Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

“ผมไม่นึกไม่ฝันว่า เรามีรัฐที่ได้ทำร้ายประชาชนจนถึงขั้นเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสแล้ว เรายังมีรัฐที่พยายามยัดเยียดความผิดกลับไปให้ประชาชนอีก เป็นพฤติกรรมที่รับไม่ได้”

                                            (คำแถลงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เรียกร้อง “ความรับผิดชอบ” 
                                            จากรัฐบาล นายสมชาย วงสวัสดิ์
                                            เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2551 – มติชน,24 พ.ค.53 หน้า 3)

 

ร่วม 80 ศพ กับบาดเจ็บอีกกว่า 1,000 คน อภิสิทธิ์รับผิดชอบอะไร? เขาแยกแยะให้เห็นหรือยังว่าใน 80 ศพ และในกว่า 1,000 คน ที่บาดเจ็บ มีผู้ก่อการร้ายกี่คน? ผู้บริสุทธิ์กี่คน? เขาเคยแม้แต่จะกล่าว “ขอโทษ” ญาติมิตรของประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่บาดเจ็บและเสียชีวิตหรือไม่? 

เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่นักการเมืองรุ่นใหม่ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก เป็นนักการเมืองอาชีพ มีประสบการณ์มานาน จะแสดงออกต่อสาธารณะถึงความมี “อภิมหาสองมาตรฐาน” ใน “ความรัฐผิดชอบ” ของรัฐบาลอย่างไร้ยางอายเช่นนี้!

และยิ่งเป็นเรื่องเหลือเชื่อขึ้นไปอีก ที่ประชาชนในประเทศนี้ยังยินยอมให้อภิสิทธิ์เป็น “พระเอก” เดินหน้าต่อไปในการปราบผู้ก่อการร้าย ขบวนการล้มเจ้า และเป็นผู้นำในแผนปรองดอง 5 ข้อ หรือ “ปฏิรูปสื่อ” และ “ปฏิรูปประเทศไทย”

ทั้งที่เขา “อยู่ฝ่ายตรงกันข้าม” กับประชาชนอีกหลายล้านคน ทั้งที่เขาปิดสื่อมากกว่ารัฐบาลเผด็จการทหาร ทั้งที่เขาล้มเหลวในนโยบายสมานฉันท์ การแก้ปัญหาขัดแย้งทางการเมืองด้วยสันติวิธี และทั้งที่เขาเป็นผู้นำรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยที่ใช้กองทัพแก้ปัญหาการเมือง จนทำให้ความขัดแย้งทางความคิดของคนในชาติ “ยกระดับ” เป็นสงครามกลางเมือง (โดยที่คาดการณ์ล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้วถึงแนวทางปฏิบัติของตนว่าจะนำไปสู่การ “ยกระดับ” ดังกล่าว)

ที่น่าอัศจรรย์ที่สุดคือ เสียงเรียกร้องจาก ปัญญาชน นักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย (แม่งไม่อยากพูดถึงเลย!) สื่อมวลชนในไทย (สื่อต่างชาติยังมี “ท่าที” เรียกร้องมากกว่า) และภาคส่วนอื่นๆ ของสังคม ให้อภิสิทธิ์ลาออกหรือยุบสภากลับค่อยๆ แผ่วลงและเลือนหายไป!

เสมือนว่า “ชนชั้นนำทางปัญญา” ของประเทศนี้ต้องมนต์สะกดของ “เสธ.ไก่อู” ว่า ขบวนการต่อสู้ของคนเสื้อแดงได้ยกระดับเป็น “ขบวนการก่อการร้าย” และเป็น “ขบวนการล้มเจ้า” อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว! และคนเสื้อแดงที่ตายไปนั้นก็เพราะถูก “กองกำลังก่อการร้ายของคนเสื้อแดงยิงคนเสื้อแดงด้วยกันเอง” (เท่านั้น?)

และที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าความน่าอัศจรรย์ทั้งปวง คือ เป็นไปได้อย่างไรครับ ที่ความมั่นคงของรัฐบาลใน พ.ศ.นี้ จะอิงอยู่กับการ “ค้ำยัน” ของสถาบันกษัตริย์และกองทัพล้วนๆ?

ไหนพูดกันมาหลายสิบปีว่า ประเทศนี้ประชาธิปไตยก้าวหน้ามากขึ้นแล้ว การเมืองภาคประชาชน หรือการเมืองแบบตรวจสอบแบบมีส่วนร่วมเข้มแข็งมากขึ้นแล้ว  ณ วันนี้พลังการตรวจสอบจากภาคส่วนต่างๆ หายไปไหน?

หรือว่า “ชนชั้นนำทางปัญญา” ในประเทศนี้ ก็แค่เอาแต่ “พูดแบบอภิสิทธิ์” (หมายถึง วิธีพูดที่ดูดีมีหลักการแต่ความเป็นจริงกับสิ่งที่พูดตรงข้ามกันราว “หน้ามือกับหลังตีน”) เท่านั้น!

ในสายตาของคนเสื้อแดงมีแต่คนที่ “พูดแบบอภิสิทธิ์” เท่านั้น ที่เต็มใจเข้าร่วม “แผนปรองดองแบบอภิสิทธิ์” แล้วก็ร่วม “ปฏิรูปสื่อ/ปฏิรูปประเทศแบบอภิสิทธิ์” คนเหล่านี้แสดง “เมตตาธรรมแบบอภิสิทธิ์” ต่อคนเสื้อแดงว่า พวกเขามาชุมนุมเพราะมีปัญหาความยากจน และเขายากจนเพราะสังคมมีความเหลื่อมล้ำมานาน แต่ความเหลื่อมล้ำมันเป็นข้อเท็จจริงของทุกสังคม ไม่ใช่เรื่องที่จะนำมาสร้างเงื่อนไขความขัดแย้ง จะแก้ปัญหานี้จำเป็นต้องใช้เวลาอีกนาน

แต่คนเสื้อแดงไม่ต้องการ “เมตตาธรรมแบบอภิสิทธิ์” ซึ่งไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร? คำตอบของการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำคืออะไร? เกือบค่อนร้อยปีของพรรคประชาธิปัตย์ เคยมีนโยบายแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำไหม? นอกจากโดดเด่นเป็นพิเศษในเรื่อง “บังคับใช้กฎหมาย” ด้วยการไล่คนจนออกจากที่ทำกิน (ไม่เคยไล่นายทุนบุกรุกป่าแม้แต่รายเดียว) แจก สปก.4-01 ให้คนรวย และด้วยการรักษา “นิติรัฐ” จนคนตายเป็นเบือ เกิดความแตกแยกร้าวลึกถึง “จิตวิญญาณ” ของคนระดับล่างอย่างไม่ไม่เคยปรากฏมาก่อน!

คนเสื้อแดงไม่ได้มาร้องขอ “เมตตาธรรมแบบอภิสิทธิ์” เขามาทวงคืนอำนาจที่เท่าเทียม สิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นคนที่เท่าเทียม เขาต้องการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำผ่านกระบวนการที่ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด นั่นคือ “กระบวนการเลือกตั้ง” ที่เขาจะสามารถเลือกพรรคการเมืองที่เห็นว่าเสนอนโยบายแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำได้ดีที่สุด เป็นไปได้ในทางปฏิบัติ และติดตามประเมินผลได้จากผลงานของรัฐบาลที่เขาเลือก

“เมตตาธรรมแบบอภิสิทธิ์” ที่แสดงออกด้วย “วิธีพูดแบบอภิสิทธิ์” เช่น “ขอคืนพื้นที่/กระชับพื้นที่/ปรองดอง สมานฉันท์” ด้วยการใช้ “กระสุนจริง” จนญาติพี่น้องมิตรสหายของเขาต้องตายเป็นเบือนั้น คนเสื้อแดงไม่ต้องการ!

เพราะจะให้พวกเขาเชื่อได้อย่างไรว่า เหล่าบรรดา “ผู้นำทางปัญญา” ของประเทศนี้ที่ล้วนแต่นิยมจริต “วิธีพูดแบบอภิสิทธิ์” ที่เข้าร่วมขบวนเมตตาธรรมและแผนปรองดองแบบอภิสิทธิ์นั้น ในที่สุดแล้วจะไม่ทำกันได้แค่ “ผสมพันทางความคิดแบบอภิสิทธิ์” แล้วก็คลอด “แผนแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำแบบอภิสิทธิ์” ที่ดูดีมีหลักการแต่ไร้ค่าในทางความเป็นจริง และทางการปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม!

ผมไม่นึกไม่ฝันว่า ประชาชนจำนวนมากในประเทศนี้ โดยเฉพาะเหล่าบรรดา “ผู้นำทางปัญญา” ของประเทศนี้ จะยังหลับหูหลับตารับรองความชอบธรรมของ “รัฐบาลแบบอภิสิทธิ์” (รัฐบาลที่เป็นศัตรูกับประชาชนที่ต้องการฟื้นศรัทธาต่อ “ระบบการเลือกตั้ง”) ส่งเสียงเชียร์ และร่วมเดินหน้าไปกับ “แผนปรองดองแบบอภิสิทธิ์” อย่างว่านอนสอนง่าย!

ในขณะที่คนเหล่านั้นต่างชายตามองความพ่ายแพ้ของคนเสื้อแดงอย่างรู้สึกโล่งอก แกมสมเพช หรืออาจสะใจ แต่ยังอุตส่าห์แสดง “เมตตาธรรมแบบอภิสิทธิ์” ออกมาว่า พวกเราควรเห็นใจคนจน ต้องปฏิรูประเทศ แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ! (แต่อย่ารีบให้อำนาจคนเสื้อแดงเป็นอันขาด อย่าให้พวกเขาได้เลือกตั้งง่ายๆนะ “อย่าให้พวกเขาชนะเราด้วยการเลือกตั้ง!”)

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net