชอบ 7 โซน ครอบคลุมพื้นที่ 50 เขต ทั่วทั้งกรุงเทพฯ นอกจากนั้นก็จะมีการรักษาความปลอดภัยในสถานที่สำคัญ ๆ ซึ่งได้รับข้อมูลว่าควรจะต้องมีการดูแลเป็นพิเศษอีก 17 แห่ง

เรื่องที่ 2 คือเรื่องของการประกาศยกเลิกการห้ามใช้เส้นทางในบริเวณราชประสงค์ ขณะนี้วันนี้ กทม.กำลังที่จะเข้าไปฟื้นฟูระบบต่าง ๆ ในบริเวณพื้นที่ราชประสงค์โดยรวม ไม่ว่าจะเป็นกล้องซีซีทีวี ระบบไฟสัญญาณจราจร ความสะอาด ฯลฯ ซึ่งถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนงานก็คาดว่าคงจะสามารถประกาศให้พี่น้องประชาชนสามารถใช้รถ ถนน ในบริเวณพื้นที่แยกราชประสงค์และบริเวณใกล้เคียงที่เคยมีประกาศห้ามใช้เส้นทาง ให้สามารถใช้ได้ ภายในวันพรุ่งนี้ (24พ.ค.) เวลา 05.00 น.

เรื่องที่ 3 คือ เรื่องการประกาศห้ามออกนอกเคหะสถานยามวิกาล คงจำเป็นที่จะต้องขอต่อระยะเวลาในการประกาศห้ามออกนอกเคหะสถานยามวิกาลต่อไปอีก 2 วัน คือ คืนนี้กับคืนวันพรุ่งนี้ (24พ.ค.) โดยจะมีการปรับเวลาเป็นเวลา 23.00-04.00 น. ทั้งนี้เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนที่มีกิจธุระในช่วงหัวค่ำและยังทำภารกิจไม่เสร็จได้มีโอกาสทำงานของตน และได้มีชีวิตที่สะดวกมากขึ้น แต่ก็ยังคงขอความกรุณาที่จะประกาศห้ามออกนอกเคหะ สถานต่อไปอีก 2 วัน ตามเวลาดังกล่าว และหลังจากนั้นจะมีการประเมินสถานการณ์เป็นช่วง ๆ เพื่อจะดูว่าจะมีความเหมาะสมที่จะยกเลิกไปเลยหรือจะขอต่ออีกกี่วัน ตรงนี้ก็จะมีการประเมินกันเป็นห้วง ๆ อย่างไรก็ตามการประกาศห้ามออกนอกเคหะสถานในครั้งนี้ยังหมายรวมถึงพื้นที่ต่างจังหวัดที่มีการประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินด้วย

พร้อมกันนี้ โฆษก ศอฉ.ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันพรุ่งนี้ (24พ.ค.) ศอฉ. จะย้ายที่ตั้งศูนย์บัญชาการจากกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11รอ.) ไปอยู่ที่กองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนิน โดยจะมีการประชุม ศอฉ. วันละ 2 ครั้ง คือเวลา 09.00 น กับเวลา 17.00 น. ทั้งนี้เฉพาะวันพรุ่งนี้ซึ่งเป็นวันที่ย้ายสถานที่ บก.ก็คงจะมีการประชุม ศอฉ. เฉพาะรอบเวลา 17.00 น. รอบเดียว ฉะนั้นสื่อมวลที่จะทำข่าวก็ขอเรียนเชิญทำข่าวได้ตามวันเวลาและสถานที่ดังกล่าว
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท